Start with Style EP.11: ‘รักเธอในความต่าง’ วิธีเข้าใจและยอมรับในตัวตนของกันและกันมากขึ้น

เคยเป็นไหมคะ เวลาคบกับใครสักคน เราจะมีความคาดหวังให้เขาเป็นแบบนั้นแบบนี้โดยเฉพาะในแบบที่เราอยากเป็น ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะดีในช่วงแรก แต่ในระยะยาวต่างคนต่างอาจจะรู้สึกกดดันจากความคาดหวังที่อีกฝ่ายมีให้ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก แต่ยังเป็นความสัมพันธ์ระหว่างแม่-ลูก เจ้านายกับลูกน้อง หรือแม้กระทั่งลูกค้ากับผู้ถูกว่าจ้าง ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว แม้เราจะเปลี่ยนเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจหรือเชื่อในตัวเรามากขึ้น แต่สุดท้ายแล้ว ความหงุดหงิดรำคาญใจก็ถูกแสดงออกมาอยู่ดี

        เรื่องของเรื่องก็คือ ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว ไม่มีใครอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนอื่นหรอกค่ะ เราทุกคนจะเปลี่ยนแปลงได้ก็เมื่อตัวเราเท่านั้นที่ต้องการจะเปลี่ยน และไม่ได้เปลี่ยนเพื่อใคร แต่เปลี่ยนเพื่อต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตตัวเอง ถ้าเรายังไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ต่อให้เราต้องเปลี่ยนเพื่อใครบางคน เราก็จะทำได้ในระยะสั้นๆ และก็จะจบลงด้วยการกลับมาสู่ความคุ้นชินในคอมฟอร์ตโซนของเรา

        ดิฉันเชื่อเสมอว่า ทุกความสัมพันธ์ที่งดงาม เริ่มต้นจากการที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเอง (เสียก่อน) หมายความว่า ถ้าวันนี้เรายังอยากให้คนข้างๆ เราเปลี่ยนตัวเองเพื่อเรา แปลว่าเรามีอะไรบางอย่างที่ต้องหันกลับมามอง เรากำลังมองเขาให้แว่นของตัวเองและต้องการให้เขาใส่แว่นของเรา ทั้งๆ ที่เขาอาจจะไม่ได้อยากใส่ หรือมีสายตาที่ไม่เหมือนกับเรา 

        คำถามก็คือว่า เราจะทำอย่างไรที่จะให้ความสัมพันธ์ของเราพัฒนาไปพร้อมๆกันในทุกๆ ด้าน โดยไม่ต้องไปยุ่งกับตัวตนของอีกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เป็นส่วนตัวมากๆ เช่น เรื่องการแต่งตัว

        ดิฉันพบเครื่องมือหนึ่งเมื่อสี่ห้าปีที่ผ่านมา และดิฉันพบว่าเครื่องมือนี้มีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับตัวเองและกับผู้อื่น เครื่องมือนี้มีชื่อว่า Enneagram หรือนพลักษณ์ ใครที่ชอบเรื่องจิตวิทยาอาจจะเคยทำแบบทดสอบหรือเคยเรียนกันมาแล้ว ในส่วนของรายละเอียดเชิงลึก เราอาจจะต้องพูดกันยาวๆ เอาเป็นว่าหลังจากที่เรียนเรื่องนพลักษณ์ ดิฉันพบว่าดิฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเองมากขึ้น (มากๆ) และคาดหวังกับคนอื่นน้อยลง (มากๆ) เพราะอะไรทราบไหมคะ เพราะเมื่อเราเข้าใจในความแตกต่างของคนมากขึ้น เราจะเห็นว่าคนแต่ละคนมีทั้งจุดเด่นและจุดที่ต้องพัฒนา เมื่อเราเข้าใจในจุดนี้ เราจะพยายามไม่เอาความคิดเห็นของเราไปกำกับใคร โดยเฉพาะคนที่แตกต่างจากเรา และเมื่อเราเข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง เราจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมากขึ้นโดยเฉพาะในด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่นค่ะ ดิฉันมักจะเชื่อมโยงเรื่องนี้กับการแต่งตัว เพราะบุคลิกภาพภายในของเราเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนให้เราเลือกแสดงออกทางการแต่งตัวในทางที่แตกต่างกันไป เมื่อเราฝึกทำความเข้าใจในความแตกต่างนี้บ่อยๆ เราจะเข้าใจที่มาที่ไปและไม่เผลอไปตัดสินการแต่งตัวของใคร มากไปกว่านั้น เรายังสามารถช่วยเขาเพิ่มพลังให้ตัวเองด้วยการเลือกในสิ่งที่ใช่ แต่เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เขามีความสุขกับตัวเองได้มากที่สุดเช่นกัน เพราะฉะนั้น Start with Style อีพีนี้ ดิฉันจึงขอมาแชร์ทิปส์ในการสร้างความสัมพันธ์แบบ Healthy กับคนรอบตัวโดยใช้การแต่งตัวเป็นเครื่องมือเพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจและยอมรับในตัวตนของกันและกันมากขึ้นค่ะ

เข้าใจว่าแต่ละคนมีบุคลิกที่แตกต่างอย่างแท้จริง

        บุคลิกที่แตกต่างของเรานั้นมาจากการตีความ การเลี้ยงดู การเติบโต การห้อมล้อมไปด้วยบุคคลต่างๆ ที่หล่อหลอมให้เรามีตัวตน มุมมองและความคิดที่แตกต่างกันออกไป การสร้างความสัมพันธ์ให้มีพลังนั้น สิ่งแรกเลยคือต้องยอมรับในความแตกต่างนั้นให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตัวที่เป็นการเรียนรู้เฉพาะบุคคลและเป็นเรื่องที่ปัจเจกมากๆ ดิฉันมีลูกค้าหลายคน พาแฟนมาให้ปรับลุกส์ เพราะเขาต้องการให้แฟนดูดี สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจอย่างเปิดใจคือ คำว่า​ ‘ดูดี’ ในพจนานุกรมของเรากับพจนานุกรมของคนอื่นนั้นแตกต่างกัน เพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่จะช่วยเพิ่มพลังในกับความสัมพันธ์โดยการใช้การแต่งตัวเป็นเครื่องมือคือการทำความเข้าใจในบุคลิกภาพของเขาเสียก่อน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเป็นคนชอบแต่งตัวด้วยสีและลายพิมพ์ ในขณะที่อีกคนชอบใส่สีโมโนโทน เราจะไม่พยายามเปลี่ยนเขาด้วยการให้เขาใส่เสื้อสีแดงสดแทนสีดำ หรือเล่นเลเยอร์เสื้อผ้าด้วยเบลเซอร์พิมพ์ลายในขณะที่เขาชอบใส่แค่แจ็กเก็ตยีนส์ธรรมดา ใครที่กำลังอยากให้แฟนเปลี่ยนการแต่งตัวให้ดูดีขึ้นจะต้องทำความเข้าใจว่าตัวตนของเขาชอบแบบไหนกันแน่ ชอบความโดดเด่น หรือชอบอยู่เงียบๆ ชอบพูดตรงๆ หรือชอบพูดอ้อมๆ เจ้าระเบียบหรือปล่อยไหลสบายๆ หัวใจหลักของข้อนี้คือพยายามทำความเข้าใจในตัวตนของเขาอย่างเปิดใจโดยไม่ใส่ความคิดของเราเข้าไปแทรกแซง แต่หาช่องทางที่จะช่วยทำให้การแต่งตัวของเขามีพลังมากขึ้นได้อย่างไร อันนี้คือสิ่งที่เราต้องทำการบ้านต่อค่ะ

ใช้ความคิดมากกว่าความรู้สึก

        ข้อนี้อาจจะสวนทางกับหลายๆ คน เพราะว่าเรามักจะคิดว่าเมื่อไหร่ที่รู้สึกใช่กับเสื้อผ้าตัวไหน นั่นก็คือตัวที่ใช่สำหรับเราเสมอ วิธีนี้ใช้ได้กับตัวเอง แต่เมื่อถึงเวลาที่เราจะใช้เสื้อผ้าในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น ให้เราใช้ความคิดหรือพูดง่ายๆ ว่าใช้สมองมากกว่าใช้ใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เขารู้สึกเหมือนถูกตัดสินด้วยความคิดของเรา ง่ายๆ เลยคือถ้าช่วยเลือกเสื้อผ้าจากบทบาทหน้าที่ อาชีพการงานและบุคลิกส่วนตัว มากกว่าใช้ความรู้สึกของเราเอง พูดง่ายๆ ว่าเรากำลังลองทำหน้าที่สไตลิสต์ส่วนตัวของคนใกล้ตัวดูบ้าง เวลาทำหน้าที่สไตลิสต์ เราจะมีโจทย์ที่ชัดเจนว่าลูกค้าเราทำอาชีพอะไร บุคลิกภาพแบบไหนของเขาที่โดดเด่นและน่านำเสนอ เพราะฉะนั้น แทนที่จะบอกว่าเธอต้องแต่งตัวให้ดูดีกว่านี้ ลองชวนเขาคิดสักนิดว่า ถ้าเขาเปลี่ยนในส่วนนั้นหรือเพิ่มในส่วนนี้จะเกิดผลลัพธ์อะไรดีๆ กับตัวเขาบ้าง ที่สำคัญ ในการเป็นสไตลิสต์ส่วนตัวเราจะไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการตัดสิน เพราะอย่างที่บอกว่าความดูดีของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่เราจะช่วยชี้จุดเด่นและจุดที่ต้องพัฒนา เป็นเหมือนเพื่อนช่วยแนะนำให้เขาได้เจอในสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้ความสัมพันธ์กระชับแน่นแฟ้นขึ้นแล้ว คุณยังสามารถนำมาฝึกกับตัวเองได้ด้วยเช่นกัน ลองคิดดูสิคะว่าถ้าทั้งฝ่ายทำไปด้วยกันแล้วเกิดความมั่นคงในตัวเอง ความสัมพันธ์ระหว่างกันจะมั่นคงและก้าวหน้าแค่ไหน

ประนีประนอมซึ่งกันและกัน

        อันนี้หลักง่ายๆ ในเรื่องความสัมพันธ์ที่นำมาใช้กับการแต่งตัวได้ด้วย เราอาจจะคุยกันเองว่า ถ้าเราแนะนำการแต่งตัวให้กันได้ แต่ไม่ใช่ว่าทั้ง 7 วัน ฉันจะต้องแต่งตัวเหมือนที่เธอเลือกให้ตลอดเวลานะ เราอาจจะใช้สูตรสามวันทีสี่วันครั้ง สลับเป็นการแต่งตัวที่เธอเลือกให้ 3 วัน ส่วนอีก 4 วันของฉันเป็นตัวของตัวเองบ้าง วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถชื่นชมและยอมรับกันในแบบที่แต่ละคนเป็น (หรือชอบ) มากขึ้น และจะดีไปกว่านั้นอีก ถ้าเราสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ชิ้นที่เราชอบกับชิ้นที่เขาชอบให้อยู่ในลุกส์เดียวกันได้ ครีเอตความน่ารักในความสัมพันธ์ที่รู้กันเพียงแค่สองคน นอกจากจะทำให้การแต่งตัวภายนอกดูมีมิติแล้ว ยังทำให้การสุขภาพใจภายในสดใสและเบ่งบานขึ้นไปอีก

        3 วิธีนี้ไม่ได้ใช้แค่สำหรับความสัมพันธ์ของคู่รักเท่านั้นนะคะ ยังสามารถนำไปปรับใช้ในความสัมพันธ์รูปแบบอื่นๆ ได้ด้วย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเอง พูดง่ายๆ ว่าเริ่มต้นที่ตัวเองก่อนแล้วค่อยขยายอาณาเขตไปใช้กับคนอื่น ฝึกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เพียงแต่คุณและคนใกล้ชิดจะแต่งตัวดีขึ้นและมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้น แต่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความมั่นคงในตัวเองให้หนักแน่นขึ้นด้วย

        และนั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกความสำเร็จในชีวิตที่คุณมองหาเลยล่ะค่ะ


ภาพ: Unsplash , Getty Images