love actually

งานเชื่อมโยงเรากับโลก

แผ่นดินของเรา (หนังสือซึ่งเขียนโดยแซงเต็ก-ซูเปรี) ทำให้ฉันเห็นงานของฉันชัดขึ้น

        การงานนั้นไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด ประสบความสำเร็จหรือไม่ หากเราเห็นความเชื่อมโยงกับคนอื่น เราจะเห็นความหมายที่แท้จริงของงาน

        ไม่ปฏิเสธว่าฉันทำงานเพื่อเงินและความทะเยอทะยานทางวรรณศิลป์ แต่นั่นไม่ได้มีพลังมากพอให้ฉันยืนหยัดท่ามกลางพายุ

        ความรู้สึกที่คนอ่านมีต่องานของฉัน รอยยิ้ม น้ำตา เสียงหัวเราะ หรือหนึ่งวินาทีที่คนอ่านหลับตาลง ให้ถ้อยคำซึมซาบลงไปในใจ นั่นต่างหากขุมพลังของฉัน

        ผลประโยชน์อาจช่วยผลักดันให้งานสำเร็จ แต่ฉันรู้สึกถึงคุณค่าในการเขียนเมื่อรู้ว่างานของฉันส่งผลต่อคนอื่นอย่างไร

        ตอนนั้นเอง ที่ฉันมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับโลกใบใหญ่

        ฉันไม่โดดเดี่ยว (แม้จะไม่มีแฟน ไม่มีลูก) ไม่รู้สึกว่างเปล่าอีกด้วย

       งาน หมายถึงกิจกรรมในความรับผิดชอบ ไม่ได้หมายถึง ได้เงิน เท่านั้น สำหรับฉัน การซักผ้า รีดผ้า ถูบ้าน รดน้ำต้นไม้ ทำอาหาร ถางหญ้า ล้วนเป็นการงานที่มีคุณค่า – ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกันงานอื่น

        มันเชื่อมโยงเรากับโลกได้ – ขอเพียงคุณมองเห็น

        สิ่งที่เรารู้สึก-คิด กับสิ่งที่เราได้รับ อาจต้องแยกออกจากกัน

        ฉันคิดว่าพนักงานล้างส้วมในห้างสรรพสินค้ามีความสำคัญเท่ากับพนักงานธนาคาร เพื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจน คุณต้องลองจินตนาการห้องน้ำที่ไม่มีคนเข้าไปทำความสะอาดทั้งวัน หรือสาขาธนาคารที่เปิดรับลูกค้าเพียงช่องเดียว

        งานทั้งสองอย่างได้ค่าตอบแทนไม่เท่ากัน ถูกสังคมให้ความหมายต่างกัน โลกเป็นเช่นนี้ เรามีสิทธิ์ถามหาความยุติธรรม แต่ความยุติธรรมมักอยู่ไกลโพ้น

        ย่อมเป็นสิทธิ์ของเราที่ไม่ยอมรับคำตัดสินทั้งหมด เราอาจทำงานได้เงินน้อยกว่า เราอาจถูกกดด้วยการจัดระดับชั้น แต่เราจะลอยตัวขึ้นสูง และมองลงไป ให้หน้าที่ของเราเป็นจุดศูนย์กลาง จำลองตัวเองเป็นพระเจ้าเพื่อได้เห็นงานของเราชัดขึ้น

        เราจะรัก ภาคภูมิใจที่ได้ทำงาน เหมือนแม่ค้าขายผักเจ้าประจำของฉัน

        ตลาดเย็นในเชียงรายมักเงียบในวันหวยออก หากไม่รวยหวย ก็อกหักจากหวย ทั้งสองเหตุผลทำให้แม่ค้าตัดสินใจไม่มาขาย ฉันเล่นหวยไม่เป็น บ่อยครั้งที่ลืม เผลอไปตลาดในวันหวยออก ซึ่งหมายถึง เกือบจะเสียเที่ยว

        แค่เกือบ เพราะอย่างน้อยฉันต้องได้สารพัดผักจากแม่ค้าผัก เท่าที่ฉันจำได้ เธอไม่เคยปิดแผงของเธอเลย หากวันไหนติดธุระ เธอจะวานคนอื่นมาขาย

        “พี่มาแล้ว” เห็นหน้าฉัน เธอกวักมือเรียกอย่างตื่นเต้น

        “ทำไมโล่งแบบนี้” ฉันกวาดตาไปรอบๆ พร้อมกันนั้นก็คิดได้ “โอเค หวยออก”

        “ไม่ใช่แค่หวยนะพี่ ขายไม่ดีมาพักหนึ่งแล้ว แต่วันนี้พี่มา หนูต้องขายดี พี่เป็นตัวหมานของหนู” เธอพูดอายๆ

        หมานคล้ายๆ โชคดี นำลูกค้ามา เธอว่า ทุกครั้ง หลังจากที่ฉันมาซื้อผักของเธอ ผักจะขายดีจนเธอหยิบไม่ทัน

         ฉันซื้อผักทุกชนิดที่เธอมี ผักของเธอสดมาก เธอรู้ดีที่สุด เธอบอกว่าผักของเธอคุณภาพดีกว่าในซูเปอร์มาร์เกต 

        ใช่ และถูกกว่าด้วย

        “ไม่ซื้อหวยบ้างเหรอ ไม่เคยหยุดเลย” ฉันถาม

        “หนูต้องมาขายสิ ไม่งั้นคนไม่มีผักกิน แล้วพี่สาวหนูก็ไม่มีสลัดกับเมี่ยงกินมื้อเย็น”

        ฉันหัวเราะ

        เธอจำได้ ว่าฉันกินผักกับโปรตีนเป็นมื้อเย็น-เท่านั้น ฉันใช้ผักของเธอทำสลัดหมูย่าง สลัดกินกับไข่ต้ม หรือเมี่ยงต่างๆ

        เธอเป็นแหล่งวัตถุดิบหลักในมื้อเย็นซึ่งเชื่อใจได้ เพราะเธอสรรหาผักอย่างดี และหลากหลายมาให้เราเสมอ

        ฉันจึงไม่อาจขาดเธอ

        เช่นเดียวกับน้องซัน – น้องสาวชาวเมียนมาที่มาทำงานบ้านให้ฉันสัปดาห์ละครั้ง

        ซันช่วยฉันได้มาก บ้านสะอาดขึ้น ขณะที่ฉันมีเวลา มีแรงทำงานของตัวเองมากขึ้น บางวันฉันก็ร่วมทำงานบ้านกับเธอ ฉันชอบคุยกับเธอ ชอบทัศนคติของเธอ

        แรกที่เจอกัน ซันกล้าเรียกค่าแรงตามที่เธอต้องการ (สูงกว่าค่าแรงงานขั้นต่ำตามกฎหมาย สูงกว่าคนอื่นที่รับงานเดียวกัน) พร้อมบอกฉันว่า ถ้าเธอทำงานไม่ดี ไม่น่าพอใจ ไม่คุ้มค่าแรง เธอก็ยอมรับ ให้ฉันบอกเธอ และเลิกจ้างเธอได้เสมอ

         ซันไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง ซึ่งเธอรู้ตัวดี เธอรู้ขอบเขตงานของเธอ รู้ว่าการทำความสะอดบ้านส่งผลต่อผู้อยู่อาศัยอย่างไร

        น้องสาวร่วมโลกทั้งสองคนของฉัน แตกต่างทั้งชาติพันธุ์และนิสัย แต่มีเรื่องหนึ่งที่เหมือนกัน เรื่องซึ่งเชื่อมโยงพวกเธอไว้กับฉัน กับหมาของฉัน กับบ้านของฉัน กับคนรักของฉัน

        พวกเธอทำงานอย่างเห็นคุณค่า และภาคภูมิใจในตัวเอง

        พวกเธอไม่ได้อ่าน แผ่นดินของเรา แต่เห็นอย่างกระจ่างจากเนื้องานของตัวเอง นั่นทำให้ฉันชื่นชมพวกเธอ