ช่วงต้นปีมีแคมเปญที่หลายๆ คนเล่นกันในเฟซบุ๊กนั่นคือ #10yearschallenge ครับ โดยมีการนำภาพของตัวเองเมื่อสิบปีก่อนมาเปรียบเทียบกับตัวเองในปัจจุบัน แน่นอนว่าความสนุกคือการได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา ทรงผม หรือแม้กระทั่งร่องรอยของอายุอย่างรอยตีนกา แฮ่
ก็ถือว่าเป็นแคมเปญที่สนุกสนานกันไปนะครับ แต่ก็อยากเตือนว่าอย่าลืมลองคิดถึงชีวิตในอีก 10 ปีข้างหน้าด้วยว่าชีวิตเราจากวันนี้ถึงวันหน้าในอนาคตจะเป็นอย่างไร พอถึงช่วงนั้นผมคิดว่ารูปร่างหน้าตาคงปล่อยเป็นเรื่องรองแล้ว ส่วนเรื่องหลักที่เข้ามาแทนนั้นคงจะเป็นเรื่องของสุขภาพกายใจและการเงินนี่แหละที่เป็นตัวทีเด็ดเลย
พอพูดถึงเรื่องการเงินกับชีวิตในอนาคตแล้วนั้นก็มีเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ มาฝากกัน เป็นข้อคิดเชิงจิตวิทยาจาก ฮัล เฮิร์ชฟิลด์ นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ที่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องการจูงใจการออมเงินเพื่อการเกษียณได้อย่างน่าสนใจผ่านการทดลองครับ
เฮิร์ชฟิลด์ได้ลองให้กลุ่มผู้เข้าร่วมการทดลองสวมเครื่องฉายภาพเสมือนจริง โดยผู้เข้าร่วมครึ่งหนึ่งจะเห็นภาพตัวเองเป็น AVATAR ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะเห็นภาพของตัวเองแบบจริงๆ แต่เป็นภาพของตัวเองในวัยชรา อารมณ์ประมาณว่าเราเห็นตัวเองในอนาคตว่าตัวเราในวัย 60 – 70 – 80 นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร
หลังจากนั้นก็ให้ผู้เข้าร่วมการทดลองทั้งหมดลองจินตนาการว่าถ้าตอนนี้ได้รับเงินมา 1,000 ดอลลาร์ฯ แบบไม่คาดคิดมาก่อน พวกเขาจะจัดการอย่างไรกับเงินจำนวนนี้ในหัวข้อที่ถูกเสนอดังต่อไปนี้
1. นำเงินไปใช้ของดีๆ สำหรับคนพิเศษ
2. นำไปออมในบัญชีออมทรัพย์เพื่อการเกษียณ
3. ใช้เงินไปกับของฟุ่มเฟื่อย
4. นำไปออมในบัญชีเงินฝากธรรมดา
ผลปรากฏว่ากลุ่มคนที่เห็นตัวเองเป็น AVATAR มีการนำเงินประมาณ 80 ดอลลาร์ฯ เอาไปฝากในบัญชีออมทรัพย์ ส่วนคนที่เห็นภาพตัวเองในวัยชรานั้นมีการนำเงินมากกว่ากลุ่มแรกถึงสองเท่าเพื่อเอาไปฝากในออมทรัพย์ ซึ่งเฮิร์ชฟิลด์ก็ยังไม่แน่ใจว่าการทดลองนี้มันมีการเบี่ยงเบนหรือไม่ เขาจึงทดลองด้วยกระบวนการเหล่านี้อีกครั้งกับกลุ่มใหม่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็ยังพบว่า กลุ่มคนที่เห็นภาพตัวเองในอนาคตได้ชัดเจนนั่นคือภาพตัวเองในวัยชราจะมีแนวโน้มจัดสรรการออมเงินได้มากกว่ากลุ่ม AVATAR อยู่เสมอ
การทดลองครั้งนี้ เฮิร์ชฟิลด์ได้พบว่า เป็นการแก้ไขปัญหาในการที่หลายคนมองไม่เห็นว่าตัวเองในอนาคตนั้นจะสามารถเชื่อมโยงกับตัวตนในปัจจุบันได้อย่างไร การได้แสดงภาพให้เขาเห็นตัวเองในอนาคตจึงเป็นจุดเชื่อมโยงให้ส่งผลต่อพฤติกรรมในปัจจุบันและยังเป็นการสร้างแรงจูงใจในการออมเงินอย่างเห็นภาพชัดเจนอีกด้วย
เรียกได้ว่าถ้าอยากทำแคมเปญล้อต่อไปของ #10yearschallenge ก็ลองทำ #next10yearschallenge ต่อดูครับ
เผื่อเราจะได้รู้ว่าเราต้องเตรียมความพร้อมกับชีวิตในเรื่องอะไรบ้าง ที่แน่ๆ คงไม่พ้นเรื่องเงินและสุขภาพที่น่าจะเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ จริงไหมครับ