สารัช อยู่เย็น

สารัช อยู่เย็น | บททดสอบความเป็นนักกีฬาอาชีพ ความเพียรพยายามสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ

เคยสงสัยไหมว่า เคล็ดลับอะไรที่ทำให้คนคนหนึ่งก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพได้ บทความชิ้นนี้จะพาไปสำรวจชีวิตของนักกีฬาอาชีพที่ประสบความสำเร็จอย่าง ‘ตัง’ – สารัช อยู่เย็น มิดฟิลด์หน้าใสทีมชาติไทย จากสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ที่หลายคนอาจจะคุ้นหน้าเขาจากการเป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอเพลง เชือกวิเศษ ของวงลาบานูน แต่หากชีวิตหลักของเขานั้นคือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เส้นทางชีวิตของสารัชเริ่มต้นจากความหลงใหลในกีฬาลูกกลมๆ และมีเป้าหมายในการติดทีมชาติไม่ต่างจากใครหลายคน แต่สิ่งที่ผลักดันให้เขาสามารถก้าวไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้ นอกจาก ‘ความฝัน’ แล้ว ‘ความมุ่งมั่น’ และ ‘ความตั้งใจ’ ที่เกิดจากการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น การดูแลตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงการวางแผนชีวิตแต่ละวันให้ดี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทุกโอกาสที่อาจพุ่งเข้ามาต่างหากคือสิ่งสำคัญ

     เพราะการประสบความสำเร็จไม่ได้เรียกร้องจากการเป็นยอดมนุษย์ แท้จริงแล้วมันร้องเรียกความเพียรพยายาม ความมุ่งมั่น และวินัยที่สร้างได้จากคนธรรมดาที่มีฝัน แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากเขาขาดครูชีวิตที่เรียกว่า ‘กีฬา’

     ชีวิตประจำวันของนักกีฬาอาชีพอย่างสารัชไม่ต่างจากคนปกติทั่วไป เขามีช่วงเวลาสำหรับฝึกซ้อม ดูแลร่างกาย ผ่อนคลายจิตใจ และพักผ่อน วนเวียนเป็นรูทีนในทุกๆ วัน หากแต่สิ่งที่เขาวนเวียนทำซ้ำเป็นประจำเหล่านี้นี่แหละ ที่ช่วยสร้างสิ่งที่เรียกว่า ‘วินัย’ ให้กับเขา และเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพนี้ได้

 

 

08.30 น.

     ผมเป็นคนตื่นเช้า ช่วงเวลาประมาณ 8.30–9.00 น. ไม่ค่อยเกินไปจากนี้ หลังจากนั้นก็กินมื้อเช้า ปกติก็จะกินของจำพวกแป้ง คาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก อาหารเช้าถือว่าสำคัญมากที่สุดก็ว่าได้ เคยมีบางวันผมไม่ได้กินข้าวเช้า แล้วไปอัดกินตอนช่วงบ่ายเยอะๆ ทีนี้พอมาซ้อมแล้วมันรู้สึกมึนๆ คล้ายจะเป็นลม เพราะว่าเราไปงดอาหารเช้าไง ฉะนั้นต้องกินอาหารให้ตรงเวลา เพราะมันจะส่งผลต่อร่างกายตลอดทั้งวัน

 

10.00 น.

     หลังทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ปกติจะเป็นเวลาผ่อนคลายทั่วไป การผ่อนคลายก็ถือว่าสำคัญสำหรับนักกีฬาอาชีพมาก นักฟุตบอลระหว่างฤดูกาลจะเครียดพอสมควร เพราะมันมีการแข่งขันตลอดทุกสัปดาห์ แล้วอย่างทีมที่มีความคาดหวังในเรื่องผลงานตลอด ก็จะมีความกดดันทั้งจากแฟนบอล หรือผู้บริหารที่คาดหวังกับผลงานในสนามของเรา ซึ่งมันก็กลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้เราเครียดเหมือนกัน ฉะนั้น เวลาว่าง บางทีเราก็ต้องมีการรีแล็กซ์อย่างอื่นบ้าง ดังนั้นปกติเวลาแข่งเสร็จสโมสรก็จะมีการจัดสรรเวลาให้นักกีฬาหยุดพัก เพื่อให้ไปอยู่กับครอบครัวบ้าง ไปพักผ่อนสมองบ้าง

     อย่างผมจะชอบการรีแล็กซ์ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลอย่างการเล่นเกมฟุตบอล เวลาเล่นเราไม่ได้เล่นเพื่อสนุกอย่างเดียว แต่เราจะพยายามลองปรับแท็กติคต่างๆ ในเกมเพื่อทดลองด้วย เดี๋ยวนี้วิวัฒนาการของเกมไปไกลแล้ว ในเกมสามารถปรับอะไรได้เยอะแยะ เราก็ลองเล่น ลองปรับแผนที่เราชอบ จำลองให้เข้ากับสถานการณ์จริงๆ ที่เราเคยลงสนาม หรือแม้แต่การดูคลิปฟุตบอลในยูทูบ ผมว่ามันมีหมดทุกอย่างแล้วนะ ทั้งเรื่องระบบการเล่นของทีม ของตัวผู้เล่น เขาตัดออกมาเป็นชอตๆ วิเคราะห์ละเอียดเลย มันก็ง่ายสำหรับนักฟุตบอล เราชื่นชอบใคร เราอยากศึกษาจากคนไหนที่เขาเล่นในตำแหน่งเดียวกัน เราก็เรียนรู้จากตรงนั้น มันก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง ทั้งมุมมองการเล่น จังหวะการเล่นของนักเตะดังๆ ดูแล้วคิดตาม หาแง่มุมนำมาปรับใช้กับเราให้ได้

 

     สารัชแนะนำ: เราสามารถพยายามด้วยตนเองได้เสมอ ยกตัวอย่างผมหรือนักฟุตบอลหลายๆ คน แต่ก่อนก็ไม่ได้มีโอกาสเหมือนทุกวันนี้ ทั้งในแง่การเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต หรือชื่อเสียง เราก็ฝึกฝนด้วยตนเองมาเกือบทุกคน ผมว่าชีวิตนักฟุตบอลแทบทุกคนลำบากมาก่อน ไม่มีใครที่มีชื่อเสียงเงินทองมาแต่แรกอยู่แล้ว ทุกอย่างมันเริ่มจากความรักในกีฬา และก็การพยายามซ้อมอย่างหนัก พอซ้อมบ่อยๆ เราจะเริ่มเห็นจุดอ่อนของตัวเองชัดขึ้น แล้วมันจะทำให้เราสามารถปรับแก้ได้ ฝึกซ้อมเพิ่มได้ อีกอย่างคือการดูคลิปนักเตะเก่งๆ มันไม่ได้แปลว่าคุณจะเก่งขึ้นมาในทันที แต่มันอยู่ที่คนคนนั้นด้วยว่ามีทัศนคติกับอาชีพนี้หรือกับฟุตบอลอย่างไร คุณอยากขึ้นมาเล่นฟุตบอลระดับอาชีพ มันก็มีรายละเอียดมากมายว่าคุณจะทำยังไงให้ขึ้นมาอยู่ระดับนี้ได้ สิ่งเหล่านี้กีฬาจะเป็นคนสอนเราเอง

 

15.00 น.

     หลังจากพักผ่อน กินมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว ปกติผมก็จะเดินทางมาสนาม เพื่อมานวดคลายกล้ามเนื้อก่อนลงซ้อม หลายคนอาจจะเข้าใจว่าพอถึงเวลาก็ลงซ้อมเลย แต่ความจริงก่อนซ้อม คุณต้องเตรียมพร้อมร่างกายด้วยการนวดคลายเสียก่อน อย่างผมเองก็เป็นคนชอบการนวดคลายกล้ามเนื้อ ถ้าวันไหนไม่ได้นวด เราจะรู้สึกได้ว่ามันอืด ร่างกายจะหนัก เพราะกล้ามเนื้อมันตึงอยู่ ก็ถือเป็นการเตรียมพร้อมร่างกายให้กล้ามเนื้อมันยืดหยุ่นก่อนลงสนาม ที่สำคัญคือมันก็ป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดอาการบาดเจ็บได้

 

สารัชแนะนำ: ถึงแม้เราเป็นนักกีฬาอาชีพ แต่เราไม่สามารถข้ามรายละเอียดเล็กๆ พวกนี้ไปได้แม้แต่อย่างเดียว รายละเอียดของการเป็นนักกีฬาอาชีพมันเยอะมาก และคุณต้องใส่ใจ แม้กระทั่งการนวด การยืดกล้ามเนื้อ หรือการเล่นเวต แต่ก่อนผมเองก็ไม่ชอบการเล่นเวตนะ แต่พอมีบางช่วงที่เราบาดเจ็บ ก็เลยเห็นความสำคัญของมันที่ช่วยฟื้นฟูเรา

 

สารัช อยู่เย็น

 

16.30 น.

     หลังจากนวดคลายกล้ามเนื้อเสร็จก็เป็นช่วงเวลาที่เข้มข้นที่สุดคือการลงสนามเพื่อฝึกซ้อม ปกติเราต้องซ้อมตามที่โค้ชวางรูปแบบการฝึกซ้อมไว้ โดยเฉพาะในช่วง pre-season เราจะซ้อมกันหนักมาก ต้องใช้ความอดทนมาก เพราะก่อนหน้านั้นเราปิดฤดูกาลไปเกือบสองเดือน แน่นอนว่าร่างกายมันก็หย่อนไปบ้าง ผมเองก็ต้องมาเรียกความฟิตก่อนเริ่มฤดูกาล ไม่งั้นร่างกายจะไม่ทันปรับตัว ผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญและตั้งใจกับการฝึกซ้อมค่อนข้างสูงในแต่ละวัน เพราะทุกรายละเอียดที่โค้ชสอนมันจะกลายเป็นประโยชน์สำหรับผมเวลาลงสนามอย่างมาก

 

18.00 น.

     หลังจากซ้อมเสร็จปกติเราก็จะต้องคลายกล้ามเนื้ออีกรอบ นอกจากการยืดเหยียดแล้ว เราก็จะไปแช่น้ำร้อนให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายประมาณครึ่งชั่วโมง เป็นการรีแล็กซ์กล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานระหว่างการฝึกซ้อมได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือมันช่วยลดอาการตึง อาการปวด หรือบาดเจ็บได้

 

19.00 น.

     ในทุกวันเราต้องทานอาหารให้ครบทุกหมู่ อาหารเย็นก็ต้องทานเป็นปกติ แต่เราก็ต้องเลือกกินนิดหน่อย เมนูอะไรที่มีไขมันส่วนเกินหรือมีน้ำมันเยอะไป ก็ต้องพยายามเลี่ยง แต่ด้วยความที่ประเทศไทยเราเองอาจจะยังไม่ได้เข้มงวดในเรื่องโภชนาการเท่ากับนักฟุตบอลในประเทศอื่นๆ ดังนั้นบางทีเราก็อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทานของมัน แต่นั่นก็ทำให้เราต้องวางแผนการกินของตัวเองให้ดีเลย เพราะทุกอย่างที่เข้าปากเราไปล้วนส่งผลต่อสภาพร่างกายของเราทั้งสิ้น

 

23.00 น.

     ช่วงเวลาเข้านอนประมาณสี่ทุ่มหรือห้าทุ่มถือว่าเป็นช่วงเวลาปกติพอดีสำหรับผม แล้วก็หลับยาวไปตื่นอีกทีประมาณ 8-9 โมง มันตื่นอัตโนมัติเลยนะ ก็ถือว่าได้นอนหลับเพียงพอ 9-10 ชั่วโมงเลย สำหรับนักกีฬาอาชีพ การจัดสรรเวลานอนหลับให้ดีเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะบางครั้งถ้านอนดึกเกินไปผมจะรู้ตัวเลยว่าตื่นมาแล้วสมองจะตื้อๆ มันจะมึนๆ แล้วผมเป็นคนที่ไม่นอนกลางวันอยู่แล้ว มันก็จะรู้สึกไม่สดชื่น และแน่นอนว่ามันจะส่งผลต่อทั้งสภาพร่างกาย จิตใจ ตลอดทั้งวันของผมไปเลย ที่สำคัญมันจะส่งผลกระทบไปถึงช่วงเวลาการซ้อมด้วย

 

สารัชแนะนำ: แต่ก่อนช่วงผมอายุ 19-20 ก็เคยเที่ยวกลางคืนประจำนะ แต่พอวันหนึ่งเราจะรู้ตัวเอง ถ้าเรามีเป้าหมายในการเป็นนักกีฬาอาชีพเราต้องตัดให้ได้ เพราะถ้าเราไปทุกวันมันก็ส่งผลให้เรานอนดึกทุกวัน แล้วเราต้องตื่นมาซ้อม ต้องใช้ร่างกายมากกว่าคนอื่นสองเท่า แต่ผมจะบอกให้ว่าสิ่งที่ได้มามันคุ้มค่ามาก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่นักกีฬาอาชีพควรแลกมาด้วย

 

สารัช อยู่เย็น

 

ก่อนที่จะมาเป็นนักกีฬาอาชีพกับหลังจากได้เป็นแล้ว ชีวิตแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

     ค่อนข้างต่างกันมาก เพราะก่อนเราจะเป็นนักกีฬาอาชีพเราเรียน ฉะนั้นผมไม่มีความรู้เลย ทั้งเรื่องโภชนาการ เรื่องการพักผ่อน เรื่องการซ้อม แต่พอก้าวมาถึงจุดที่เป็นนักกีฬาอาชีพ ช่วงปีแรกๆ ผมก็ยังทำตัวปกติเหมือนตอนอยู่โรงเรียน แต่พออายุเพิ่มขึ้น ผมก็รู้เลยว่าการดูแลตัวเองมันสำคัญมากๆ พอมาเป็นนักกีฬาแล้วมันต้องมีวินัย ต้องทำอะไรบ้าง วันหนึ่งต้องจัดสรรเวลา มันไม่ใช่แค่กลับบ้านแล้วก็มาซ้อม นี่คือความเป็นมืออาชีพที่คนอยากเป็นมืออาชีพต้องทำ การสร้างวินัยอาจไม่ใช่เรื่องสนุก แต่ว่าพอทำไปเรื่อยๆ มันก็จะเกิดความเคยชิน และทำอัตโนมัติจนเป็นนิสัย ผมว่าไม่ได้น่าเบื่อนะ เพราะสุดท้ายมันจะช่วยพัฒนาคุณในเส้นทางอาชีพ

 

การเป็นนักกีฬาอาชีพให้บทเรียนอะไรในชีวิตคุณบ้าง

     ในแง่ชีวิต กีฬาสอนให้ผมมีวินัยมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการตรงต่อเวลา สำคัญมาก เพราะว่าพอมาเล่นระดับสูงแล้ว แต่ละสโมสรก็จะมีกฎของเขา ถ้าคุณมาสายโดนปรับเงินนะ ที่สำคัญกีฬาสอนผมในแง่ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง โดยเฉพาะเรื่องการดูแลซึ่งกันและกัน เพราะเราอยู่กันเป็นทีม บางครั้งมันไม่ใช่วันที่ดีของทีม ฟอร์มไม่ได้อย่างที่ใจต้องการ ผลการแข่งขันแพ้ เราก็ต้องคอยซัพพอร์ตกันในทีม ไม่ว่าจะเป็นโค้ช นักกีฬา สตาฟฟ์ หรือหมอนวด เราต้องคอยพยุงกันขึ้นไป ให้ทีมกลับไปสู่มาตรฐาน นี่คือสิ่งสำคัญของคำว่าทีม

 

คิดอย่างไรกับคำว่า ‘กีฬาคือครูชีวิต’

     กีฬาเป็นครูชีวิตที่สอนให้ผมรู้จักแพ้ชนะ รู้จักให้อภัย กีฬาสอนความพยายามกับผม สอนให้เรามีเป้าหมาย สมมติเรามีเป้าหมายจะเป็นแชมป์ก็ทำให้เราได้ย้อนมาวิเคราะห์ตัวเองว่าต้องแก้ตรงไหน เพิ่มเติมตรงไหน เพื่อจะพาเราไปถึงจุดนั้นได้ แล้วก็เรื่องความอดทน การที่เรามาอยู่จุดนี้ มันเป็นที่คาดหวังของคนอื่นอยู่แล้ว เราต้องรับแรงกดดันจากตรงนั้นให้ได้ กีฬาก็เลยเป็นการฝึกอย่างหนึ่งว่าจิตใจเราแข็งแกร่งขนาดไหน เราอยู่ระดับไหน เราอดทนต่อคำวิจารณ์ได้หรือเปล่า กีฬาสอนให้ผมมีสมาธิ เพราะฟุตบอลเล่นกัน 90 นาที การเล่นในระดับอาชีพสมาธิในเกมเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเราขาดสมาธิแล้วไปโฟกัสอย่างอื่นนิดเดียวคือพลาดเลย

 

ในโฆษณา ‘กีฬาคือครูชีวิต’ ของไมโล มีความคล้ายกับชีวิตคุณในแง่มุมไหนบ้าง

     มันค่อนข้างตรงกับชีวิตผมในบางมุมเหมือนกันนะ เด็กหลายคนในคลิปก็ไม่ได้มีโอกาสที่ดีตั้งแต่แรก หรือยังไม่ได้รับการยอมรับตั้งแต่แรก ผมว่าการเป็นนักกีฬาอาชีพได้มันต้องผ่านจุดนี้ทุกคน ตอนที่ผมเป็นเด็กใหม่ขึ้นมาสู่ทีม แน่นอนว่าเราไม่ได้เก่งที่สุดอยู่แล้ว ในการลงทีมเราไม่ได้ยืนเป็นผู้เล่น 11 ตัวจริงในสนามตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะก็ยังมีรุ่นพี่ในระดับทีมชาติอยู่ เราก็ต้องรอจังหวะและโอกาสด้วยความอดทน เพียงแต่จังหวะและโอกาสนั้น ไม่ใช่ว่าเราทำเพียงแค่รอ แต่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอเพื่อวันที่โอกาสในการลงเล่นมาถึง เราจะได้มีความพร้อมที่สุด ทั้งร่างกาย จิตใจ และทักษะ

 

สารัช อยู่เย็น