เจริญพรมาร์เกตติ้ง

เจริญพรมาร์เกตติ้ง เรื่องเล่าหารายได้ที่น่าประทับใจจากคุณป้าวัยเกษียณ

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ ผมมีโอกาสได้ไปดูงานทอล์กโชว์ของ ‘พี่หนุ่ม’ – จักรพงษ์ เมฆพันธุ์ หรือที่ใครรู้จักในนามมันนี่โค้ช ถ้าใครติดตามเส้นทางชีวิตของพี่หนุ่มหรือผลงานที่เคยสร้างมา จะรู้ว่าเขาคือผู้แปลความคิดของ โรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้เขียนหนังสือ Rich Dad Poor Dad หรือ พ่อรวยสอนลูก นั่นเอง

        การมาฟังครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งก่อนๆ เพราะผมชวนภรรยามาฟังด้วย สาเหตุที่ชวนมาคืออยากให้ภรรยามีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องการเงินบ้าง เพราะทุกวันนี้ผมพยายามพูดคุยเรื่องการลงทุน ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลกับเธอ เลยถือโอกาสดึงมาฟังเผื่อจะช่วยได้บ้าง

        ผลลัพธ์หลังจบงานถือว่ามีทิศทางที่ดี เพราะภรรยาบอกว่ามีประโยชน์มาก แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว เพราะการเงินกับชีวิตคู่ถ้าคลิกไปด้วยกันได้นี่จะดีมากครับ อย่างน้อยหลับตาเห็นภาพว่าคู่ชีวิตช่วยกันเก็บเงิน ช่วยกันลงทุน แม้เงินทุกวันนี้ยังไม่เยอะมาก แต่ก็สุขใจได้พอสมควร

 

        มาถึงประเด็นสำคัญ หากถามว่ามีเรื่องอะไรที่ผมประทับใจมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องการหารายได้จากคุณป้าใกล้เกษียณคนหนึ่งในจังหวัดพิจิตร ซึ่งประสบปัญหาการเงินติดลบ เธอจึงเข้ามาร่วมฟังการแนะนำของพี่หนุ่มที่ลงพื้นที่ไปสอนวิธีคิดในการลดหนี้สินและเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ที่ประสบปัญหาการเงินตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย  

        พี่หนุ่มเล่าให้ฟังว่าคนที่เป็นหนี้จะมองหาโอกาสไม่เห็น แม้กระทั่งลู่ทางในการแก้ไข การลงไปช่วยเหลือคือการยื่นมือไปช่วย อย่ายื่นเงินให้พวกเขา เพราะวิธีคิดจะช่วยให้พวกเขารอดจากวิกฤตในระยะยาว

        พี่หนุ่มเล่าต่อว่าตอนป้าคนนี้เดินเข้ามาหา ประโยคแรกที่คุยกับพี่หนุ่มก็คือขอเงิน 30,000 เพื่อนำไปลดหนี้ เล่นเอาพี่หนุ่มช็อกไปตั้งแต่ต้น จากนั้นพี่หนุ่มก็เริ่มแชร์ประสบการณ์ด้วยการนำเรื่องราวจากผู้ที่เคยมีหนี้สินจนสามารถปลดล็อกได้ด้วยการหาอาชีพเสริมมาสร้างรายได้ เพื่อกระตุ้นกำลังใจให้แก่คนที่กำลังประสบปัญหา

        แน่นอนว่าคุณป้าคนนั้นไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ จนเวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ สมาชิกหลายคนที่ประสบปัญหาหนี้สินเริ่มนำความคิดของพี่หนุ่มไปปรับใช้ จนการเงินเริ่มเกิดสภาพคล่อง หนี้สินลดลง และใช้ชีวิตได้ดีขึ้น จากติดลบมากกลายเป็นติดลบน้อยลงเรื่อยๆ

        จนกระทั่งมีคุณป้าซึ่งวัยใกล้เคียงกับคุณป้าที่มาขอยืมเงินพี่หนุ่มได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ว่ารายได้เริ่มติดบวกแล้ว จึงทำให้คุณป้าเริ่มรู้สึกว่า เฮ้ย! ถ้าอีกคนทำได้ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ จนคุณป้าเดินมาบอกพี่หนุ่มว่า ป้าจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับรายได้ 10,000 บาทต่อเดือน

        เมื่อเวลาผ่านไป คุณป้ากลับมาพร้อมกับผลลัพธ์ที่ทำได้จริงๆ ครับ!  

        คุณป้าเล่าให้พี่หนุ่มฟังว่า สมัยสาวๆ ป้าเคยทำอาชีพดีเจมาก่อน ป้าก็เลยหาวิธีคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะใช้ทักษะที่เคยมีให้สามารถสร้างรายได้ ป้าจึงคิดว่าการจะมีรายได้นั้นต้องมีอยู่สองอย่างคือ

        1. สถานที่จัดรายการวิทยุ

        2. สปอนเซอร์

        ขั้นแรกป้าจึงหาห้องจัดรายการซึ่งมีค่าเช่า 3,000 บาทต่อเดือน ส่วนสปอนเซอร์ ป้าคิดแล้วคิดอีกว่าจะหาจากไหนและเจาะกลุ่มไหนดี

        ด้วยพื้นเพที่เป็นคนต่างจังหวัดผนวกกับอายุอานามก็ปูนนี้แล้ว กลุ่มคนฟังส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ใหญ่ ซึ่งไม่ได้นิยมฟังเพลงสากลหรือสตริงอะไรขนาดนั้น แต่ถ้าเป็นธรรมะล่ะก็ตรงจุดเลย

        ใช่ครับ… สปอนเซอร์ที่ป้าจะไปขอคือ วัด!

        ป้าตัดสินใจขับมอเตอร์ไซค์ไปหาเจ้าอาวาสตามวัดใหญ่ๆ ในจังหวัด พร้อมกับข้อเสนอที่จะช่วยประชาสัมพันธ์ทั้งงานบุญ งานกฐิน งานฝังลูกนิมิต ขอแค่ช่วยค่าสปอนเซอร์เพียงเล็กน้อย เชื่อไหมครับว่าเดือนนั้นป้าสามารถระดมทุนจากสปอนเซอร์ได้ถึง 12,000 บาท

        กรณีของคุณป้าคนนี้ ให้ข้อคิดอะไรแก่ผมได้เยอะแยะ หนึ่งในนั้นคือการค้นหาความสามารถของตัวเอง ในกรณีของป้าชี้ให้เห็นถึงข้อนี้อย่างชัดเจน

        ข้อที่สองคือทุกคนเป็นนักการตลาดอยู่ในตัว แต่บางครั้งเราเพียงแค่ไม่ได้คิดอย่างมุ่งมั่นและตั้งใจเท่านั้นเอง อย่างกรณีของคุณป้าที่เลือกตีตลาดธรรมะได้อย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญเมื่อกล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำ นอกจากจะสร้างรายได้แล้ว ยังสร้างความภูมิใจในตัวเองอีกด้วย ซึ่งความภูมิใจนี่แหละคือปัจจัยขับเคลื่อนชีวิตที่สำคัญในการดำเนินชีวิตต่อไป พร้อมกับความเชื่อและความหวังต่อการแก้ไขปัญหาทางการเงิน

        นี่คือเรื่องราวที่ผมประทับใจจากการไปฟังทอล็กโชว์ครั้งนี้ ถึงแม้ไม่ได้เป็นดีเจเหมือนป้า… แต่ใจป้ามันได้ใจผมจริงๆ ครับ