อาทิตย์ที่แล้ว แอพพลิเคชัน Clubhouse เริ่มดัง ผมเลยลองเข้าไปเล่น ทั้งลองเข้าไปฟัง และลองสร้างห้องพูดในหัวข้อที่เกี่ยวกับจักรยาน
บรรยากาศรวมๆ สนุกดีครับ แต่ตอนที่สร้างห้อง จู่ๆ ผมก็ตัดสินใจเป็น Speaker คนเดียว ไม่ได้เชิญใครมาเป็นคนพูดร่วมด้วย
ไม่ได้รังเกียจอะไรเลยครับ ตอนพูดจริงผมก็เชิญผู้ฟังที่ผมรู้จักและปั่นจักรยานด้วย มาร่วมพูดด้วย จนบางจังหวะ คนพูดเยอะกว่าคนฟังเสียอีก
ไอ้ความรู้สึกอยากทำอะไรด้วยตัวเอง ทำคนเดียว เริ่มก่อร่างในตัวผมเองเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทั้งที่จริงก็ไม่ได้ชอบ การมีเพื่อนร่วมทาง ดีกว่าผจญภัยตัวคนเดียวอยู่แล้ว
จะว่าไป ตอนขี่จักรยาน นับจำนวนครั้งแล้ว ผมใช้เวลาขี่คนเดียวมากกว่าขี่เป็นกลุ่ม
ฟังดูโดดเดี่ยว แต่จักรยานสอนผมว่า บางครั้งเราก็ต้องโดดเดี่ยว เพื่อตามหาตัวตนที่สูญหายไป
…
คงต้องมีสักครั้งที่เราจะอยากลองทำบางสิ่งที่ผิดไปจากปกติ เป็นเรื่องใหม่ที่เราไม่เคยทำ
สำหรับผม การนั่งรถไฟไปเชียงใหม่คนเดียวสมัยเป็นนักศึกษา ไปแบบไม่เตรียมตัวอะไรล่วงหน้า คือกิจกรรมที่ผมจำไม่ลืม
เอาเข้าจริงทริปนั้นไม่มีอะไรโลดโผนหรือน่าตกใจเลย ผมมีเพื่อนและรุ่นพี่ที่เชียงใหม่จำนวนหนึ่ง คำแนะนำและความช่วยเหลือจากพี่น้องทำให้ทริปนั้นสบายกว่าที่คิด กลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินทางคนเดียว ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ได้เรียนรู้ทักษะบางอย่างที่ไม่เคยได้ทำเมื่ออยู่กับคนอื่น
ยิ่งเมื่อได้ขี่จักรยาน ผมยิ่งได้รู้จักและสนิทสนมกับความโดดเดี่ยว มันเป็นกิจกรรมที่ชวนให้คนทำคนเดียวมากกว่าทำเป็นกลุ่ม
ช่วงที่โรค COVID-19 ระบาดใหม่ๆ ธุรกิจหลายด้านต้องปิดตัวด้วยนโยบายล็อกดาวน์ รวมถึงฟิตเนสซึ่งเป็นแหล่งออกกำลังกายหลักสำหรับคนเมือง
เมื่อคนอยากออกกำลังกายไม่มีที่ไป พวกเขาเลยต้องหากิจกรรมใหม่ ส่วนมากมาลงกับจักรยาน เพราะเป็นกิจกรรมที่รักษาระยะห่างทางสังคมตามธรรมชาติ มันจึงเหมาะมากกับคนที่อยากออกกำลังกายและไม่อยากเสี่ยงติดโรคไปด้วย
อันที่จริงการขี่จักรยานแบบรวมกลุ่มน่าสนุกกว่าเยอะ แต่ความโดดเดี่ยวบนหลังอานก็น่าหลงใหลไม่แพ้กัน
ผมพบว่าความรู้สึกอยากไปที่ไหนคนเดียว มักจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้มีความเศร้า เหงา หรือเสียใจมาเกี่ยวข้อง ถ้าชีวิตคุณสุขสบายดี ความอยากเดินทางคนเดียวดูจะยิ่งทวีคูณ
เวลาที่มีคนอยู่รอบกายเยอะ คุณใช้เวลาไปกับการสื่อสารกับตัวเอง แต่การสื่อสารกับตัวคุณเองดูจะเป็นสิ่งที่หลายคนละเลย หรือคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำ
ตัวตนของเราไม่ได้ก่อร่างสร้างขึ้นมาจากอากาศ
ความคิด ความฝัน การกระทำของเราได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง และมีไม่น้อยที่ได้รับอิทธิพลจากคนอื่น
บางถ้อยคำในหนังสือที่เราเคยอ่าน สามารถสร้างแรงบันดาลใจในยามเหนื่อยล้า บางคำชมเชยจากคนใกล้ชิด เป็นน้ำเลี้ยงชะโลมจิตใจในยามท้อแท้ ในขณะเดียวกัน คำติเตียนจากคนที่หวังดี ก็เป็นเครื่องเตือนใจได้ในยามที่ชีวิตกำลังหลงทาง
ตัวตนของเราส่วนหนึ่งประกอบร่างสร้างจากเศษเสี้ยวของผู้คนที่เราพบเจอ
การจะนำสิ่งต่างๆ ที่เราพบเจอมาตกตะกอนเป็นความคิดของตัวเอง จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องอยู่คนเดียวบ้าง เพราะเวลาอยู่ข้างนอก เมื่อมีความคิดจากหลายบุคคลเข้ามาปะทะ เราไม่รู้หรอกว่าอันนี้ใช่หรือไม่ใช่กับตัวเรา ความโดดเดี่ยวเป็นเหมือนการใช้ตะแกรงร่อนสิ่งเหล่านั้นให้ชัดเจนขึ้น
เป็นการทบทวนสิ่งที่เรารับรู้ ให้เหลือสิ่งที่เราเรียนรู้ได้ต่อไป เป็นแนวความคิดที่จะส่งผลต่อตัวตนของเรา
แต่หากไม่ได้อยู่คนเดียวบ้าง สิ่งที่เราปะทะจะตกค้างหมักหมมอยู่ในใจ กลายเป็นคราบที่ยากจะล้างออกหากปล่อยไว้นานเกินไป
ยกตัวอย่างเรื่องคำชม ชีวิตคนเราชอบการชื่นชมโดยธรรมชาติ แต่ฟังไปนานๆ เราจะเมาคำชม ไม่รู้หรอกว่าคำเหล่านั้นสะท้อนสิ่งที่เราเป็นจริงมั้ย การทบทวนมันเงียบๆ ทำให้เราเข้าใจเบื้องหลังของคำชมนั้นมากขึ้น และเข้าใจตัวเราเองมากขึ้น
ความโดดเดี่ยวจึงจำเป็นต่อตัวเรา เพราะมันทำให้เราค้นพบความเข้มแข็งของตัวเอง
…
ทุกครั้งที่ขี่จักรยานออกไป ไม่ว่าใกล้หรือไกล ผมเชื่อว่าเมื่อกลับถึงบ้าน ตัวตนของผมจะไม่เหมือนเดิม
มันฟังดูเกินจริง แต่ทุกครั้งที่เราเกิดความคิดใหม่ๆ ที่เกิดจากการทบทวนเรื่องราวในอดีต มันก็คือการเปลี่ยนแปลงที่แม้จะเล็กน้อย แต่ก็สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนในหัวใจเราได้
ชีวิตคือการเดินทางไกล สิ่งละอันพันละน้อยที่เราคิดว่าไม่สำคัญ เล็กจ้อยจนเราไม่สังเกตเห็น ล้วนมีผลกับเราในทางอ้อม
หากสับสน หลงทาง หาเวลาอยู่คนเดียวบ้าง คิดถึงเรื่องราวต่างๆ
คุณจะหาความเข้มแข็งเจอ แม้ในวันที่คิดว่าตัวเองอ่อนแอและไม่เหลือใคร