อบอุ่นในบ้านนารีสโมสร กับ ‘ช่างแม่’ ผู้ทำอาชีพช่างตัดเสื้อที่ใจรักมากว่า 57 ปี

รอยยิ้มที่พราวไปทั้งริมฝีปาก พร้อมกับดวงตาอันเป็นประกายวิบวับ ฉายอยู่บนใบหน้าของ การ์สรณ์ อภิชิต หรือคุณแม่ที่ลูกๆ เรียกกันว่า ช่างแม่ ทำเรารู้สึกได้ถึงความสุขของคนเป็นแม่ในวัย 71 ปี ซึ่งทุกวันนี้ยังมีอาชีพเป็นช่างตัดเสื้ออย่างที่ใจรักมาตลอดกว่า 57 ปี ท่ามกลางแรงสนับสนุนและกำลังใจที่ได้จากสามีและลูกๆ ทั้งห้าคน โดยหนึ่งในนั้นยังคิดที่จะเจริญรอยตามทั้งด้านอาชีพและความสุขในชีวิตเหมือนที่แม่เป็นอยู่นั่นคือ ‘นิด’ – อาภาสิริ อภิชิต ลูกสาวคนที่สี่ และเจ้าของร้านบ้านนารีสโมสร บ้านที่เติมพลังชีวิตให้ช่างแม่มาตลอด

การงานที่เรารักจะไม่ยอมให้คนเราได้มีโอกาสอยู่นิ่งเฉย ไม่ยอมปล่อยให้เรากลายเป็นคนแก่ที่ไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรเลย

ช่างแม่

ข้อความจากลูกสาว

“หลังจากที่แม่ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เมื่อราวๆ สิบกว่าปีก่อน พร้อมกับการเปิดร้าน บ้านนารีสโมสร เราตั้งใจให้บ้านหลังนี้ทำหน้าที่ทุกอย่าง เป็นทั้งที่อยู่ ที่ทำกิน และที่ทำงานของเราและแม่ เพราะแม่กับการตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นของคู่กัน เราแยกออกจากกันไม่ได้ (หัวเราะ) ขนาดทุกวันนี้แม่อายุมากแล้ว แต่แม่ก็ยังอยากทำในสิ่งที่แม่รักเสมอ ยังรับงานตัดชุด ประกอบกับแม่เป็นคนชอบสอน และอยากสอนวิชานี้ให้ลูก แต่ลูกไม่มีเวลา เราจึงตัดสินใจเปิดเวิร์กช็อปสอนตัดเสื้อให้แม่ได้สอนจริงจัง ยิ่งทำให้แม่มีความสุขมาก แถมยังสนุกไปกับการได้คิดอะไรใหม่ๆ ตลอด”

ช่างแม่

แม่เป็นแบบอย่างที่ดี

“แม่เป็นต้นแบบของการเป็นคนแก่ที่มีความสุขกับการทำงาน จนเราต้องมองย้อนกลับมาที่ตัวเองเหมือนกันว่า เราจะทำอะไรแล้วมีความสุขได้ขนาดนี้ ทำแล้วส่งเสริมให้เรามีพลังในการใช้ชีวิตโดยปราศจากคำว่าท้อแท้ แม้บางครั้งก็เหนื่อยเอาเรื่อง แต่ก็แค่พัก แล้วกลับมาลุยใหม่ แม่ทำให้เรารู้ว่าการเป็นคนแก่ที่มีความสุขกับชีวิตนั้นรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง ก็เป็นแบบช่างแม่นี่ไง… ชัดเจน”

ช่างแม่

ข้อความจากแม่

“เราคลุกคลีกับอาชีพนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะพี่สาวเป็นช่างเหมือนกัน โตขึ้นมาหน่อยก็ตัดเสื้อผ้าใส่เองจนกลายเป็นอาชีพเลี้ยงดูลูกสาวห้าคนมาโดยตลอด วันที่ลูกทุกคนยืนได้ด้วยตัวเอง เรายังเลือกที่จะทำงานตรงนี้เหมือนเดิม แต่ก็ลดปริมาณลงเพราะอายุมากแล้ว และยังคงมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำ เราสนุกเสมอที่ได้ไปเดินซื้อผ้าที่พาหุรัด มีพลังมากมายจากการได้เจอลูกค้าหรือคนที่มาเรียนตัดเสื้อ เราเห็นพวกเขาตั้งใจทำ พอเสร็จแล้วดีใจกันใหญ่ นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เราไม่เบื่อ ไม่เหนื่อย แถมยังทำให้รู้ว่าการเป็นคนแก่ไม่ได้หมายความว่าจะเก๋าได้ตลอดไป คนรุ่นใหม่ต่างหากที่เก่งและฉลาด ประสบการณ์จากรุ่นใหญ่อาจจะต้องผสานไปกับความคิดของคนรุ่นใหม่ถึงจะได้อะไรดีๆ ออกมา”

ช่างแม่

ความสนุกที่ได้ทำร่วมกับลูก

“ก่อนหน้านี้ลูกสาวคนที่สามและสี่ก็ได้สร้างความครึกครื้นให้เราด้วยการถ่ายวิดีโอตอนเราตัดเสื้อแล้วลงยูทูบ หรือถ่ายภาพทำหนังสือออกมาขาย อย่างหนังสือชื่อว่า ช่างแม่สอนตัดเสื้อ ซึ่งใช้เวลาคิดกันมาตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว จนปีนี้ใช้เวลาถ่ายภาพแค่สองวัน ลูกๆ เขียนอีกสองวัน ไม่นานเล่มนี้ก็ตีพิมพ์ วันแรกที่เห็นก็ตกใจนะ รูปของเราเยอะจัง นี่คงเป็นสิ่งเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ที่เรากับลูกได้ทำร่วมกัน กระทั่งแตกยอดได้ผลงานอีกมากมาย ทุกอย่างเริ่มมาจากแค่ความตั้งใจของเราที่จะสอนตัดเสื้อให้ลูกไว้ใส่เอง เราเชื่อว่าฝีมือน่ะกินไม่หมดหรอก แถมยังทำเป็นอาชีพในอนาคตได้ อีกอย่าง แก่ตัวไปก็ยังมีอะไรให้ทำอีก ดีจะตายไป (หัวเราะ)”

ช่างแม่

ความสนิทของแม่และลูก

บ้านนี้สนิทกันมากทำยังไง คำตอบมาจากทัศนะของลูกอย่างนิดมองว่า ความสนิทหรือความเข้าใจกันของแม่สูงวัยกับลูกๆ นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะทางหรืออายุที่ห่างกัน แต่ขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่อยากให้ใกล้กันแค่ไหนมากกว่า นิดเล่าย้อนความใกล้ใจแต่กายห่างให้ฟังว่า สมัยที่ทุกคนยังเรียนมหาวิทยาลัยก็จะอยู่กันคนละจังหวัด ตอนนั้นไม่มีไลน์ จะโทรศัพท์ก็แพง จึงเลือกการเขียนจดหมายโต้ตอบกันตลอดช่วงมหาวิทยาลัย ในขณะที่แม่เองก็ยอมรับว่า เริ่มที่คนเป็นแม่ต้องเข้าใจในวัยของลูก ให้อิสระต่อพื้นที่ส่วนตัว เรื่องส่วนตัวก็ให้โอกาสทุกคนได้คิดเอง ดังนั้น เรื่องความเข้าใจคงต้องแก้กันที่ใจมากกว่าแก้ที่จุดอื่น

ช่างแม่

อายุร่างกายเปลี่ยนแต่ใจไม่เปลี่ยนตาม

หากประเมินจากความคล่องแคล่วของการทำงาน ช่างแม่จะให้อายุตัวเองเท่าไหร่ คำถามที่ช่างแม่ก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องตอบมาก่อน จึงเงียบไปสักพักเพราะเข้าใจว่าหมายถึงอายุของหัวใจที่เต้นจริงๆ ก่อนจะหัวเราะแล้วตอบว่า “50 ปี เพราะตอนนั้นยังทำงานได้เต็มที่ ตอนนี้ก็ยั้งๆ ไว้บ้าง แต่ตั้งใจจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังช่วยวางรากฐานทางด้านนี้ให้ลูกๆ ไปเรื่อยๆ เท่าที่จะทำไหว”

ท้ายสุดช่างแม่ได้ให้แง่คิดไว้อย่างน่าสนใจว่า หากมั่นใจในสิ่งทำหรือเป็นงานที่ตัวเองรัก สิ่งนั้นจะไม่มีวันหมดอายุ ตัวงานจะไม่ยอมให้คนเราได้มีโอกาสอยู่นิ่งเฉย ไม่ยอมปล่อยให้เรากลายเป็นคนแก่ที่ไม่ลุกขึ้นมาทำอะไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นวันหมดอายุของแต่ละคนก็คงขึ้นอยู่กับอายุหัวใจของใครของมันจริงๆ