ความรักที่แท้จริง

สภาวะก่อนนิยาม ความหมายของความรักที่แท้จริง

(1)

        ร่วงหล่น…

        สภาวะเคว้ง วาบหวิว เบา ว่างเปล่า

        ความไม่รู้ ไม่แน่ใจ ที่อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ จากชั่วขณะใจสั่นไหวชั่วครู่นั้น

 

        ชั่วขณะสั้นๆ

        คำพูดเดียวเท่านั้น

        เสี้ยวนาทีที่สายตาประสานกัน

        ที่ทำให้เกิดอาการเบา หวิว เฉียบพลัน

        ไร้น้ำหนัก ไร้แรงต้าน ร่วงหล่น กระโจน ตกลงไปในหลุม… รัก

 

        เบา เคว้ง ว่างเปล่า

        สภาวะก่อนจะมีคำนิยาม กำหนดว่านี่รักหรือไม่รัก ใช่หรือไม่ใช่ เป็นหรือไม่เป็นอะไร

        ความไร้เงื่อนไข ก่อนนิยามความรักจะมาจำกัดความ กำหนดขอบเขต พรากสภาวะ ‘เพียงแค่เป็น’ (just be) ของรักไป

(2)

        มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระเซนชรารูปหนึ่งที่กำลังนอนป่วยบนเตียงใกล้ตาย เขารู้ว่าวันสุดท้ายได้มาถึงแล้ว และได้บอกให้ลูกศิษย์ทั้งหลายทราบว่าเขากำลังจะจากโลกนี้ไป

        หนึ่งในลูกศิษย์ของเขาวิ่งออกไปที่ตลาด หลายคนถามว่าครูบาอาจารย์กำลังจะตาย จะวิ่งไปตลาดทำไมกันเล่า ลูกศิษย์คนนั้นบอกเพียงแค่ว่า เขารู้ว่าอาจารย์ของเขาชอบกินเค้กชนิดหนึ่ง และเขาจึงกำลังจะไปซื้อเค้กนั่น

        พระเซนรับเค้กนั้นมาทาน ลูกศิษย์ทั้งหลายล้อมเตียงเฝ้ามองพระชราทานเค้กไปอย่างช้าๆ จนศิษย์ผู้หนึ่งทำลายความเงียบและถามขึ้นมาว่า อีกไม่นานท่านก็กำลังจะจากไป อะไรคือคำสอนสุดท้ายที่ท่านอยากฝากศิษย์ทั้งหลายไว้

        พระชรายิ้มออกมา และเปล่งเสียงเบาๆ ออกมาว่า

        “อา เค้กนี้ช่างอร่อยจริง”

        และจากไปด้วยความสงบ1

        อาจคล้ายว่านี่เป็นปริศนาธรรม แต่ความจริงมันไม่มีปริศนาอะไรเลยในเรื่องเล่านี้ ความหมายของมันช่างเรียบง่าย ตรงไปตรงมา ข้อความ “เค้กอร่อยจริง” ที่บอกว่าชีวิตนั้นมีอยู่เพียงแค่ในที่นี่ เดี๋ยวนี้ ความดื่มด่ำที่มีต่อเค้กตรงหน้า แม้ความตายที่อยู่ถัดไปไม่กี่นาทีก็ไร้ความหมาย สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ในตอนนั้นคือรสชาติของเค้ก เท่านั้นที่ทำให้ชั่วขณะนั้นสมบูรณ์

        ไม่ต่างจากการมีความรักอย่างแท้จริง ที่ไร้ความกลัวต่ออนาคต ความไม่เที่ยงของการเปลี่ยนแปลง การได้หรือไม่ได้สิ่งใดตอบแทน ประสบการณ์ในอดีตและความกลัวอนาคตล้วนไร้การมีอยู่ในช่วงเวลาที่ความรักนั้นเกิดขึ้น รักเพียงเพราะรัก อยู่กับความรู้สึกนั้นอย่างจริงแท้ และสมบูรณ์ในความรู้สึกที่มี

        ในความว่างเปล่าต่ออดีตและอนาคตนั้น ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่มีอะไรต้องหลบซ่อน ในความว่างเปล่านั้นคือพื้นที่กว้าง ความไร้ขอบเขตที่น้อมรับทุกประสบการณ์ ใครต่อใครให้สามารถก้าวเข้ามา ไร้กำแพงขวางกั้น ไม่มีประตูปิดตาย การเปิดกว้างที่ทำให้ความรักเป็นไปได้

        ความว่างที่ปราศจากความกลัวต่ออนาคต ไม่กำหนดสิ่งที่เป็นหรือไม่เป็นใดๆ ปล่อยให้ความรู้สึกตัวปรากฏทั่วจิตใจ หากรู้สึกรัก ก็รักไป หากเค้กนั้นอร่อยก็แค่เปล่งเสียงออกมาว่า “อา เค้กนั้นช่างอร่อยจริง”

(3)

        Great Perfection

        ความสมบูรณ์ในความว่าง

        ปรัชญาปารมิตา มหาสูตรที่ว่ากันว่าเป็นหัวใจแห่งความรู้แจ้งของพุทธศาสนาว่าด้วยสภาวะสุญญตา

 

        ความว่างเปล่า ไร้กาล ไร้นาม ไร้รูป ไร้นิยาม

        การยินยอม วางใจ ศิโรราบ

        ปลดแอกความคิด ปลอกลอกจากเปลือกแห่งความกลัว ประสบการณ์ ตำนานเล่าขานว่าเราเป็นใคร มาจากไหน ควรไปที่ใด เพื่ออะไร ทำไม อย่างไร

        ยินยอม วางใจ ศิโรราบ

        ร่วงหล่น ปล่อยให้เป็นไป จนพบเพียงชั่วคู่แห่งความว่างเปล่า พื้นที่ว่างที่เปิดกว้างให้ประสบการณ์ใดๆ ได้เกิด พื้นที่ว่างที่เป็นบ่อเกิดแห่งความรัก

(4)

        ก่อนท้องฟ้าจะสดใส

        ก่อนความอบอุ่นของไอแดด

        ก่อนดอกไม้จะผลิบาน

        ก่อนความฝันอันแสนหวาน…

 

        ก่อนกำหนด นิยาม หาคำตอบว่าสิ่งนี้คือรักหรือไม่

        เพียงเปิดใจ ให้ประสบการณ์ใดๆ นำพาไป ไว้วางใจในชีวิต วางความคิด ความกลัว ตัวตนที่เคยเป็นมา และแค่ร่วงหล่นลงไปในพื้นที่ว่าง – จักรวาลกว้างขวางแห่งการสถิตอยู่ของความรัก

 


อ้างอิง: 1จากหนังสือ เด็ดเดี่ยว (Courage) เขียนโดย โอโช แปลและเรียบเรียงโดย ดร. ประพนธ์ ผาสุขยืด สำนักพิมพ์ฟรีมายด์