‘บ้าน’ เป็นพื้นที่ที่ทุกคนใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นั่นทำให้ใครหลายคนเลือกที่จะออกแบบและตกแต่งบ้านในสไตล์ที่ตัวเองชอบ หลายคนออกตามหาผู้รับเหมา ช่างติดตั้ง รวมทั้งวัสดุตกแต่งจากหลากหลายที่ แต่เพื่อความสะดวกสบายที่มากขึ้น หากมายังที่ ‘เอสบี ดีไซน์สแควร์’ สาขาคริสตัล ดีไซน์เซ็นเตอร์ (CDC) พร้อมเดินชมโซนใหม่ นวัตกรรมการออกแบบใหม่ๆ ซึ่งทาง ธัญญรักข์ ชวาลดิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ ภูมิใจนำเสนอ
พื้นที่ใหม่ในสาขาเดิม
เป็นเวลา 10 ปีที่ทาง SB Design Square สาขา CDC ได้ให้บริการเหล่าอินทีเรียร์ดีไซเนอร์และลูกค้าผู้ชื่นชอบการตกแต่งบ้าน รวมไปถึงผู้ที่กำลังสร้างใหม่และรีโนเวตบ้านอีกครั้ง แต่เพื่อให้ที่นี่ได้กลายเป็นศูนย์รวมการออกแบบและการตกแต่งบ้านสุดครบวงจร ทางเอสบีจึงขยายพื้นที่ให้กว้างขว้างขึ้นเพื่อรองรับโซนใหม่ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
“10 ปีที่ผ่านมา เอสบีพัฒนาศักยภาพและเปลี่ยนแปลงอะไรไปมากมาย รวมทั้งนำเข้าแบรนด์สินค้าหลากหลาย แต่ทั้งนี้ เดิมทีเอสบีที่ CDC มีพื้นที่ไม่เพียงพอ เมื่อมาในปีนี้ เราจึงขยายพื้นที่จากหนึ่งหมื่นตารางเมตร เป็นหนึ่งหมื่นห้าพันตารางเมตรให้ที่นี่ใหญ่ขึ้น สามารถลงสินค้าเพิ่มมากขึ้น พร้อมปรับลุกส์ใหม่ เพิ่มพื้นที่การใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้ารวมไปถึงอินทีเรียร์ดีไซเนอร์เลือกซื้อสินค้าและทำงานได้อย่างสะดวกมากขึ้น”
สำหรับพื้นที่ส่วนขยายนั้นจะอยู่ชั้นสองของอาคารบริเวณด้านหลัง ที่มีไฮไลต์เป็นร้านกาแฟแบรนด์ Pacamara ติดริมกระจก หันหน้าเข้าสู่ตัวอาคาร มีโซนนั่งด้านบนที่โปร่งโล่งเพื่อให้เห็นวิวภายในจากมุมสูงได้ และเมื่อมองขึ้นไปด้านบนชั้นสามก็จะพบกับ Power Buy ที่มาร่วมแจมในสาขานี้ด้วย
“ไม่ใช่แค่เพียง Power Buy เราเริ่มต้นความเป็นแฟล็กชิปสโตร์ด้วย Global Brand เข้ามาเพิ่ม อย่าง ลอร่า แอชลี่ (Laura Ashley) กับการตกแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์นวินเทจ รวมทั้งแบรนด์ยูนิเวอร์แซล (Universal) จากสหรัฐอเมริกาที่ครองใจผู้คนจากทั่วโลก”
พื้นที่ที่นำนวัตกรรมใหม่ล่าสุดมาใช้เพื่อสร้างสรรค์งานออกแบบ
แต่ไฮไลต์สำคัญของการรีโนเวตเอสบี ดีไซน์สแควร์ อยู่ที่การนำนวัตกรรมการออกแบบมาให้บริการ โดยเฉพาะเรื่องของบิลต์อิน ที่เปลี่ยนการทำงานแบบเดิมๆ ให้เป็นการทำงานแบบใหม่ที่สร้างรอยยิ้มให้กับเจ้าของงานได้กว้างขึ้น
เพราะการบิลต์อินแบบเดิม ปกติผู้รับเหมาเมื่อได้รับแบบจากดีไซเนอร์ก็จะมาแตกเป็นวัสดุ จากนั้นจะนำวัสดุต่างๆ พร้อมเครื่องมือเข้าไปยังสถานที่ที่ต้องการตกแต่ง โดยเริ่มต้นงานจากการตีโครงสร้างและเริ่มขึ้นโครงสร้างตั้งแต่พื้นจดฝ้า จากนั้นจึงปรับผนังด้วยการกรุไม้อัด ก่อนจะนำของตกแต่งต่างๆ ยึดติดกับพื้นที่นั้นๆ
อีกทั้งกระบวนการแบบเดิมที่มีการตัดไม้ทำให้เกิดฝุ่น และพื้นที่บริเวณดังกล่าวอาจจะไม่ค่อยเรียบร้อย รวมไปถึงพื้นที่ที่มีความยากของงาน เช่น ตรงกลางอาจจะมีเสา หรือมุมห้องที่ต้องใช้ฝีมือของช่าง ว่าทำอย่างไรถึงจะสร้างงานออกมาได้อย่างเรียบร้อย
ที่สำคัญ ในกรณีที่มีปัญหาเรื่องระบบไฟหลังจากทำการติดตั้งเข้าไปภายใต้ผนังแล้ว ถ้าหากต้องการซ่อมแซมก็จะเป็นเรื่องที่ยากขึ้นมาหน่อย เพราะต้องรื้อออกมาหมดเลย แถมยังใช้เวลาทำงานนานหลายเดือน บางบ้านที่มีขนาดใหญ่อาจใช้เวลา 6-8 เดือน
“เราได้นำการทำงานบิลต์อินที่เรียกว่า Zelection Built-in มาใช้เป็นครั้งแรกในไทย สามารถลดเวลาการติดตั้งให้เหลือเพียงครึ่งเดียวจากแบบเดิมได้ ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของดีไซน์ ผ่านการออกแบบที่เรียกว่า Smart Structural Design และมีกระบวนการทำงานแบบ PREFAB คือการออกแบบและการผลิตทุกชิ้นส่วนของโครงสร้างและวัสดุตกแต่งต่างๆ ที่โรงงาน จากนั้นค่อยนำมาติดตั้งที่หน้างาน ทำให้ควบคุมการผลิตได้ดี ทั้งยังติดตั้งง่ายและเป็นไปอย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลาการทำงานได้มากกว่าครึ่ง อีกทั้งยังสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย ที่สำคัญยังมีขนาดมาตรฐาน สามารถเรียงต่อกันได้ทั้งแนวตั้งหรือแนวนอน ตั้งแต่พื้นจดฝ้า
“ที่สำคัญคือ ระบบนี้ยังสามารถซ่อนงานสายไฟไว้ภายใต้โครงสร้างได้ หากมีการซ่อมแซมสามารถถอดออกได้เลยโดยไม่ต้องรื้อผนัง เราเชื่อว่าเรื่องนี้ในประเทศไทยยังไม่มีใครทำ และเราได้ทำการจดสิทธิบัตรการออกแบบไว้เรียบร้อยแล้ว”
พื้นที่ที่เต็มไปด้วยวัสดุที่ไม่เหมือนใครจากทั่วโลก
และเพื่อสร้างความสะดวกสบายและร่วมสร้างไอเดียในการออกแบบสร้างสรรค์ ที่นี่จึงเปิดพื้นที่ที่เรียกว่า Design Studio จัดเต็มกับศูนย์รวมวัสดุที่ไม่เหมือนใครไว้มากกว่า 1,000 รายการ
“เพื่อให้อินทีเรียร์ดีไซเนอร์และเจ้าของงานได้บ่งบอกความเป็นสไตล์ของตัวเองได้ชัด เราจึงมีวัสดุ Raw Material Library ที่คัดสรรมาจากทั่วโลก ซึ่งเอสบีเป็นผู้นำเข้าเองแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ไม่มีจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป หรือที่เรียกว่า Limitless Design ส่วนนี้จึงถือว่าเป็นทางเลือกให้กับลูกค้ารายบุคคลและเหล่าดีไซเนอร์สามารถเลือกวัสดุสำหรับงานบิลต์อินที่สร้างสรรค์ตามความชอบของตัวเองได้อย่างยืดหยุ่นมากกว่าเดิม
“เมื่อได้วัสดุที่ตรงใจแล้ว สิ่งสำคัญที่เรานึกถึงคือตัวเชื่อมระหว่างการออกแบบและกระบวนการผลิต เราจึงนำ Design Automation ซอฟต์แวร์สุดล้ำจากเยอรมนี ทำให้ทุกออร์เดอร์ดีไซน์จากหน้าโชว์รูมพุ่งตรงสู่โรงงานผลิตได้เลย กระบวนการนี้จะช่วยให้ลูกค้าและดีไซเนอร์ได้ชิ้นงานที่เป็นมาตรฐาน ถูกต้อง และแม่นยำในเวลาอันรวดเร็ว”
พื้นที่ที่แสดงห้องตัวอย่างดีไซน์เฉียบ
แต่สำหรับใครก็ตามที่ยังไม่มีไอเดียในการออกแบบหรือตกแต่ง ทางเอสบี ดีไซน์สแควร์ก็ยังมอบไกด์ไลน์ไว้ให้เป็นแนวทาง ด้วยการสร้างห้องตัวอย่าง หรือ Model Rooms ให้ชมอย่างจุใจถึง 24 ห้อง
“ห้องตัวอย่างจะออกแบบโดย Zelection Built-in เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและแสดงให้เห็นถึงความดีงามของการบิลต์อินแบบเฉพาะของเรา สามารถตอบโจทย์และแก้ปัญหาพื้นที่ได้อย่างหลากหลาย แถมยังบ่งบอกได้ว่าการตกแต่งนั้นสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์วัสดุได้อย่างสนุกสนานและแปลกใจ ท่ามกลางวัสดุที่เราคัดสรรมาให้ หรือจะออกแบบใหม่เองก็ได้เช่นกัน”
พื้นที่เฉพาะสินค้าสั่งทำสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
เมื่อทุกอย่างมีครบ จบในที่เดียว แต่เรายังอยากสร้างสรรค์วัสดุตกแต่งด้วยตัวเอง เพื่อให้ได้สีและแบบที่โดนใจ ทางเอสบีจึงเปิดโซน Custom Shop ข้างๆ กันไว้คอยบริการ ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอนที่สามารถเลือกได้ตั้งแต่ขนาดเตียง ความสูง ดีไซน์ขาเตียง แม้กระทั่งเลือกสีของหมุดตอกและลวดลาย หรือจะเลือกฟังก์ชันเสริมก็ยังได้ เช่น บอดี้เตียงเสริม หรือเตียงลิ้นชัก และยังสามารถเลือกได้ขั้นกว่า กับโซฟา สตูล เก้าอี้ หรือแม้กระทั่งหมอนอิง
พื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ของเหล่าอินทีเรียร์ดีไซเนอร์
ท้ายสุดกับพื้นที่ใหม่ล่าสุด กับโซนของ SB Designer Club Workspace ที่เอสบีตั้งใจให้เป็นฮับของเหล่าอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ ผู้เป็นสมาชิก SB Designer Club เท่านั้น
“ในเมื่อเราเป็นผู้รับเหมาให้กับทางดีไซเนอร์ สิ่งที่ต้องทำคือออกแบบพื้นที่และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ให้กับเหล่าดีไซเนอร์ทำงานได้อย่างราบรื่นมากที่สุด โดยเราจะเป็นผู้บริหารจัดการติดตั้งให้เป็นไปอย่างลุล่วง ภายใน Workspace จะเป็นลักษณะของห้องประชุม free Wi-Fi ที่มี Smart TV และ Bluetooth Speaker ไว้รองรับการพรีเซนต์งาน รวมทั้งมีแพ็กเกจบริการอาหารและเครื่องดื่มในราคาพิเศษ พร้อมเสมอเมื่อต้องคุยงาน เดินเลือกวัสดุต่างๆ เป็นเวลานาน แฮปปี้ทั้งลูกค้า ผู้ออกแบบ เจ้าของงาน และเราในฐานะผู้ให้บริการอย่างครบครัน”