love actually

รัก/เลิกกันเพราะอะไร? ให้เทวดาอธิบาย

500 Days of Summer เป็นหนังที่ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ ว่าเขาคนนั้น แล้วก็อีกคน รวมทั้งเพื่อนของเขา ญาติของเขา ผู้คนที่อยู่แวดล้อมพวกเขา จะได้ยินเรื่องราวในอดีตของเราแบบไหน

        ต้องไม่เหมือนเรื่องที่ฉันจำแน่ แต่มันจะแตกต่างในรายละเอียด หรือกลับซ้ายเป็นขวา กลับหน้าเป็นหลัง

        ฉัน – ในความทรงจำของเขาเป็นเช่นไร

        คงเหมือนเรื่องเล่าของพ่อกับแม่ ที่คล้ายเป็นคนละเรื่อง ฉันผู้เป็นตัวละครในเรื่องเล่า ยังไม่แน่ใจว่าควรเชื่อเรื่องไหนมากกว่ากัน

        ฟังแม่เล่า อา… พ่อผิดเต็มประตู ลงดาบได้ทันที

        ฟังความจากพ่อ ดูเหมือนความผิดนั้นเกี่ยวกับแม่ด้วยนี่นา อืม… พ่อน่าเห็นใจ ถ้าฉันต้องเจออะไรแบบนั้น ฉันคงตัดสินใจแบบพ่อ (แต่เร็วกว่า)

        เรามักเล่าเรื่องจากมุมของตัวเอง หากเรายืนข้างกัน เราจะเห็นทัศนียภาพเดียวกัน (กับรายละเอียดและความรู้สึกนั้นไม่แน่) ครั้นเลิกกัน ก็เหมือนเรายืนคนละแห่ง เมื่อมองกลับไปที่จุดเริ่มต้น หรือเหตุการณ์ที่เคยเผชิญร่วมกัน ความทรงจำย่อมเปลี่ยน

        อันดับแรก เพราะความรู้สึกของเราเปลี่ยน

        ลำดับต่อมา เรากำลังมองจากมุมใหม่ (ซึ่งมักตรงกับข้ามกับอีกคน)

        ฉันเชื่อว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกหก แต่มีความทรงจำที่ต่างกัน หรือหากจะพูดให้ตรงขึ้น พ่อกับแม่เลือกที่จะจำไม่เหมือนกัน เลือกโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง

        ไม่ผิดหรอก ใครๆ ก็ทำ ฉันก็เคยทำ และยังทำอยู่บ่อยๆ

        สารภาพว่า กระทั่งวันนี้ ความจริงเดียวที่ปรากฏและยืนยันได้ก็คือ พ่อกับแม่เลิกกันมาสามสิบปี ไม่อาจเป็นทั้งพี่น้อง เพื่อน หรือคนคุ้นเคย

        พวกเขาแปลกหน้าต่อกัน (ยังโกรธกัน)

        นั่นส่งผลต่อเรา สำหรับแม่ เรา – มีเพียงสามคน (ฉัน แม่ น้อง) และเรากลายเป็นครอบครัวที่ไม่อาจเป็นหนึ่งเดียว เราแปลกแยกทั้งที่อยู่ร่วมบ้านในนามครอบครัว

        จากกันด้วยดีมักเป็นไปได้ยาก เราจึงเป็นคู่ตรงข้ามในเรื่องเล่าของกันและกันเสมอ

        เหมือนสีขาวกับสีดำ

        เราเป็นสีดำหรือสีเทาในเรื่องเล่าของอีกคน (เตรียมใจรอ)

        ฉันเคยแปลกใจ ทำไมเพื่อนของสามีเก่า พ่อของสามีเก่า ถึงมองฉันอย่างคลางใจ ไม่ไว้ใจ และ… มันทำให้ฉันรู้สึก – ฉันกำลังถูกตัดสินโดยพวกเขา

        เพื่อนๆ (ฉันยังเผลอคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อน) ที่ฉันเคยทำอาหารให้กิน เคยเมาด้วยกัน เคยไปเที่ยวด้วยกัน ยืนห่างฉัน ไม่ยอมสบตา (เหมือนกลัวฉันกัด)

        พ่อ (ของสามี) คนซึ่งเคยบอกว่ารักฉันเหมือนลูกสาว ชายผู้น่าเคารพและนุ่มนวล รับไหว้ฉันด้วยความอึดอัดใจ และอย่างเสียไม่ได้

        ฉันทำอะไรผิดหรือ เขาต่างหากที่ผิด (ฉันกำลังชี้นิ้วไปที่เขา – ตัดสิน)

        คงเหมือน 500 Days of Summer เรื่องเล่าที่มีทอมเป็นศูนย์กลาง ถือเป็นโชคของซัมเมอร์ที่บทให้ความยุติธรรมกับเธอ

        ซัมเมอร์บอกทอมตั้งแต่แรก ว่าเธอไม่อยากมีแฟน ไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่จริงจัง

        เธอใช้เวลากับทอม มีเซ็กซ์กับทอม แต่เธอยืนยันว่าทอมเป็นเพื่อน ซึ่งทำให้ทอมโกรธ ทอมคิดตรงกันข้ามกับเธอ เขาชอบเธอตั้งแต่แรก โดยทำเนียนว่าเป็นเพื่อนกันได้

        สำหรับทอม คนที่มีเซ็กซ์ด้วยกันในห้องน้ำไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นแฟน

       ทอมกับซัมเมอร์แตกหักตรงนั้น ทอมเสียใจมาก (ฉันอยากใช้คำว่าฟูมฟาย) ซัมเมอร์ใช้ชีวิตของเธอต่อไป และได้พบผู้ชายที่เธออยากแต่งงานด้วย

       ทั้งสองบังเอิญกลับมาเจอกัน ทอมว่า คุณเคยบอกว่าคุณไม่อยากมีแฟน แต่คุณกำลังจะแต่งงาน ผมไม่เข้าใจเลย (เขาต้องการคำอธิบาย)

        ดูถึงตอนนี้ ฉันหัวเราะ

        ไม่เข้าใจตรงไหน ไม่มีอะไรซับซ้อนสักนิด ซัมเมอร์ไม่อยากเป็นแฟนทอม แต่อยากแต่งงานกับคนอื่นไงล่ะ

        จะเรียกว่าความรักก็ได้ ความลงตัวก็ได้ หรือชะตากรรมก็ได้นะ

        ฉันต้องย้ำกับคุณว่า ฉันกำลังมองในมุมของฉัน ฉันผู้เชื่อว่าความชอบ ความสบายใจ ความสนุก และเซ็กซ์ ไม่ใช่ทั้งหมดของความสัมพันธ์

        เป็นแค่ส่วนหนึ่ง

        เวลามีคนถาม ฉันจะรักใครสักคนได้อย่างไร

        ฉันตอบ – ขอกอดทีหนึ่งก่อน ถ้ากอดแล้วอุ่น ก็อาจเป็นไปได้ ลงลึกไปอีก ถ้าเซ็กซ์ดี นั่นก็เพิ่มความเป็นไปได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะเลือกอยู่กับใครสักคนเพราะกอดอุ่น เซ็กซ์ดี กินข้าวด้วยกันอร่อย

        มีอะไรมากกว่านั้น สิ่งที่เทวดาเท่านั้นจะอธิบาย

        คำอธิบายชนิดเดียวกับที่ใช้ในกรณีที่พ่อกับแม่ของฉันเลิกกัน รวมทั้งการหย่าร้างของฉัน

        หากไม่มีเทวดา (ซึ่งไม่มีไง) ก็ละมันไว้บนความเลือนรางอันอึมครึมนั้นเถิด

        ไม่ต้องเข้าใจทั้งหมดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเล่าด้วยซ้ำ เรื่องเล่าของคุณแค่ทำให้คุณรู้สึกดี แต่ไม่ได้เปลี่ยนผลลัพธ์

        รู้ว่าต้องการอะไร และกำลังจะไปไหน น่าจะสำคัญกว่า

        ท้ายนี้ ถ้าคุณยังไม่เคยดู 500 Days of Summer – หนังที่จั่วหัวตั้งแต่เริ่มต้นว่า นี่ไม่ใช่เรื่องรัก (เป็นเรื่องความไม่รัก) ฉันขอบอกว่า ฉันคือ #ทีมซัมเมอร์

        ฉันเตือนคุณแล้วนะคะ