สำหรับแฟนคลับ ‘ศิลปิน’ เป็นเหมือนโลกทั้งใบ เป็นคนที่ให้กำลังใจและเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต อาจจะดูเวอร์เกินไปที่บอกแบบนี้ แต่มันเป็นความรู้สึกจริงๆ เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้โกหก จะมีกี่คนที่ทำให้ใครคนหนึ่งยิ้มได้เพียงแค่มองรูปภาพ จะมีสักกี่คนที่สร้างแรงผลักดันให้กับใครคนหนึ่งได้โดยที่ไม่รู้จักกันและไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย แต่ถ้าหากวันหนึ่งคนที่เป็นเหมือนโลกทั้งใบของเราหายไปล่ะ? เราจะมีความรู้สึกอย่างไร คงบรรยายคำไหนออกมาไม่ถูกนอกจากรู้สึกว่าความสุขของเราได้สูญหายไปแล้ว
เมื่อปลายปี ค.ศ. 2017 ที่ผ่านมาสำหรับแฟนเพลงศิลปินเกาหลีนับว่าเป็นการส่งท้ายปีที่เจ็บปวดที่สุด เพราะหนึ่งในนักร้องที่มีคุณภาพที่สุดคนหนึ่งของวงการอย่าง ‘คิม จงฮยอน’ หนึ่งในสมาชิกวง SHINee เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน การสูญเสียครั้งนี้สั่นสะเทือนความรู้สึกแฟนคลับเป็นอย่างมาก สาเหตุของการเสียชีวิตทางครอบครัวและเพื่อนสนิทได้เปิดเผยว่าเขามีปัญหาด้านสภาพจิตใจมานาน ทำให้ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าเเละเครียดกับสิ่งที่เป็นอยู่ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาได้เขียนจดหมายลาครั้งสุดท้ายให้กับพี่สาวและเพื่อนสนิทเอาไว้ โดยมีใจความสำคัญว่า
“โรคซึมเศร้าของผมค่อยๆ ก่อตัวเพิ่มขึ้นจนมันกลืนกินผมไปทั้งตัว มันทำให้ผมนึกถึงเเต่อดีตที่เจ็บปวด ถ้าผมไม่สามารถหายใจได้อย่างมีความสุข ผมว่าอย่าหายใจเลยดีกว่า ผมบอกตัวเองว่าอยากวิ่งหนี หนีไปให้ไกลจากทุกคนรวมทั้งตัวของผมเอง ผมได้แต่ถามตัวเองว่าเป็นใคร ทำไมผมถึงจำอะไรไม่ได้ ผมถูกขอให้มีชีวิตอยู่เป็นร้อยๆ ครั้ง แต่มันไม่ใช่เพื่อผมหรอกมันเพื่อคุณต่างหาก ผมอยากให้มันเป็นแบบนี้สำหรับผม ได้โปรดอย่าพูดอะไรที่คุณไม่รู้ ผมก้าวข้ามมันแล้ว และมันไม่ได้ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ไม่ต้องมีคำพูดใดให้ผม ขอแค่บอกว่า “คุณทำได้ดีแล้ว” เพียงเท่านี้ก็เพียงพอ แม้ว่าคุณจะไม่สามารถยิ้มหรือหัวเราะได้ อย่าส่งผมด้วยการกล่าวโทษผมเลยนะ บอกผมว่าผมทำงานหนักมาก ผมทำงานหนักมากจริงๆ ลาก่อน…”
เหตุการณ์เศร้าสลดเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เรามักจะเห็นข่าวคนดังของประเทศเกาหลีใต้จบชีวิตตัวเองอันมีสาเหตุจากโรคซึมเศร้ามาโดยตลอด
ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 2013 คิมซูจิน นักแสดงหญิงจากซิตคอมที่เคยโด่งดัง เลือกจบชีวิตของเธอลงด้วยการแขวนคอในบ้านพักของตัวเอง ทางต้นสังกัดเปิดเผยว่าเธอป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและทรมานกับอาการป่วยจนทนไม่ไหว เธอจึงเลือกจากโลกนี้ไปด้วยการฆ่าตัวตายพร้อมกับจดหมายที่มีใจความสำคัญว่า “ฉันเสียใจ มันเป็นเรื่องยากที่ฉันต้องอยู่คนเดียวด้วยความกดดัน”
ในปี ค.ศ. 2015 โซจิน นักร้องสาวสมาชิกวง Baby Kara ได้จบชีวิตตัวเองลงด้วยการกระโดดตึกจากอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในแดกู โดยเนื้อข่าวรายงานว่าเธอตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า
และล่าสุดในเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2018 ที่ผ่านมา จอนแทซู นักแสดงชื่อดังได้เสียชีวิตลง โดยต้นสังกัดของเขาได้เปิดเผยว่า จอนแทซูเข้ารับการรักษาเกี่ยวกับอาการซึมเศร้ามาเป็นเวลานาน ทำให้เขาหายไปจากวงการพักหนึ่ง ซึ่งเขาได้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการพูดคุยเพื่อกลับมารับงานแสดงอีกครั้ง นั่นจึงเป็นเรื่องน่าตกใจที่เขาจากไปอย่างกะทันหัน
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคมเกาหลีใต้ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก จึงทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า ทำไมศิลปินหรือคนที่ทำงานในวงการบันเทิงจึงประสบปัญหากับการตกอยู่ในภาวะซึมเศร้ามากมายขนาดนี้
วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทเรื่อง การศึกษาเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าและการพยายามฆ่าตัวตายในหมู่คนดัง ของนักแสดงสาว ปาร์กจินฮี มหาวิทยาลัยยอนเซ ได้อธิบายว่า คนดังของเกาหลีใต้จำนวน 40% เคยมีความคิดฆ่าตัวตายมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดยค่าความเครียดของศิลปินทั้งหมดคิดเป็น 53.12% จาก 100% สาเหตุที่ทำให้ค่าความเครียดสูงขนาดนี้มาจากชีวิตที่ขาดความเป็นส่วนตัว การถูกกลั่นแกล้งและรังแกทางโลกออนไลน์ ปัญหารายได้ที่ไม่แน่นอน รวมทั้งเกิดความกลัวว่าแฟนคลับและผู้ใหญ่ในวงการจะไม่ชื่นชมความสามารถของตนอีกต่อไป ความเครียดทั้งหมดจึงถูกสะสม คนดังหลายคนจึงตัดสินใจเลือกจบชีวิตตัวเองลงแทน
จากข้อมูลดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงถึงปัญหาของสังคมเกาหลีใต้ได้ชัดเจน สังคมที่มีการแข่งขันกันสูงทำให้เกิดแรงกดดันในการไขว่คว้าหาความสำเร็จ โดยเฉพาะในวงการบันเทิง ศิลปินและเด็กฝึกหัดต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลจากการแข่งขัน อีกทั้งยังต้องอดทนต่อการควบคุมจากต้นสังกัด ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมตลอดจนการใช้ชีวิต ยิ่งถ้าเป็นศิลปินที่ประสบผลสำเร็จและมีชื่อเสียงมาก ก็จะยิ่งถูกจับตามองมากขึ้นไปอีก ฉะนั้นเมื่อถูกคาดหวังมากก็ยิ่งกดดันตัวเอง พวกเขาจึงต้องพยายามทำงานหนักกว่าคนอื่นหลายเท่า ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สังคมเกาหลีใต้มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในบรรดาประเทศอุตสาหกรรม
ทำอย่างไรถึงจะเอาชนะโรคซึมเศร้าได้?
ปาร์กซังฮี อดีตสมาชิกวง S.O.S เกิร์ลกรุ๊ปยุค 90s ของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ ซึ่งตอนนี้เธอทำงานเป็นหัวหน้าจิตแพทย์ ได้พูดถึงโรคซึมเศร้าที่เกี่ยวข้องกับคนในวงการบันเทิงในรายการหนึ่งว่า คนดังระดับแนวหน้าในวงการจะประสบปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขารู้สึกเครียด พวกเขาต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูง อีกทั้งยังต้องแบกรับความคาดหวังและคำวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรง
สิ่งที่ยากที่สุดเกี่ยวกับการเป็นคนดังคือ พวกเขาต้องแสดงด้านที่ดีออกมาอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้พวกเขาไม่สามารถเล่าปัญหาของตัวเองให้กับผู้อื่นฟังได้ พวกเขาเชื่อว่าตัวเองแข็งแกร่งพอ และเชื่อว่าสามารถรับมือกับปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง นั่นจึงทำให้คนดังหลายคนหลุดเข้าไปติดในกับดักของโรคซึมเศร้าในที่สุด
ฉะนั้นถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่าคุณมีภาวะซึมเศร้า อย่าพยายามเอาชนะมันด้วยตัวเอง เพราะมันขึ้นอยู่กับคนอื่นที่จะช่วยให้คุณหลุดพ้น และถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือจากจิตแพทย์ คุณก็สามารถเข้ารับคำปรึกษาได้เสมอ
สิ่งที่สำคัญคือคุณจะต้องไม่ยอมแพ้และพยายามหาคนที่สามารถช่วยคุณได้อย่างถูกวิธี อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกให้รู้คือ คนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะไม่มีพลังเพียงพอที่จะสามารถไปขอความช่วยเหลือจากใคร ดังนั้นคนที่อยู่รอบข้างพวกเขาสำคัญที่สุด คุณต้องใส่ใจและหมั่นถามสิ่งที่เขาต้องการให้ช่วย
โรคซึมเศร้าไม่ได้เป็นเพียงแค่ความรู้สึก เพราะมีความซับซ้อนที่สามารถทำให้คนคนหนึ่งจมดิ่งอยู่กับฝันร้ายที่ไม่รู้ว่าจะหลุดออกมาได้เมื่อไหร่ โรคที่เกี่ยวกับจิตใจนั้นสามารถล้มล้างทุกอย่างในชีวิตได้
การสูญเสียที่เกิดจากโรคซึมเศร้าที่ผ่านมาทั้งหมด เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม ยิ่งถ้าหากว่าเป็นการสูญเสียของคนที่เรารัก คนที่เราเป็นติดตาม คนที่เราชื่นชม เราจะยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากกับเหตุการณ์นั้น
ใครจะรู้ว่าคนที่สร้างความสุขให้คนเป็นหมื่นเป็นแสนล้านคนจะซ่อนความเจ็บปวดมากมายเอาไว้ข้างใน ในขณะที่เขากำลังยิ้มให้เป็นเวลาเดียวกันกับที่เขากำลังจะทนไม่ไหว และกว่าที่เราจะรู้ว่าเขาเจ็บปวดมากขนาดไหน มันก็สายเกินไปแล้ว
สำหรับคนที่เป็นแฟนคลับเรื่องนี้มันอาจจะยากทำใจ กว่าความเสียใจจะจางไปอาจจะต้องใช้เวลา พวกเขาคงไม่ชอบแน่ถ้าหากแฟนๆ ของพวกเขายังเสียใจอยู่ ถึงแม้ว่าร่างกายของพวกเขาจะไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป แต่พวกเขาจะยังโลดแล่นและมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของคนที่ยังมีลมหายใจอยู่เสมอ
ขอบคุณที่มอบความสุขให้กับแฟนๆ มาโดยตลอด พวกคุณทำดีที่สุดแล้ว ได้โปรดหลับให้สบาย…
อ้างอิง: www.bbc.com/thai, www.koreatimes.co.kr, www.koreaboo.com