หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวจบการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2018-2019 ‘เรือใบสีฟ้า’ แมนเชสเตอร์ซิตีที่ขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ก็สามารถบุกไปถล่มเอาชนะคู่แข่งอย่างไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน ไปได้ 4 ประตูต่อ 1 พร้อมกับคว้าแชมป์มาครองเป็นปีที่สองติดต่อกันด้วยคะแนนรวมที่เฉือนกันไปเพียงแต้มเดียวเท่านั้น และเป็นการประการศักดาความยิ่งใหญ่ของ เปป กวาดิโอลาร์ กุนซือสมองเพชรของแมนซิตีอีกครั้ง
บรรดานักเตะ สตาฟฟ์โค้ช และแฟนบอลจำนวนหนึ่ง ต่างกรูกันลงมาเฉลิมฉลองในสนาม Amex Stadium ซึ่งเป็นรังเหย้าของสโมสรไบรท์ตัน ความชื่นมื่นยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก เมื่อลำโพงของสนามฟุตบอลแห่งนี้ได้เล่นเพลง Wonderwall ของวงร็อกสุดแสบแห่งเมืองแมนเชสเตอร์อย่าง Oasis ทั้งแฟนบอลและนักฟุตบอลทีมแมนเชสเตอร์ซิตี นำโดย แว็งซ็อง กงปานี (Vincent Kompany) กัปตันทีม ต่างประสานเสียงร้องบทเพลงดังจากปี 1995 กันอย่างกึกก้องทั่วสนาม การเฉลิมฉลองยังไม่จบแค่ในสนาม เมื่อนักเตะและสตาฟฟ์กลับเข้าห้องแต่งตัว โนล กัลลาเกอร์ (Noel Gallagher) แห่งโอเอซิสได้ตามเข้าไปปรากฏกาย พร้อมกับกอดคอร้องเพลง Wonderwall ร่วมกับเหล่านักเตะอีกครั้ง
เป็นที่ทราบกันดีว่าพี่น้องกัลลาเกอร์ ทั้งโนล และเลียม แห่งโอเอซิสนั้นเป็นแฟนเดนตายของทีมเรือใบสีฟ้า เมื่อบวกรวมกับความเป็นตำนานของวงโอเอซิส จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะกลายเป็นกึ่งบุคคลที่เป็นไอคอนของสโมสรแห่งนี้ และบทเพลงฮิตของพวกเขาก็มักถูกนำไปเปิดในสนามเหย้าของทีมเรือใบสีฟ้าเสมอยามมีการแข่งขัน เพื่อปลุกใจนักเตะและแฟนบอล ไม่ต่างกับที่ลิเวอร์พูลมี The Beatles เป็นเสมือนตัวแทนของวง และมักเปิดเพลง Hey Jude ทุกครั้งเพื่อปลุกขวัญกองเชียร์ในสนามแอนฟิลด์เช่นเดียวกัน
ในแง่บทเพลง Wonderwall แต่งขึ้นโดยกัลลาเกอร์ผู้พี่สำหรับสตูดิโออัลบั้มที่สองของโอเอซิสอย่าง (What the Story) Morning Glory? ในปี 1995 และขับร้องโดยกัลลาเกอร์ผู้น้องด้วยน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ ทีแรกเพลงนี้ถูกตั้งชื่อว่า ‘Wishing Stone’ โนลเคยบอกกับนิตยสารดนตรี NME (The New Musical Express) ในปี 1996 ว่า Wonderwall นั้นถูกเขียนขึ้นมาสำหรับ เม็ก แมธิวส์ (Meg Mathews) แฟนสาวของเขาในเวลานั้น (ต่อมากลายเป็นภรรยา) แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากโนลหย่ากับเม็กในปี 2011 เขากลับคำสัมภาษณ์กับ Q Magazine’s 1001 Best Songs ว่าเพลงนี้ไม่ได้เขียนให้เธอแต่อย่างใด
“ความหมายของเพลงนี้ถูกบิดให้เปลี่ยนไปจากสื่อที่เข้ามาจุ้นจ้านและตีความกันไปเอง แล้วทีนี้ถ้าเป็นคุณจะทำยังไง หากต้องไปบอกเธอคนนั้นว่านี่ไม่ใช่เพลงของคุณ ในเมื่อครั้งหนึ่งเธอเคยอ่านบทสัมภาษณ์เก่านั้นไปแล้ว? นี่มันเป็นเพลงที่เกี่ยวกับเพื่อนในจินตนาการที่จะมาช่วยฉุดเราขึ้นมาจากการจมดิ่งอยู่กับด้านมืดของตัวเราเองต่างหาก”
ในวันที่เราพ่ายแพ้ต่อตัวของเราเอง บางทีเราอาจแค่ต้องการใครสักคนที่เข้าใจเรา ฉุดเราออกมาจากเงามืดและทิฐิที่เราแบกไว้เต็มหัวไหล่ แล้วช่วยผลักเราไปพบกับความสว่างที่รอคอยอยู่เบื้องหน้าด้วยความเชื่อมั่นที่เต็มเปี่ยมและไม่เคยสั่นคลอน
Today is gonna be the day that they’re gonna throw it back to you
By now, you should have somehow realised what you gotta do
I don’t believe that anybody feels the way I do, about you now
‘วันนี้ต้องเป็นวันที่พวกเขาจะนำมันกลับมาให้คุณ ตอนนี้คุณน่าจะรู้และตระหนักได้แล้วว่าควรต้องทำอะไร ฉันไม่เชื่อว่าจะมีใครรู้สึกอย่างที่ฉันรู้สึกกับคุณในตอนนี้หรอก’
ช่วงต้นดูเหมือนว่าโนลจะบรรยายความรู้สึกต่ออีกฝ่ายถึง ‘โอกาส’ ที่จะกลับมาหาเขาอีกครั้ง โนลพยายามที่จะชี้ให้เห็นว่าควรจะตระหนักได้ว่าต้องทำอย่างไรกับสิ่งที่เข้ามา ‘I don’t believe that anybody feels the way I do, about you now’ อาจสะท้อนได้ถึงความเชื่อมั่นอันแข็งแกร่งที่โนลมีต่ออีกฝ่ายในช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจนี้
แน่นอนว่าในช่วงเวลายากลำบากการมีใครสักคนที่เคียงข้างให้กำลังใจและเชื่อมั่นในตัวเราย่อมเป็นเหมือนขุมพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะช่วยให้เรามีแรงผลักดันที่จะก้าวผ่านไปได้
Backbeat, the word is on the street that the fire in your heart is out
I’m sure you’ve heard it all before but you never really had a doubt
I don’t believe that anybody feels the way I do, about you now
‘จังหวะที่หนักแน่น คำพูดบนท้องถนนที่บอกว่าไฟในใจคุณมอดดับไปแล้ว ฉันเชื่อว่าคุณได้ยินคำพูดเหล่านี้มาแล้ว แต่คุณไม่เคยคลางแคลงใจเลย ฉันไม่เชื่อว่าจะมีใครรู้สึกอย่างที่ฉันรู้สึกกับคุณในตอนนี้หรอก’
หลายครั้งความล้มเหลวในชีวิตเราเกิดจากคำพูดหรือการกระทำจากคนอื่นที่ทำลายความเชื่อมั่นในตัวเราหรือแม้กระทั่งบางครั้งโอกาสที่สองในชีวิตเรากลับป่นปี้ลงไปได้ง่ายๆ และไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ ไฟในใจคือความปรารถนาที่ผลักดันให้เราทำสิ่งใดๆ ก็ตาม เมื่อมันมอดดับก็ยากที่จะจุดติดอีกครั้ง การมีใครสักคนที่เชื่อมั่นและยื่นมือเข้ามาช่วยจุดไฟในใจให้เราย่อมเป็นเรื่องพิเศษ
เพราะถึงแม้โลกภายนอกจะต่อต้านเราแค่ไหน หากยังมีใครสักคนที่ไม่เคยสงสัยในความตั้งใจของเราสักครั้ง นั่นอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดก็ได้ จงรักษาเขาไว้ในชีวิตให้ดี
And all the roads we have to walk are winding
And all the lights that lead us there are blinding
There are many things that I would like to say to you
But I don’t know how
‘และถนนทุกสายที่เราต้องมุ่งหน้าไปนั้นช่างคดเคี้ยวเหลือเกิน แสงสว่างที่ส่องนำทางเราก็กลับมืดดับ ยังมีหลายสิ่งที่ฉันอยากจะบอกคุณ แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง’
หากถนนเส้นตรงทำให้เรามองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ถนนคดเคี้ยวก็หมายความว่าเราอาจไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้าได้ชัด ยิ่งลองจินตนาการถึงการที่ต้องเดินอยู่บนถนนที่มืดมิดไม่มีแสงไฟ สิ่งที่เราทำได้คือพยายามเดินต่อไปพร้อมความหวังจะได้เจอแสงสว่างเท่านั้น
การก้าวไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นในชีวิตจริงย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ชีวิตจะนำพาการขึ้นลงคดเคี้ยวที่เราไม่มีวันรู้มาทดสอบเราเสมอ เราไม่มีทางรู้ว่าเหตุผลของสิ่งต่างๆ นั้นคืออะไรจนกระทั่งวันที่เราเติบโตขึ้นและได้ลองมองย้อนกลับไปยังสิ่งเหล่านั้นอีกครั้ง
Because maybe
You’re gonna be the one that saves me
And after all
You’re my wonderwall
‘เพราะบางทีคุณอาจจะเป็นคนที่ช่วยฉันไว้ และในท้ายที่สุด คุณก็คือกำแพงมหัศจรรย์ของฉัน’
ในยามที่ชีวิตต้องเผชิญกับความจริงที่ยากลำบากบางครั้งเราอาจต้องเรียนรู้ที่จะวางน้ำหนักทุกอย่างที่แบกอยู่บนบ่าลงหรือพบกับใครสักคนที่จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาความทุกข์และปัญหานั้นนี่อาจเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นจากพันธนาการที่มัดตรึงเราอยู่กับอีโก้ของเราเอง
แน่นอนว่าในทางกลับกันคุณอาจเป็นคนที่เข้าไปช่วยแบ่งเบาปัญหาจากใครสักคนและกลายเป็น wonderwall สำหรับเขาได้เช่นกัน
Today was gonna be the day but they’ll never throw it back to you
By now you should’ve somehow realised what you’re not to do
I don’t believe that anybody feels the way I do, about you now
‘วันนี้จะเป็นวันที่พวกเขาไม่สามารถนำมันคืนมาให้คุณได้ ตอนนี้คุณน่าจะรู้และตระหนักได้แล้วว่าไม่ควรต้องทำอะไร ฉันไม่เชื่อว่าจะมีใครรู้สึกอย่างที่ฉันรู้สึกกับคุณในตอนนี้หรอก’
คล้ายกับในท่อนแรก แต่โนลบรรยายต่างออกไปเล็กน้อย เขาพยายามบอกว่าไม่มีใครอีกแล้วที่จะนำพาโอกาสหรือความรู้สึกแบบเดิมกลับมาให้คุณอีก บางครั้งความพยายามหรือความตั้งใจที่เรามอบให้กับใครบางคนไปกลับกลายเป็นเพียงความว่างเปล่าที่ย้อนกลับคืนมา แต่สิ่งที่โนลบอกมาตลอดในบทเพลงคือหากมีใครสักคนที่สามารถมอบความรู้สึกเชื่อมั่นที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงกลับมาให้เราได้ เขาคนนั้นแหละคือ wonderwall ของคุณ
แม้เพลงจะพูดถึงใครสักคนในความสัมพันธ์ที่จะคอยอยู่เคียงข้างและฉุดเราจากความจมดิ่งได้ แต่ในความเป็นจริงที่ตลกร้ายคือ แฟนเพลงต่างทราบกันดีถึงความสัมพันธ์อันไม่ลงรอยของพี่น้องกัลลาเกอร์ ทั้งคู่แตกหักและออกมาโจมตีกันผ่านสื่อบ่อยครั้ง ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปสร้างผลงานเดี่ยวของตนเอง และไม่มีทีท่าว่าจะกลับมารียูเนียนวงโอเอซิสกันอีก
อย่างไรก็ตาม ระยะหลังมีสัญญาณที่ดีจากทั้งคู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเลียมที่เคยทวีตสุขสันต์วันเกิดให้พี่ชาย และอวยพรวันคริสต์มาสให้ทีม NG (Noel Gallagher) ทำให้แฟนๆ ต่างมีความหวังจะเห็นภาพคืนวันเก่าๆ ของพี่น้องคู่นี้ และโอเอซิสอีกครั้ง
เหลือก็แต่ทั้งคู่จะตัดสินใจลดอีโก้ของตนเองได้ขนาดไหน หาก Wonderwall ที่โนลแต่งขึ้น และเพื่อนในจินตนาการที่จะมาช่วยฉุดกันขึ้นมาจากความมืดดำมีอยู่จริง แฟนเพลงอย่างเราคงหวังว่าทั้งโนลและเลียมจะกลับมาเป็น Wonderwall ให้แก่กันได้สักวันหนึ่ง
Recommended Tracks
01 Track: Stand by Me Album: Be Here Now Released: 1997
02 Track: Talk Tonight Album: The Masterplan Released: 1998
03 Track: Stop Crying Your Heart Out Album: Heathen Chemistry Released: 2002