หนึ่งในปณิธานการเปลี่ยนแปลงตนเอง หรือการสร้างชีวิตที่ดีขึ้นของใครหลายคน หนีไม่พ้นเรื่องสุขภาพและการเงิน ซึ่งหากสังเกตให้ดีจะพบว่า ทั้งสองเรื่องล้วนต้องใช้ ‘เวลา’ ในการสั่งสมทั้งนั้น ไม่สามารถคิดวันนี้ ทำวันนี้ เพื่อเห็นผลลัพธ์ในวันพรุ่งนี้ได้
เมื่อพูดถึงเวลา ก็ย่อมมีปัจจัยที่ชื่อว่า ‘ความอดทน’ ติดมาด้วย และดูเหมือนว่าความอดทนจะเป็นแนวความคิดที่ค่อนข้างโบราณสักเล็กน้อย แต่เชื่อหรือเปล่าว่านี่คือคีย์เวิร์ดที่สำคัญในทุกยุคสมัย จนมีหนังสืออย่าง GRIT: The Power of Passion and Perseverance ที่เขียนโดย แองเจลา ดักเวิร์ธ (Angela Duckworth) ซึ่งรวบรวมข้อมูลของผู้คนที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ จนสรุปได้ว่า ความอดทนคือกุญแจดอกหนึ่งที่สำคัญที่คนประสบความสำเร็จมักพกติดตัวและหยิบมาใช้อยู่เสมอ
และความอดทนก็สามารถนำมาใช้กับเรื่องสุขภาพและการเงินได้ โดยเฉพาะการต่อสู้เพื่อให้ตัวเองพาร่างกายไปออกกำลังกาย ความอดทนต่อการไม่ใช้เงินกับสิ่งที่ไม่จำเป็น – ถึงแม้ว่ายุคนี้จะเป็นยุคที่คนรุ่นใหม่หารายได้ได้มากกว่าคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ก็ตาม
ข้อที่อยากชวนสังเกตคือ การที่คนรุ่นใหม่หารายได้ได้เยอะ ไม่ได้แปลว่าจะรวยเสมอไป – New York Post ได้ตีพิมพ์บทความหนึ่งซึ่งเรียกกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีสถานะดังกล่าวว่าเป็นกลุ่ม ‘HENRYs’ ย่อมาจาก High Earners Not Rich แปลตรงตัวก็คือ หาเงินมาเยอะแต่ไม่รวยสักที
ทั้งนี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่บทความนี้กล่าวถึงไม่ได้เหมารวมคนรุ่นใหม่ในไทย หากแต่เป็นกลุ่มของคนรุ่นใหม่ในสหรัฐอเมริกาที่เขาได้ทำการสำรวจ – คนกลุ่มนี้คือคนที่สามารถหารายได้ประเมินแล้วมากกว่า 6 หลักต่อปี หรือ 100,000 ดอลลาร์ฯ ขึ้นไป (ราว 3 ล้านกว่าบาท)
แน่นอน, รายได้ของพวกเขาอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดา แต่ในขณะเดียวกันก็มีสิ่งที่เข้ามาแทรกแซงพฤติกรรมการใช้เงิน นั่นคือรสนิยมแบบ Luxury Lifestyle ที่เน้นจ่ายเยอะๆ แพงๆ เพื่อแลกกับสินค้าหรือบริการที่หรูหรา
แน่นอน, พวกเขาไม่นิยมเก็บเงินก้อนเพื่อไปใช้ชีวิตในวัยเกษียณแบบที่คนรุ่นก่อนนิยมทำกัน นี่จึงเป็นแนวความคิดที่แตกต่างกันระหว่างคนต่างยุคต่างสมัยที่เห็นได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ข้อดีของคนกลุ่ม HENRYs คือ พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ทำงานเก่ง อยู่ในสายงานที่เงินเดือนสูง เช่น สายวิศวกรรม หรือสายเทคโนโลยี ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้ให้ค่าตอบแทนสูงอยู่แล้ว แต่ข้อเสียที่ต้องปรับปรุงคือการขาด Financial Literacy เพราะการหาเงินได้มากก็ไม่ได้หมายความว่าจะร่ำรวย ถ้าไม่มีระเบียบวินัยในการออมและการนำไปลงทุนต่อยอด ซึ่งถ้าคนกลุ่ม HENRYs ตกงานขึ้นมากะทันหัน ก็เตรียมตัวรับความเสี่ยงแบบฉับพลันได้เลย
สิ่งที่ผมค้นพบจากกรณีนี้และน่านำมาเป็นบทเรียนสอนใจเรื่องการเงินก็คือ
1. ความสามารถที่เก่งกาจในแบบเฉพาะด้านหรือความสามารถที่หลากหลาย และทำงานได้ดี ย่อมสร้างรายได้ที่ดี ซึ่งทุกคนควรเรียนรู้เพื่อยกระดับศักยภาพและเพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง
2. ต่อให้เราหารายได้ได้มากแค่ไหน หากไม่มีการบริหารการเงินที่ดี เช่น การเก็บออม การไม่ใช้จ่ายเกินตัว การหาความรู้เพื่อการลงทุน ต่อให้มีเงินมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถยกระดับความมั่งคั่งให้แก่ชีวิตได้ เพราะชีวิตเรามีรูรั่วในการใช้จ่ายเยอะเหลือเกิน
คำถามคือ จะทำอย่างไรถึงจะเริ่มต้นชีวิตแบบ High Earners High Richer – ผมอยากจะบอกว่า ต้นปีแบบนี้ เริ่มวางแผนกับตัวเองให้รัดกุม ด้วยการประเมินว่าอยากเติมจุดแข็งของเราให้ดีกว่าเดิมได้อย่างไร และจุดแข็งเหล่านั้นไปช่วยสร้างประโยชน์และเพิ่มมูลค่าแก่ตัวเราอย่างไร เพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้น
ส่วนเรื่องการเงินก็กัดฟันทำบัญชีแล้วประเมินค่าใช้จ่ายต่อเดือนออกมา เพื่อลดความเสี่ยงในการใช้จ่าย รู้จักออมเงิน และหารายได้เพิ่ม เพื่อให้มีเงินเหลือไปลงทุนในระยะยาว แน่นอน, ฟังดูมันช่างยากลำบาก แต่อย่างที่เกริ่นไว้ในช่วงต้นบทความว่า ไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย และกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จตามใจต้องการนั้น จะต้องใช้ ‘ความอดทน’ – ด้วยความเข้าใจว่า ทำวันนี้ ใช่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดผล
เพราะเส้นทางแห่งความแข็งแรงและมั่งคั่ง มีระยะทางและระยะเวลาอันยาวนานที่ต้องพิสูจน์
อ้างอิง: