“เจอปัญหาลูกค้าไม่เชื่อถือเพราะไม่แต่งตัว แต่งานนั้นเป็นงานด้านการใช้ความคิดสร้างสรรค์ จะแก้ปัญหานี้อย่างไรได้บ้าง”
เคยเป็นไหมคะ เราเชื่อมั่นในสไตล์การแต่งตัวของตัวเอง แต่คนอื่นอาจจะมองว่ามันไม่ใช่ คนอื่นที่ว่านั้นใช่ว่าเราต้องแคร์ แต่ถ้า ‘คนอื่น’ คนนั้นคือลูกค้าหรือเจ้านายผู้มีอุปการะคุณ ก็อาจจะต้องแคร์สักหน่อย จริงไหมคะ ดิฉันไม่ได้บอกว่าคุณต้องลุกขึ้นมา ‘เปลี่ยนแปลงตัวเอง’ เพื่อเอาใจใครๆ ตรงกันข้าม ดิฉันกำลังเชิญชวนคุณให้ลุกขึ้นมาทำเพื่อตัวเอง เพราะว่า เสื้อผ้าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกที่เรามีต่อตัวเองได้ และมากไปกว่านั้น เราสามารถใช้เสื้อผ้าเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนความรู้สึกของคนอื่นที่มีต่อเราได้เช่นกันค่ะ ถ้าจะพูดให้ดูมีพลังหน่อยก็คือ เราทุกคนต่างมีอำนาจที่จะกำหนดการแต่งตัวของตัวเองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตัวเองต้องการ เราแค่ต้องถามตัวเองว่า เราต้องการเห็นผลลัพธ์อะไรเกิดขึ้นบ้างในชีวิตเรา นอกจากจะลงมือทำตามเป้าหมายแล้ว การแต่งตัวยังทำให้วันแต่ละวันที่เราจะเดินสู่เป้าหมายในแต่ละวันมีความโปรดักทีฟมากขึ้นด้วยนะคะ
ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้และคิดว่าอยากลองดู ดิฉันรวบรวบวิธีง่ายๆ มาฝากกันใน Start with Style ตอนนี้ ไม่ได้มีความแฟชั่นจัดจ้านใดๆ คุณยังเป็นตัวของตัวเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแค่ขยับเป็นตัวเองในมุมที่ดีที่สุดแบบที่เราจะชอบตัวเองมากๆเลยค่ะ
ใส่เสื้อผ้าชิ้นที่เสริมพลัง
ใส่สีเสริมดวงได้ ก็ใส่เสื้อผ้าเสริมพลังได้ด้วย คำว่า ‘เสริมพลัง’ หมายถึง ทุกครั้งที่หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ ให้เลือกชิ้นที่ทำให้เรารู้สึกกระตือรือร้น ตื่นเต้น หรือกระตุ้นให้เรามีความรู้สึกอยากออกไปทำงาน อาจจะเป็นเสื้อผ้าชิ้นที่นำเสนอถึงผลงานของคุณ บุคลิกภาพของคุณ หรือเสื้อผ้าที่คุณชอบ รวมไปถึงเสื้อผ้าตัดเย็บดีๆ อย่างถ้าผู้ชายจะเลือกสูทหรือเบลเซอร์ ขอแนะนำว่าสูทหรือเบลเซอร์ตัวนั้นควรจะสั่งตัด เลือกผ้าเลือกทรงและสไตล์ที่ทำให้เราดูหล่อแบบสุดๆ ตามสายงานอาชีพของเราไปเลย หรือถ้าเป็นผู้หญิง ให้เลือกเป็นทรงพอดีตัว เช่น กระโปรงหรือกางเกงทรงสอบ ใส่กับรองเท้าส้นสูง (หรือรองเท้าที่ใส่แล้วสามารถเดินไหล่ตั้งหลังตรงได้) พลังภายนอกจะช่วยเสริมพลังภายใน ให้คุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการนำเสนอผลงานอย่างแน่นอนค่ะ
แต่งตัวสบายๆ ก็เป็นทางการได้
หลายๆ คนด้วยหน้าที่การงาน ไม่ได้ต้องถึงขนาดใส่สูททุกวัน บางคนมีแต่เสื้อผ้าสบายๆในตู้ คำถามที่ดิฉันได้ยินบ่อยๆ ก็คือว่า ถ้าเราเป็นคนสบายๆ เราแต่งตัวสบายๆ ได้ไหม คืออยากนำเสนอบุคลิกภาพนี้ออกไปเลย คำตอบคือได้ค่ะ แต่ให้เพิ่งระดับความสบายของการแต่งตัวให้เต็มร้อย แปลว่าถ้าจะต้องไปทำงานสำคัญหรือเป็นทางการ เรายังใช้ผ้าที่เนื้อสบายๆ ได้ (เช่น ยูนิโคล่ หรือมูจิ) แต่ด้วยทรงของเสื้อผ้าต้องดูเป็นทางการ เช่น เบลเซอร์ผ้าคอตตอนหรือผ้ายืด เดรสทรงหลวมแต่เป็นผ้าเชิ้ต การใช้รูปทรงเสื้อผ้าที่ดูจริงจังจะช่วยมาเบรกความสบายให้ดู ‘ไม่สบายจนเกินไป’ ประมาณว่าเปลี่ยนจากคำว่าสบายมาเป็นเข้าถึงง่าย ชิลๆ แต่มีความน่าเชื่อถือ ดูเป็นมืออาชีพก็ทำได้เช่นกัน
ใส่ความสร้างสรรค์ลงไปในการแต่งตัว
เราไม่ต้องมีอาชีพเป็นครีเอทีฟ ดีไซเนอร์ หรือสไตลิสต์ เราก็ใส่ความสร้างสรรค์ลงไปในการแต่งตัวได้นะคะ วิธีง่ายๆ ก็คือให้ดูเยอะๆ ดิฉันจะแนะนำให้ลูกค้าหาลุกส์การแต่งตัวที่เราชอบโดยให้โจทย์ว่า ถ้าไม่มีข้อจำกัดใดๆ เลย เราอยากแต่งตัวแบบไหน หรืออาจจะใช้โจทย์ที่ว่า ถ้าเราต้องปรากฏตัวในลุกส์ที่ดูดีที่สุด เราเห็นตัวเองอยู่ในชุดอะไร เปิด Pinterest เลยค่ะ หามาสัก 10 ภาพ ผสมผสานระหว่างกรอบการแต่งตัวของเรากับการแต่งตัวแบบนอกกรอบที่เราอาจจะไม่กล้าใส่ แล้วลองสังเกตดูว่าเค้าแมตช์จากอะไร มีอะไรที่ดูไม่น่าอยู่ด้วยกันแต่อยู่ด้วยกันได้บ้าง รวมถึงลองใส่ไอเดียของเราเข้าไป ทำเป็นเหมือนว่าถ้าเราเป็นสไตลิสต์ เราจะเพิ่มอะไรให้กับการแต่งตัวของคนคนนี้ในวันนี้บ้าง หรือมองมุมของลูกค้าก็ได้ ว่าถ้าคนคนนี้เดินมาในลุกส์นี้ เราจะรู้สึกยังไง มีอะไรที่เขาเติมเข้าไปได้อีกเพื่อให้เราอยากเห็นผลงานหรือ Presentation ของเขา (วิธีนี้ใช้ในเรื่องออกเดตก็ได้เลยนะ) ลองทำต่อเนื่องกันทุกวันหรือทุกโอกาสที่ต้องออกไปนำเสนอตัวเอง คุณจะเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างเลยล่ะค่ะ
สร้างยูนิฟอร์มของตัวเอง
อย่าเพิ่งร้องยี้นะคะ ดิฉันกำลังหมายถึงว่า ลองกำหนดการแต่งตัวที่คุณชอบ แล้วใช้เป็นยูนิฟอร์มในโอกาสต่างๆ ต่างหาก เช่น ดำทั้งตัวสำหรับนำเสนองาน ฟ้า น้ำตาล และลายทาง เวลาไปบิสิเนสทริป หรือถ้าเป็นสาวๆ ก็อาจจะมีสูทสำหรับทำงานแต่เปลี่ยนสีหรือลายไปเรื่อยๆ ถ้าไปเจอเพื่อนอาจจะเป็นกางเกงยีนส์กับเชิ้ตทรงโอเวอร์ไซซ์แล้วใส่ต่างหูสวยๆ การสร้างยูนิฟอร์มให้กับตัวเองในแต่ละโอกาส นอกจากจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นแล้ว ยังทำให้อัตลักษณ์แห่งความเป็นคุณชัดและเป็นที่จดจำมากขึ้นด้วยค่ะ
ใส่ใจในทุกรายละเอียด แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กๆ เช่น ชุดชั้นใน
อย่ามองข้ามดีเทลเล็กๆ เช่น ด้ายรัน รอยเปื่อย สีตก หรือแม้แต่ชุดชั้นในก็ต้องอยู่ในสภาพที่ดี เพราะการใส่ใจในเรื่องเหล่านี้เป็นการฝึกให้เราใส่ใจในสิ่งเล็กๆ ที่จะส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่กับชีวิตเรา คิดดูสิคะ ถ้าเรากำลังนำเสนองานแบบที่ทุกคนกำลังสนใจแต่เส้นด้ายที่แขนเสื้อรุ่ยออกมา หรือถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรสักอย่างที่ต้องเห็นชุดชั้นใน เราจะมั่นใจไหมถ้ามันขาด สิ่งเหล่านี้เป็นการบอกถึงความประณีตที่คุณมีกับตัวเอง และแน่นอนว่าทุกอุปนิสัยที่เรามี เริ่มต้นที่ตัวเราก่อน ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อนะคะ ลองสังเกตความรู้สึกดูก็ได้ เวลาที่เราซื้อชั้นในใหม่ทั้งเซต กับตอนที่มันเก่าและขาด ความรู้สึกต่างกันมากแค่ไหน สำหรับดิฉัน มันส่งผลต่อจิตใจมากพอสมควร อย่างน้อยก็ทำให้เดินอย่างมั่นใจมากขึ้นค่ะ
ทั้งหมดนี้ไม่ได้จะบอกว่าเราจะวัดคุณค่ากันที่การแต่งตัว ผลงานที่เจ๋งของคุณจะทำให้ลูกค้ายอมจ่ายเงินกับคุณแน่นอน เพียงแต่ถ้าเรามีใบปิดหน้าปกที่สวยงามก็จะเป็นเหมือนใบผ่านทางที่จะช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นมากขึ้น ที่สำคัญเรานี่แหละที่จะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นในทุกๆ วันด้วย
อย่าให้อำนาจนี้กับใคร เพราะเรามีสิทธิ์เต็มร้อยที่จะสร้างอำนาจนั้นขึ้นมาด้วยตัวเองค่ะ
ภาพ: Unsplash