ฮานอย

The Coffee Diaries: 19 | ความรื่นรมย์ของฮานอย

ฮานอยวันนี้เปลี่ยนไปมากทีเดียว…

        ครั้งล่าสุดที่ผมเยือนเมืองนี้คือเมื่อสามปีก่อนนี่เอง ถ้าย้อนกลับไปจริงๆ ครั้งแรกน่าจะสิบกว่าปีที่แล้ว นั่นยิ่งต่างแบบหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเทียบกับปัจจุบัน พูดแบบนี้หาใช่โหยหาความเดิมๆ ไม่ แก่ปูนนี้แล้ว ยอมรับได้แล้วล่ะว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นสัจธรรมอย่างหนึ่ง พยายามหยุดยั้งให้อะไรต่อมิอะไรคงเดิมก็คงไม่ต่างจากคนสูงวัยไปทำศัลยกรรมพลาสติกนั่นแหละ (ไม่ก็โกรกปิดผมหงอกประมาณนั้น) ปล่อยให้เป็นไปตามเหตุปัจจัย อย่าได้ไปห้ามมันเลยจะดีกว่าไหม

 

ฺฮานอย

 

        ถ้าพูดอย่างไม่เข้าข้างตัวเองในฐานะคนผมสีดอกเลาแล้วคนหนึ่ง ปีก่อนนี้เองที่ตัดสินใจไม่ทำใดๆ แล้วกับสีผมตัวเอง ปล่อยไปตามธรรมชาติ ช่วงแรกรับตัวเองไม่ได้เท่าไหร่ แต่เมื่อได้มองตัวเองในกระจกเงาบ่อยและนานมากพอ พร้อมๆ กับคิดไตร่ตรองตนเอง ก็พบว่ามีความงามในความหงอก ในผิวหนังที่เริ่มมีริ้วรอยเหี่ยวย่นเหล่านั้น เพราะนั่นแสดงให้เห็นถึงร่องรอยของประสบการณ์ชีวิต ความเชี่ยวชาญบางด้าน และ (อาจจะ) บ่งบอกถึงความเข้าใจชีวิต (มากขึ้น) ก็เป็นได้

        ในทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีทั้งความอัปลักษณ์และความสวยงามในตัวมันเอง ขึ้นอยู่กับว่าเรามองมุมไหน และขึ้นอยู่กับว่าเรายังสอดส่ายสายตามองหาและมองเห็นความงามที่แทรกสอดอยู่ในการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นหรือไม่ต่างหาก

        เฉกทุกเมืองบนโลกใบนี้ที่เปลี่ยนแปลง (ภาษาสลวยเขาเรียกว่า ‘พัฒนา’ ไง) ฮานอยก็เช่นกัน มองจากระยะห่าง (ขณะโดยสารรถบัสจากสนามบินเข้าสู่ใจกลางเมือง) เห็นตัวเมืองปกคลุมด้วยหมอกควัน ตึกรามผุดเป็นดอกเห็ดระขอบฟ้ามากขึ้น รถราขวักไขว่ อากาศในช่วงหน้าฝนเช่นนี้ยังร้อนระอุเรียกเหงื่อไคลให้ไหลย้อยแม้จะเดินช้าชนิดทอดน่องก็ตาม ถ้าเป็นหน้าหนาวคงค่อยยังชั่วหน่อย แต่เมืองนี้ดีตรงที่ตามสองข้างถนนยังเต็มไปด้วยคุณปู่คุณย่าต้นไม้ทั้งหลาย พวกเขาหลายต้นอายุเยอะหลายชั่วอายุคนแล้ว เป็นร่มเงากันแดดให้คนเดินพร้อมๆ กับปล่อยออกซิเจนให้ได้สูดดมไปด้วย เป็นบุญคุณต้นคลอโรฟิลล์เขาล่ะ ข้อดีไม่เปลี่ยนเลยก็คือเป็นเมืองที่ทะเลสาบและพื้นที่หย่อนใจเยอะมาก ใครชอบออกกำลังกายในเมืองคงเห็นฮานอยเป็นสวรรค์เลยล่ะ วิ่งหรือเดินเสร็จก็ไปนั่งเก้าอี้ทรงต่ำตามคาเฟ่บาทวิถี จิบชากาแฟหรือรับมะพร้าวเฉาะมาดื่ม ร้านน้ำปั่นกับชานมไข่มุกแบบไต้หวันก็มีนะ

 

ฺฮานอย

 

        มอเตอร์ไซค์เยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆ ชีวิตผู้คนรีบเร่งขึ้น คนเลิกใช้จักรยานเพื่อการสัญจรกันหมดแล้ว มีแค่ป้าๆ หาบเร่ขายของพะรุงพะรังบางส่วนที่ยังใช้เป็นพาหนะในชีวิตประจำวัน แล้วก็มีคนปั่นจักรยานเพื่อการออกกำลังกาย จริงอยู่ที่ไม่มีเลนจักรยานก็ไม่เป็นไร เพราะคนเมืองนี้เขาขับขี่กันฟรีสไตล์มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว อาศัยหลบหลีกและบีบแตรให้สัญญาณปี๊นๆ ปู๊นๆ ก็ใช้ถนนร่วมกันได้โดยแทบไม่เห็นอุบัติเหตุเลย นี่ก็รวมคนเดินข้ามถนนก็ข้ามไปโดยไม่ต้องรีรอใดๆ ก็ว่าทำอะไรตามใจคือไทยแท้แล้วนะ มาเจอคนเวียดนาม สุดยอดกว่าพี่ไทยอีกแน่ะ

        สาวฮานอยไม่ค่อยสวมใส่ชุดอ๊าวหย่ายกันแล้ว คงไม่สะดวกหรือเปล่า ชายผ้ามักเข้าไปเกี่ยวในซี่ล้อมอเตอร์ไซค์ ซึ่งค่อนข้างอันตราย งอบก็ไม่นิยมเท่าไหร่แล้วเหมือนกัน อาจดูไม่ทันสมัย มีแต่อาซิ้มกับคนชนบทที่ทำงานไร่สวนเท่านั้นแหละที่ยังคงสวมกัน สมัยนี้มันโลกาภิวัตน์ เขานุ่งห่มแบบเดียวกันทั่วโลก ใช้ข้าวของเครื่องใช้แบบเดียวกันด้วย ใครนำเทรนด์อะไรก็ส่งต่อกระแสผ่านโลกโซเชียลฯ ลุกลามเร็วไม่ต่างจากไฟไหม้ป่าแอมะซอน วิถีและวิธีปฏิบัติบางอย่างจึงต้องหลีกทางให้กระแสหลักโดยปริยาย นี่ก็รวมถึงการกินเนื้อเก้งเอ๋งด้วย สังคมโลกเขาเห็นสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงกัน ประเทศที่บริโภคผิดแผกก็มักถูกมองว่าแปลก ทั้งที่เขาทำแบบนั้นเป็นปกติมาหลายชาติดีดัก เมื่อก่อนเดินตลาดตงซวน (ในย่านเมืองเก่าใกล้ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม) เห็นแล่ขายเนื้อหมากันเกร่อ ตอนนี้น่ะเหรอ ไปงมเอาในมหาสมุทรอาจง่ายกว่านะ

 

ฺฮานอย

 

        แต่สิ่งที่คนเวียดนาม ‘รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง’ ก็คือกาแฟสไตล์ของเขาล่ะ ประเทศนี้ปลูกและส่งออกกาแฟ (เน้นโรบัสตา) มากเป็นอันดับสองไม่ก็สามของโลกนี่แหละ (คู่แข่งคือประเทศโคลอมเบีย) เวลาคั่วกาแฟก็เน้นให้เข้มเกือบไหม้กันทีเดียว แถมยังใส่โน่นนี่มากมายลงไปในหม้อคั่วด้วย เนยเอย เหล้าเอย เห็นว่ากระทั่งซอสปรุงรสก็ด้วย! เมื่อนำมาบดชงก็ใช้วิธีกรองด้วยถ้วยกรองสไตล์เวียดนาม น้ำกาแฟเข้มข้นค่อยๆ หยดติ๋งๆ ลงสู่ก้นแก้วซึ่งปกติมีน้ำแข็งกับน้ำตาลหรือไม่ก็นมข้นหวานใส่รออยู่แล้ว ปัจจุบัน ร้านกาแฟปรับวิธีการนิดหน่อยเพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ที่รีบเร่งขึ้น โดยใช้กากรองขนาดใหญ่ตั้งไว้ที่เคาน์เตอร์ของร้าน เตรียมน้ำกาแฟไว้ เมื่อลูกค้าเดินเข้าร้านก็ชงเสิร์ฟได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่ค่อยเห็นบาริสตาเดินถือแก้วมาพร้อมกับถ้วยกรองกาแฟเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว จะว่าเสน่ห์ลดลงก็ได้ แต่อย่างว่าแหละ เวลาเปลี่ยน อะไรต่างๆ ก็ต้องเปลี่ยนตาม

 

ฺฮานอย

 

        …ลูกค้าต้องการสโลว์ไลฟ์ละเลียดจิบกาแฟ บาริสตาก็เร่งให้เขาหน่อยละกัน

 


<<ตอนที่แล้ว          ตอนถัดไป>>