Love Actually: ฉกฉวยการอกหักนี้ไว้

ฉันปั่นจักรยานเป็นเอาตอนอายุ 20 กว่า ฝึกปั่นด้วยอาการกล้าๆ กลัวๆ แต่ในที่สุดก็ปั่นเป็นจนได้ จำได้ว่าน้ำตาฉันไหลออกมา ไม่ใช่ดีใจที่ปั่นจักรยานได้แล้วหรอก แต่ไม่กี่วันก่อนหน้า ฉันเพิ่งถูกบอกเลิก จึงเยียวยาตัวเองด้วยการตั้งมั่นว่าจะปั่นจักรยานให้เป็น พอทำได้แล้วก็ดันคิดถึงคนที่เพิ่งทิ้งกันไปขึ้นมา แล้วก็กลายเป็นปล่อยโฮไปบนจักรยานราวกับอยู่ในมิวสิกวิดีโอเสียอย่างนั้น

        รักครั้งแรก อกหักครั้งแรก แน่นอนว่าเจ็บชะมัด ฟ้าจวนถล่ม โลกเจียนทลาย หัวใจคล้ายขาดวิ่น อาการสาหัสราวกับชีวิตนี้จะรักใครไม่ได้อีก ร้องไห้ไปจนหลับอยู่หลายคืน ตื่นมาก็ดราม่าฟูมฟาย แต่การปั่นจักรยานที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำได้ ช่วยย้ายโฟกัสฉันไปทีละนิด ฉันไปปั่นจักรยานในสวนบ่อยขึ้น ยิ่งปั่น ยิ่งเป็น ยิ่งสนุก หลังจากนั้นไม่นาน ฉันพบว่าตัวเองไม่ได้เหนื่อยกับการร้องไห้จนหลับอีกแล้ว แต่เหนื่อยกับการปั่นจักรยานแทน

        ในวัยเท่านั้น ฉันก็ว่าตัวเองหาทางเอาตัวรอดจากการอกหักได้ดีไม่น้อย

 

        ลองนึกย้อนกันเล่นๆ ว่าคุณเคยรับมือและเยียวยาตนเองจากการอกหักอย่างไร แล้วเก็บคำตอบไว้ในใจก่อนนะคะ

        ฉันไม่ได้มาเขียนฮาวทู 5 วิธี หรือ 10 ขั้นตอนแก้อาการอกหัก เพราะเชื่อว่าเราทุกคนย่อมมีหนทางเยียวยาเฉพาะตนที่แตกต่าง นึกถึงตอนเรามีความรัก ความรักของแต่ละคนไม่มีทางทับซ้อนในรายละเอียด เช่นเดียวกับเมื่อผิดหวังจากความรัก เราคงใช้วิธีรับมือแบบเดียวกันทั้งหมดไม่ได้
ฉันจึงมองว่าฮาวทูประเภทระบุข้อห้ามหรือข้อควรทำอย่างเช่น อย่าอยู่คนเดียว ลบเบอร์โทรศัพท์ของเขาไปซะ ทิ้งข้าวของที่ทำให้คิดถึงเขาไปให้หมด อย่าฟังเพลงเศร้า ลุกขึ้นมาแต่งตัว ไปออกกำลังกาย ฯลฯ ฉันไม่เคยมั่นใจเลยว่าทุกข้อนั้นจะใช้ได้ผลกับทุกความเศร้า

        หนึ่งคนเขียนจะเข้าใจทั่วถึงใจทุกดวงที่กำลังแตกสลายได้หรือ ฉันเองที่เขียนบทความนี้ขึ้นมา ก็ไม่กล้าพูดเต็มปากหรอกว่า ฉันเข้าใจความเศร้าของใคร

 

        Iyanla Vanzant, นักคิด นักเขียน ชาวอเมริกัน, บอกว่า เราคือความรับผิดชอบของตัวเราเอง และเมื่ออกหัก ข่าวดีก็คือเรามีความสามารถอย่างเต็มเปี่ยมในการเยียวยาตนเองให้ดีขึ้นได้ แต่ข่าวที่ไม่ค่อยดีก็คือความสามารถนั้นขึ้นอยู่กับระดับความพร้อมของแต่ละคน นี่เองที่ทำให้เรามองเห็นหนทางการเอาตัวรอดได้แตกต่างกันไป

        ขณะที่ โอปราห์ วินฟรีย์ บอกว่า การอกหักคือครูคนสำคัญ ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง และเคยเขียนใน Love Actually ครั้งก่อนแล้วว่าทุกความสัมพันธ์ที่สิ้นสุดลงเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้แก้ไขข้อผิดพลาดและพัฒนาจิตวิญญาณของเราให้เติบโตขึ้น

        อีกอย่างที่ฉันมองว่าการผิดหวังในรักได้มอบไว้ให้ คือโอกาสที่จะได้สำรวจภายในของเราเอง เรารับมือกับการอกหักอย่างไร เยียวยาใจตนด้วยวิธีไหน วิธีการที่เราตอบสนองต่อเหตุการณ์ย่อมสะท้อนความเป็นเราในยามนั้นออกมา บอกว่าเราเป็นคนแบบใด

        ในบรรดาคำแนะนำแก้อาการอกหักทั้งหลายแหล่ ฉันค่อนข้างขยาดกับคำแนะที่ว่าให้รีบมองหารักใหม่ สารภาพ ครั้งหนึ่งฉันเลือกใช้วิธีนี้ อกหักแล้วกระโจนเข้าหารักครั้งใหม่ทันที เพื่อพบว่าคุณภาพใจตัวเองในยามนั้นก็ดึงดูดได้แต่คนที่ไม่เวิร์กต่อกันเข้ามา พอสองคนที่ไม่เวิร์กมาเจอกัน ความสัมพันธ์ก็พังไม่เป็นท่า กระทั่งสติมา หูตาสว่าง ฉันจึงมองเห็นตัวเองชัดขึ้นว่าเรามันพวกเสพติดอารมณ์รัก ยอมพ่ายแพ้ต่อความเหงา และเมื่อไหร่ที่แค่ต้องการให้หายเหงา ก็ย่อมได้แค่คนคลายเหงา ไม่มีทางพัฒนาเป็นความรัก

        การเลือกวิธีเยียวยาใจแสดงถึงระดับความเมตตาที่เรามีต่อตัวเองจริงๆ นะคะ และหากพอจะมองการอกหักในแง่ดีบ้างสักนิด ใจเย็นกับความรู้สึกโศกเศร้าได้สักหน่อย นี่คือโอกาสที่ดีมากที่เราจะได้เข้าใจถึงหัวจิตหัวใจดวงที่บอบช้ำนี้ หากเรามองหาคนใหม่ทันทีเพราะแค่เหงา นั่นหมายความว่าเราไม่สามารถเป็นเพื่อนกับตัวเองได้เลย เราเรียกร้องใครก็ได้เพื่อขออิงไหล่หรือให้ซบตัก เมื่อใดที่ถูกปล่อยให้โดดเดี่ยวขึ้นมา สันหลังเราจะไม่มีทางตั้งตรงได้เอง เคว้งคว้าง ว่างเปล่า ไร้หลักล่ะทีนี้

        แต่กับบางคน การมีรักใหม่ทันทีกลับช่วยได้ดีมาก เพราะเขารู้สึกถึงพลังของการได้เริ่มต้นใหม่ ใจที่คิดดี ใจที่พร้อมเริ่มต้นอีกครั้ง จึงดึงดูดคนที่คลิกกันเข้ามา เห็นไหมว่าแต่ละคนได้ผลในวิธีการที่ต่างกัน

 

        ย้อนกลับมาที่คำถามที่ฉันฝากไว้ อยากให้คุณแบหัวใจออกมา แล้วมองตามจริงอย่างที่มันเกิดขึ้น คุณอกหัก คุณรับมือสถานการณ์นั้นอย่างไร คุณเลือกใช้วิธีไหนในการเยียวยา

        คุณจะรู้สึกดีขึ้นหรือไม่ หากได้กล่าวโทษอีกฝ่ายว่าเป็นคนผิด คุณดื่มหนักเพื่อหวังบรรเทาทุกข์หรือเปล่า คุณช้อปอย่างหน้ามืดตามัวเพื่อยังรู้สึกถึงอำนาจในการควบคุมชีวิตใช่ไหม คุณต้องการมีเพื่อนอยู่ใกล้ตลอดเวลาหรือแค่บางเวลา คุณต้องการที่ปรึกษาหรือต้องการอยู่เงียบๆ เพื่อให้เวลาสนทนากับตัวเอง คุณเศร้าแต่ยังทำงานไหว หรืออยากเทงานทิ้งแล้วปิดโทรศัพท์ไม่ให้ใครตามตัวเจอ คุณฟื้นตัวได้เร็วแค่ไหน ไม่กี่เดือน หรือปล่อยให้ความเสียใจกัดกินชีวิตเป็นปีๆ

        ฉกฉวยการอกหักไว้ แล้วใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจตัวเองให้เต็มที่

        วิธีไหนที่ทำให้คุณกลับมายืนอย่างได้สง่าผ่าเผย ก็ขอให้เก็บวิธีนั้นไว้เป็นอาวุธของชีวิต แต่วิธีไหนที่ทำแล้วไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น มิหนำซ้ำชีวิตกลับดิ่งลง คุณก็จะได้รู้ว่ากำลังใช้ยาผิดตัว อย่าจ่ายยาตัวนี้ให้ตนเองอีกต่อไป

        เคยอ่านเจอว่าในแต่ละช่วงเวลา คนเรารับมือกับความเศร้าจากการอกหักได้ต่างกัน ขึ้นอยู่กับคุณภาพชีวิตโดยรวมในช่วงนั้น ซึ่งก็น่าจะใช่

        ฉัน… คนที่เลือกเยียวยาตัวเองด้วยการฝึกปั่นจักรยานหลังถูกทิ้งจนเป็น เป็นคนละคนกับฉันที่เลือกกระโดดเข้าสู่ความสัมพันธ์ใหม่เพียงเพราะไม่อยากอยู่ลำพัง นั่นหมายความว่าเราต้องคอยทำความรู้จักตัวเองไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดใช่ไหม

        แต่เอาเถอะค่ะ ตราบใดที่เรายังรักในความรัก หากต้องอกหักแล้ว ขอเพียงเลือกวิธีที่จะพาใจให้รอดปลอดภัย จนกว่าความรักที่ดีจะเดินทางมาสู่ชีวิตอีกครั้ง