Happiness is, warm bread fresh from the oven.
เรามีข่าวร้ายและข่าวดีจะแจ้งคุณ คุณอยากฟังอะไรก่อน
ข่าวร้ายคือเจ้าโรคระบาดมันกลับมาอีกครั้ง มันก็น่าเหนื่อยเหมือนกันเนอะ รอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ จำไม่ได้ จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นทุกวันและดูท่ายังจะไม่ไปจากเราง่ายๆ นั่นคือข่าวที่ชวนหดหู่ ที่ไม่มีใครปฏิเสธ
ส่วนข่าวดีก็คือ ถึงช่วงเวลานี้จะมืดมนแค่ไหนก็ยังพอมีแสงสว่างเล็กๆ ให้เราเห็นอยู่บ้าง แสงสว่างที่ว่าก็คือ กิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ แต่ดีต่อใจ อย่างปีก่อนหน้านี้คุณอาจเคยเห็นคนนิยมหมักเหล้าบ๊วยหรือหมักชา คราวนี้ถึงตาการเลี้ยงยีสต์หรือที่เรียกว่า Sourdough Starter บ้าง เพราะล่าสุด เทรนด์นี้ฮิตถึงขนาดที่ว่ายีสต์กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของหลายๆ บ้าน ร้านขนมปังชื่อดังหลายแห่งส่งต่อยีสต์ที่เลี้ยงกันมาเป็นร้อยปีก็ยังมี ที่ไม่น่าเชื่อก็คือ ในสวีเดน ยังมีโรงแรมรับฝากเลี้ยงยีสต์ในระหว่างที่คุณไปเที่ยว เรียกได้ว่าเลี้ยงกันเป็นล่ำเป็นสัน หลายคนบอกว่าจริงๆ เวลายีสต์ตายก็เสียใจเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เราประคบประหงมมาตายไปอยู่เหมือนกัน
ยีสต์เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทจุลินทรีย์ขนาดเล็กจิ๋ว มีอยู่ในธรรมชาติ รวมทั้งอาหารที่มนุษย์แบบเรากินดื่มเข้าไป ยีสต์เหล่านี้กินน้ำตาลเป็นอาหาร เปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์และเอทิลแอลกอฮอล์จากกระบวนการหมัก (fermentation) ยีสต์ไม่ได้ใช้ทำเพียงแค่ขนมปังหรอกนะ ไวน์ เหล้า เบียร์ เครื่องดื่มเหล่านี้ก็ใช้ยีสต์กันทั้งนั้น และที่บอกว่าเหมือนสัตว์เลี้ยงเพราะยีสต์แต่ละตัวให้รสชาติต่างกันไป ซึ่งเกิดจากแป้งที่ใช้เลี้ยง น้ำ อากาศ และอุณหภูมิ สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้คาแรกเตอร์ของยีสต์เปลี่ยนทั้งสิ้น
เทพเจ้าในสิ่งเล็กๆ
ในยุคที่เจ้าโรคระบาดอย่างโควิด-19 ยังคงอาละวาดและเขย่าชีวิตเราอย่างรุนแรง ต้องยอมรับว่าเป้าหมายในชีวิตแบบเดิมกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก หรือไม่ได้ตอบความหมายของการมีชีวิตอยู่ของเราอีกต่อไป แต่ชีวิตก็ยังคงเรียกร้องให้เราประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แบบเดิมอยู่เสมอ ต่อให้เราเดินขึ้นไปถึงยอดภูเขาหิมาลัยแล้ว ชีวิตก็ยังคงจะเรียกร้องให้เราเดินลงมาแล้วปีนกลับขึ้นไปใหม่อยู่อย่างนั้นไม่จบสิ้น ราวกับโพรมีเทียสในตำนานกรีกที่ถูกล่ามไว้กับภูเขาให้แร้งจิกกินทุกคืนวันก็ไม่ปาน
งานวิจัยทางจิตวิทยาใน Journal of Positive Psychology ที่เก็บผลการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 658 คน พบว่าการแบ่งสิ่งที่ต้องทำออกเป็นส่วนเล็กๆ และค่อยๆ ทำไปทีละอย่าง หรือแม้กระทั่งการใส่ใจสิ่งเล็กๆ อย่างเช่น การทำอาหารหรือการอบขนม ทำให้กลุ่มตัวอย่างรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้นได้ จนกระทั่งหลายปีให้หลังมานี้ นักจิตวิทยาเริ่มหันมาสนใจการทำครัวและการอบขนมในฐานะเครื่องมือหรือกระบวนการบำบัดอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดกลุ่ม Depressed Cake Shop กิจการเพื่อสังคมที่ใช้การอบขนมเป็นเครื่องมือในการเยียวยา ช่วยเหลือผู้คนจากอาการซึมเศร้าและวิตกกังวล
ย้อนกลับไปในสมัยยุคกรีกโบราณ การทำครัวทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘agapi’ หมายถึง ความรัก เป็นความรักที่ถูกส่งผ่านจากสิ่งที่เราทำอยู่ในชีวิตประจำวันทุกวัน อาหารเป็นเพียงสื่อกลางที่จะส่งความรู้สึกเหล่านี้ออกไปบนโต๊ะอาหาร อาหารนำจิตวิญญาณของคนทำมาด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงเสพติดอาหารรสชาติครอบครัว ที่แม้จะหน้าตาธรรมดาแต่กลับให้ความรู้สึกพิเศษสำหรับเราเสมอ
เช่นเดียวกับการทำครัว การทำขนมปัง ที่ทำให้เราใช้ 5 ประสาทการรับรู้พื้นฐานอย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อาจจะเพิ่มจิตวิญญาณเข้าไปเล็กน้อยในการทำงานนั้น ประกอบกับอีก 5 องค์ประกอบ ทั้งคมมีด ความเป็นกรด ความสดใหม่ ความร้อน และเกลือ ผสมผสานกันจนกลายเป็นขนมปังสดใหม่หอมกรุ่นอุ่นๆ จากเตา
สิ่งเล็กๆ เหล่านี้มีพลังอะไรซ่อนอยู่?
เรามักรู้สึกว่าชีวิตเราควบคุมอะไรไม่ได้สักอย่างอยู่เป็นประจำ วันแต่ละวันเต็มไปด้วยความกังวล น่าตื่นกลัว ตื่นตระหนกไปเสียหมด สิ่งเหล่านี้กลายเป็นความรู้สึกสามัญประจำวันไปตั้งแต่เมื่อไหร่
แน่ล่ะ คุณอาจจะแอบเถียงฉันอยู่ในใจ ทำขนมปังมันไม่ง่าย กว่าจะได้ขนมปัง Sourdough สักก้อนหนึ่งต้องใช้เวลามากพอสมควร คุณต้องให้อาหารยีสต์ หรือ Starter รอให้โตก่อน 4-5 ชั่วโมง ปั้น 4-5 ชั่วโมง หมักแป้งข้ามคืนอีก 12-15 ชั่วโมง รวมๆ แล้วหมดเวลาไปเป็นวันๆ แถมยังไม่รู้อีกว่าผลสุดท้ายจะออกมายังไง ต้องลุ้นกับแทบทุกนาที
แต่คุณอย่าเพิ่งถอดใจไป!
สิ่งที่ดีที่สุดของการทำขนมปังไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้ายเสียหน่อย มันอยู่ในขั้นตอนและกระบวนการต่างหาก อย่างน้อยในกระบวนการระหว่างที่ทำนี้คุณสามารถจัดตารางเวลาในการทำขนมปังได้ด้วยตัวเอง แถมระหว่างที่ทำคุณยังสามารถทำโน่นทำนี่รอให้ขนมปังขึ้นฟูอย่างช้าๆ ได้ตามใจ คุณอาจจะทำงาน ไปยิม แอบไปงีบสักแป๊บนึง หรืออ่านหนังสือสักเล่มก็ยังได้ แล้วค่อยกลับมาทำตามขั้นตอนแต่ละส่วนให้ลุล่วงไปทีละอย่าง คุณควบคุมทุกอย่างได้ตามใจคุณเองทั้งนั้น
คำตอบคือ นี่แหละสิ่งเล็กๆ ที่เราทำได้ เราควบคุมมันได้ในชีวิตที่แสนจะไม่แน่ไม่นอนแบบนี้
ความลับของการทำ sourdough คือความสนุก ขอให้คุณสนุกไปกับการทำขนมปัง อย่ามัวแต่เคร่งเครียดอยู่กับการทำตามสูตร (แน่นอนแหละการทำตามสูตรย่อมให้ผลที่น่าพอใจมากกว่า) อย่างที่เคยบอกคุณไปแล้ว อย่าลืมใส่จิตวิญญาณเข้าไปเล็กน้อย แป้ง น้ำ เกลือและความร้อน อนุญาตให้คุณใช้สัญชาตญาณของตัวเอง ใส่ ‘รสมือ’ ของตัวเองลงไป ไม่ใช่แค่ให้ได้ออกมาเป็นขนมปังสำหรับหล่อเลี้ยงชีวิต แต่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของคุณไปด้วย การทำขนมปังพาคุณไปทดลอง ค้นพบหนทางจากสิ่งมหัศจรรย์เล็กๆ เหล่านี้
ขอแค่คุณสนุกไปกับมัน
สนุกเหมือนที่คุณสนุกกับชีวิตทุกวัน
การทำขนมปังไม่ใช่เรื่องง่าย เรียกร้องทั้งเวลาและพลังกายจากเรา ด้วยแต่ละขั้นตอนเล็กๆ ที่ทำนั้นใช้เวลาเกือบทั้งวัน แต่ผลสุดท้ายที่ออกมา กลับเติมเต็มช่องว่างในใจเราได้อย่างประหลาด อย่างน้อยเราก็รู้ว่าแต่ละขั้นตอนที่ทำนั้นทำไปเพื่ออะไร
สิ่งสุดท้ายที่อยากบอกคุณก็คือ การทำขนมปังหรือการทำงานอะไรที่เรารัก ไม่ได้รับประกันหรอกว่าเราจะได้รับความสุขเป็นสิ่งตอบแทนเสมอไป แต่แน่ล่ะ มันจะช่วยประคับประคองคุณให้ผ่านช่วงเวลายากลำบากเหล่านี้ไปได้ต่างหาก
ข้อคิดที่ได้จากการทำขนมปังของฉัน คือ rest then you can rise
อ้างอิง
• https://www.nytimes.com/2016/03/23/dining/sourdough-starter-bread-baking.html
• Maria Benardis, Cooking & Eating Wisdom for Better Health: Ancient Greek Wisdoms for Cooking, Eating and Living Better, 2013
เรื่อง: ธันย์ชนก รื่นถวิล