นิวซีแลนด์

นิวซีแลนด์ | สูดอากาศบริสุทธิ์เคล้าไอหนาวท่ามกลางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ณ เกาะเหนือ

เราเชื่อว่า ภาพในจินตนาการของใครหลายๆ คนที่ใฝ่ฝันถึงดินแดนแห่งความสวยงามอย่าง ‘นิวซีแลนด์’ คงเป็นภาพของเกาะทางใต้ ที่มีเมืองยอดนิยมอย่างควีนส์ทาวน์ ซึ่งใครก็อยากเข้ามาเช็กอินแล้วกิน Fergburger เบอร์เกอร์เจ้าดังที่ต้องต่อคิวซื้อ พร้อมกับเปลี่ยนอารมณ์แล้วไปชมวิวทิวทัศน์กว้างสุดลูกหูลูกตา อากาศแสนบริสุทธิ์ ทะเลสาบสีเขียวมินต์ที่มีฉากเบื้องหลังเป็นภูเขาหิมะสูง ให้ความรู้สึกราวกับน้ำแข็งไสก้อนโตโรยด้วยน้ำตาลไอซิงสีขาวละเอียดกันที่เมาต์คุก ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ ตั้งอยู่ในเขต Canterbury ของ South Island ภูมิประเทศที่มีทั้งภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและธารน้ำแข็งที่จะละลายไหลลงมาเป็นทะเลสาบอันสวยงามอยู่ภายในหุบเขา

     เมื่อภาพของเกาะใต้ที่งดงามติดอยู่ในใจ และเราได้มาร์กจุดท่องเที่ยวไว้อย่างชัดเจนแล้ว ใครจะไปคาดคิดว่า เมื่อเราค้นหาข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ กลับพบว่าเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ก็มีดินแดนที่สวยงามยิ่งกว่ารอเราอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความคึกคักของ Auckland City Centre ศูนย์กลางของเกาะเหนือทำหน้าที่เหมือนเป็นฮับของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังหมุดหมายต่อไป หรือชมวิวมุมสูงที่สามารถเห็นความสวยงามแตกต่างกันตามช่วงเวลาที่ Auckland Sky Tower ด้วยความสูงถึง 328 เมตร พร้อมชมไฮไลต์ด้วยแสงสีที่ย้อมตึกตามบรรยากาศของวันสำคัญๆ เช่น ตึกจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเพื่อต้อนรับวันพ่อ (Father’s Day in New Zealand) ในช่วงต้นเดือนกันยายน หรือช่วงคริสต์มาสก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวแดง ส่วนบรรดาคู่รักก็จะไปเติมความโรแมนติกกันที่ Light Path AKL Te Ara i Whiti สะพานที่ฉาบด้วยสีชมพูทั้งเส้น ฉากหลังคือ Sky Tower แต่หากมาในช่วงค่ำคืน บรรยากาศของที่นี่จะเปลี่ยนเป็นการเปิดไฟสีม่วง ขาว ชมพูสลับกันไป หรือจะไปทำกิจกรรมทางน้ำ ด้วยการแล่นเรือใบกันที่ ‘Westhaven Marina’ และอีกมากมายที่เกาะเหนือเชิญชวน

 

นิวซีแลนด์

 

     แต่ที่สุดแห่งความสวยงามไม่ได้อยู่แค่ในเมือง จากออคแลนด์ เราจะพาคุณไปสัมผัสกับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ตัวเราเล็กจิ๋ว ชุ่มฉ่ำไปด้วยอากาศดีๆ กันที่ทะเลสาบสักแห่ง เต็มอิ่มกับไอหนาว วิวหิมะและทะเลทราย ปีนเขากันสักหอบใหญ่ พร้อมยิ้มแก้มปริไปกับหมู่บ้านน่ารักๆ ที่จะกลายเป็นความประทับใจไปอีกนานแสนนาน

 

นิวซีแลนด์

 

TAKAPUNA: พักผ่อนหย่อนใจ ใกล้เมืองออคแลนด์

     ทาคาปูนาตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองออคแลนด์ สามารถเดินทางจาก Auckland City Centre ด้วยรถบัสประจำทางหรือขับรถยนต์ ซึ่งใช้เวลาเพียง 15 นาที ก็ถึงที่ที่มีชายหาดแสนสวยที่ยาวประมาณ 1-2 กิโลเมตร อย่างหาดทาคาปูนา แลนด์มาร์กพักผ่อนหย่อนใจของชาวกีวี รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่มาทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ ฟุตบอลชายหาด วิ่งจ็อกกิ้งริมหาด ล่องเรือใบ พายคายัค หรือถ้าลมดีๆ ก็จะเห็นคนคว้าไคต์เซิร์ฟออกมาเล่น

     อีกอย่าง เราคิดว่าคนที่นี่รักการออกกำลังกาย และชอบทำกิจกรรมนอกสถานที่ เท่าที่สังเกตเรามักจะพบกับหญิงชราที่ลงว่ายน้ำในทะเลตอนเช้าท่ามกลางอุณหภูมิสิบกว่าองศา หรือระหว่างที่เราเดินเล่น มักจะสวนทางกับนักวิ่งบ้าง นักปั่นจักรยานบ้าง พร้อมได้ยินคำทักทายเป็นที่เป็นมิตรไปตลอดทาง

     นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบ Pupuke ทะเลสาบน้ำจืดสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ใสแจ๋วจนสามารถเห็นพื้นหินใต้ทะเลสาบได้อย่างชัดเจน สถานที่ที่ผู้คนมักมาทำกิจกรรมทางน้ำ โดยเฉพาะในวันเสาร์-อาทิตย์จ ะได้เห็นการแข่งเรือยาวของนักเรียนมัธยม รวมทั้งเพลิดเพลินไปกับการนั่งมองนักล่องเรือใบ

 

นิวซีแลนด์

 

     ไปกันต่อที่ Takapuna Beach Holiday Park ซึ่งเป็น campsite จุดจอดรถที่เหมาะแก่การพักค้างแรมอย่างยิ่ง ไฮไลต์ของที่นี่คือการรอชมพระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าจะกลายเป็นสีชมพูตัดกับสีฟ้าพาสเทล ที่มีฉากหลังเป็นภูเขา เบื้องหน้าคือทะเลและชายหาด

     สุดท้าย พลาดไม่ได้กับ Sunday Market ตลาดที่เปิดทุกวันอาทิตย์แค่ในช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 8.00-12.00 น. เราจะได้พบกับพ่อค้าแม่ค้าชาวกีวี เมารี คนไทย จีน เวียดนาม ที่ต่างนำข้าวของของประเทศตัวเองมาวางขาย รวมทั้งของกินคาวหวาน ผัก ผลไม้ ดอกไม้ ของใช้หรือเสื้อผ้าเครื่องใช้มือสองก็มีให้ช้อปกันจนจุใจ

 

นิวซีแลนด์

 

RANGITOTO ISLAND: ก้อนหิน ลาวา และความอดทน

     ระหว่างที่เดินเล่นบนชายหาดทาคาปูนา ภูเขาไซซ์ยักษ์ที่เห็นตรงหน้านั้นก็คือ Rangitoto เกาะร้างที่เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปปีนเขา และเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ตั้งใจจะไปพิชิตความงามระดับโลกนี้ให้ได้ จุดเริ่มต้นการเดินทางเพื่อไปยังเกาะ Rangitoto เราจะต้องไปขึ้นเรือเฟอร์รีที่ท่าเรือ Devonport ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ราคาค่าโดยสารแบบไป-กลับ 33 NZD ต่อคน หรือประมาณ 712 บาท และอย่าลืมขอเอกสารแนะนำการเดินทาง พร้อมแผนที่ และเส้นทางการปีนเขาจากเจ้าหน้าที่ที่ท่าเรือ เพื่อตรวจสอบเส้นทางและประเมินสภาพร่างกายของตัวเองให้กับเหมาะสม

     เรามาถึงท่าเทียบเรือก็ใกล้เที่ยงแล้ว เราจึงเลือกเส้นทางที่สั้นที่สุด เพื่อที่จะไปให้ถึงยอดเขาเร็วที่สุด เราค่อยๆ ไต่เนินที่ไม่ค่อยชันเท่าไหร่ เดินชมวิวรอบตัวไปเรื่อยๆ สองเท้าได้สัมผัสกับพื้นดินที่เต็มไปด้วยหินลาวา เพราะเกาะแห่งนี้เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 600 กว่าปีมาแล้ว ระหว่างทางเราได้แวะที่ชมความงามที่ถ้ำลาวา ก่อนจะเดินต่อเพื่อขึ้นไปยังหมุดหมายที่ตั้งไว้

 

นิวซีแลนด์

 

     เมื่อเรามาถึงด้านบนสุดของที่นี่ ได้เจอกับความงามวิวพาโนรามา 360 องศา เมื่อมองไปจนสุดสายตาก็จะเห็นเกาะเล็กเกาะน้อยของนิวซีแลนด์ เวลานี้สายลมเย็นๆ และแสงแดดร้อนจัดกระทบผิวเราอีกครั้ง เราสูดออกซิเจนให้เต็มปอดอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินกลับในอีกเส้นทางซึ่งไม่ได้เป็นทางเดียวกับตอนที่ขึ้นมา เส้นทางขาลงของเราจะอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของเกาะ เพราะเราตั้งใจว่าอยากจะเห็นเมืองออคแลนด์ และ Sky Tower จากเกาะแห่งนี้ด้วยตาของตัวเอง เราจึงเลือกเส้นทางที่ผ่านชายหาดของเกาะ Rangitoto ซึ่งเต็มไปด้วยชายหาดที่แตกต่างกัน บางจุดก็เป็นทรายสีดำ บางจุดก็เป็นหาดหิน บางจุดก็เต็มไปด้วยเปลือกหอย บนเส้นทางนี้ใช้เวลาเดินแบบไม่หยุดพักประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่รับรองว่าวิวฝั่งนี้ก็สวยงามจนทำให้หายเหนื่อยได้เลย

 

นิวซีแลนด์

นิวซีแลนด์

 

SAND DUNES: ทะเลทรายสีขาว และ Sand Board

     สำหรับเราแล้ว ไฮไลต์สำคัญของการมาเยือนเกาะเหนืออยู่ที่ Sand Dunes ทะเลทรายสีขาว ภาพสถานที่ที่เราคุ้นเคยกันจากภาพพักหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ใน Microsoft Windows 7 และครั้งนี้เราก็ได้เดินทางมาเยือนด้วยตัวเอง เรามุ่งหน้าไปยังจุดเริ่มต้น นั่นคือฝั่งเหนือสุดของประเทศนิวซีแลนด์ (The Top of New Zealand) ที่ Cape Reinga โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง ด้วยระยะทางประมาณ 422 กิโลเมตร ระหว่างการเดินทางจะเห็นธรรมชาติ ภูเขาสูงต่ำทับซ้อนสลับไปมา พื้นที่ทั้งหมดกว้างสุดสายตาตัดกับท้องฟ้าเข้มๆ ให้ความรู้สึกชื่นใจ

     หากคุณขับรถมาจนเจอกับป้อมประภาคารสีขาว อย่าเพิ่งร้องเฮ เพราะจากจุดนี้เราต้องเดินข้ามเขาต่อไปอีกเพื่อไปยังที่ตั้งของประภาคาร ที่ถูกรายล้อมรอบไปด้วยทะเลสีฟ้าคราม เราใช้เวลาซึมซับบรรยากาศของแสงแดดอุ่นๆ และลมแรงๆ ที่พัดตีหน้าตลอดเวลาอยู่ไม่นาน ก็ย้อนกลับมาเพื่อไปยัง Sand Dunes ซึ่งอยู่ห่างจาก Cape Reinga ประมาณ 10 นาที

 

นิวซีแลนด์

 

     เมื่อถึงที่หมาย สิ่งแรกที่ต้องทำคือ เช่า sand board ราคา15 NZD หรือประมาณ 324 บาท ส่วนแว่นตานั้น สามารถหยิบไปใช้ได้ฟรี เราแนะนำให้เดินเท้าเปล่าบนทะเลทรายจะเดินง่ายกว่าใส่รองเท้า ซึ่งสามารถถอดวางไว้ใกล้ๆ กับร้านได้เลย และภาพตรงหน้าของเราก็คือ ภูเขาทะเลทรายสีขาวมากมายหลายลูกสุดสายตา สายลมยังคงพัดแรงต่อเนื่อง เราพยายามมองหาภูเขาก้อนที่สูงที่สุดและชันที่สุดสำหรับการเล่นบอร์ด นับว่าเป็นครั้งแรกที่เราจะได้สัมผัสกับความเบาหวิวบนบอร์ดเหนือทะเลทรายนุ่มๆ เรากระชับแว่นตากันทรายและกันลมให้เข้าที่ ก้าวเท้าขึ้นนั่งบนบอร์ด สังเกตได้ว่าคนส่วนใหญ่จะนอนคว่ำหน้าลง แต่มือใหม่อย่างเราขอเปลี่ยนเป็นนั่งตรงๆ เพื่อความชัวร์ดีกว่า เมื่อได้เวลาลุย เราก็รู้เลยว่าความเร็วของ sand board นั้นจะขึ้นอยู่กับท่านั่งและความชันของภูเขา เราสนุกสนานจนเหนื่อยหอบยิ่งกว่าวิ่งมาราธอน

     จริงๆ แล้วที่เกาะเหนือของประเทศนิวซีแลนด์มีจุดที่สามารถเล่น sand board อีกหลายจุด ซึ่งบางแห่งจะเป็นทรายสีดำที่มีแสงวิบวับผสมอยู่ในเนื้อทรายด้วย ถ้ามีโอกาสในครั้งหน้า เราคิดว่าคงไม่พลาดที่จะไปลองแน่ๆ

 

นิวซีแลนด์

 

MOUNT RUAPEHU: บ้านโฮสต์และทะเลหิมะ

     หลังจากที่เต็มอิ่มกับเกาะทางเหนือ เราก็ต้องยอมแพ้ให้กับความสวยงามของเกาะทางใต้จนได้ เพราะเราได้คุยกับโฮสต์ชาวกีวี จนรู้ว่าเขามีบ้านอยู่ที่ Rangataua ซึ่งอยู่ทางใต้ของออคแลนด์ ใกล้กับ Mount Ruapehu และที่นี่ก็มีหิมะ แถมยังห่างจากตัวเมืองไปแค่ 5 ชั่วโมง ข้อมูลนี้ทำให้เราหัวใจพองโต ได้เวลาสนุกกันอีกแล้ว

     ด้วยความโชคดีของเรา เจ้าบ้านอาสาเป็นผู้ขับรถพาเที่ยว ระหว่างทาง ความสวยงามของเกาะเหนือก็ยังคงตรึงตาเราไม่ให้นั่งหลับบนรถ แถมยังได้ไกด์ชาวพื้นถิ่นคอยอธิบายและแนะนำสถานที่ต่างๆ ไปตลอดทาง จนมาถึงบ้านของโฮต์ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ในชนบท เพราะเป็นบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่พอประมาณให้วิ่งเล่นและปลูกต้นไม้ แถมมีไฮไลต์ที่เพียงแค่เปิดประตูออกจากบ้าน ก็จะได้เห็นภูเขาหิมะ Mount Ruapehu อยู่ตรงหน้าทุกวัน เรารีบกลับเข้าเมืองอีกครั้ง เพื่อไปเช็กสภาพอากาศและเช่ารองเท้าสกีกันก่อน เมื่อมาถึงจุดประชาสัมพันธ์ เราก็พบว่าลานสกีที่ตั้งใจไปเล่นยังไม่เปิดให้บริการ เราจึงเปลี่ยนแผนเป็นการไปเดินเล่นเหยียบย่ำหิมะให้หนำใจแทน

 

นิวซีแลนด์

 

     คณะเขาขับรถไต่ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ระหว่างทางโฮสต์เล่าให้ฟังว่า ให้สังเกตขนาดของต้นไม้ให้ดีๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้นไม้มีขนาดเตี้ยลง แสดงว่าเราใกล้ถึงยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะแล้ว และเราก็เริ่มเห็นความสูงของต้นไม้ที่ๆ ค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ นั่นหมายความว่าอีกไม่กี่อึดใจเราก็จะพบกับความอลังการที่รอเราอยู่

     ภาพของเส้นทางทั้งสองฝั่งก็เริ่มเปลี่ยนไป จากป่าสองข้างทางมีแต่ต้นไม้สีเขียว กลายเป็นภาพของหิมะที่นุ่มฟูสีขาวกระทบกับแสงแดดแล้วแสบตา มองไปทางไหนก็ขาวโพลนไปหมด ไม่มีอะไรมาคั่นกลาง พร้อมภาพมุมสูงสุดสายตา แถมวันนี้มีนักท่องเที่ยวไม่เยอะ ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีเพียงแค่เราเท่านั้น เหมือนได้ครอบครองยอดเขานี้เป็นของตัวเอง

 

นิวซีแลนด์

 

HOBBITON MOVIE SET: เดินเล่นในดินแดนแห่งจินตนาการ

     สำหรับคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่อง The Lord of the Rings และ The Hobbit ถือว่าพลาดไม่ได้เมื่อมาถึงนิวซีแลนด์ ซึ่งพิกัดนี้อยู่ถัดจาก Mount Ruapehu โดยขึ้นเหนือไปยังออคแลนด์ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็จะถึงที่หมาย

     Hobbiton คือสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์สองเรื่องนี้ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของโฟรโดและแซมในหมู่บ้านฮอบบิต ราคาค่าเข้าชมคนละ 79 NZD หรือประมาณ 1,700 บาท เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็เดินไปขึ้นรถทัวร์ ซึ่งจะมีไกด์คอยอธิบายที่มาที่ไปเป็นน้ำจิ้มก่อนที่จะไปเห็นของจริง

     บริเวณพื้นที่ของหมู่บ้านนี้ได้เตรียมเส้นทางให้เดินวนได้โดยรอบด้วยการแบ่งนักท่องเที่ยวออกเป็นกลุ่มๆ เพื่อเดินชมบ้านแต่ละหลัง มีไกด์ที่ยังคอยอธิบายบ้านต่างๆ ให้ฟังอยู่ตลอดเวลา กฎการเยี่ยมชมของที่นี่ค่อนข้างเข้มงวด เราไม่สามารถออกนอกกลุ่มหรือใช้เวลาถ่ายรูปบ้านแต่ละหลังได้นานๆ เพราะเนื่องจากก็จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มถัดไปตามมาติดๆ

     ตลอด 1 ชั่วโมงบนพื้นที่กว้างใหญ่ เราเต็มอิ่มไปกับความน่ารักของบ้านฮอบบิตแต่ละหลัง สถานที่โดยรวมทั้งหมดขับอารมณ์และเติมความรู้สึกทำให้เราเหมือนเข้าไปอยู่ในโลกของฮอบบิตจนคิดว่าตัวเองกลายเป็นฮอบบิตไปเสียเอง ไหนจะของตกแต่งที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในหนังจริงๆ ประตูบานเล็ก ม้านั่งอันจิ๋ว เสื้อผ้าตัวน้อยที่ถูกตากไว้รับแสงแดด ร้านขายขนมปังที่มีการแต่งแต้มดีเทลเล็กๆ จนเหมือนของจริง ไม่รวมรายละเอียดปลีกย่อยมากมายที่รายล้อมอยู่ทั่วหมู่บ้าน จนเราตั้งใจว่า เมื่อกลับถึงเมืองไทยแล้วจะเอาหนังเรื่องนี้มาดูเพื่อย้อนความทรงจำอีกสักสองรอบ

     ใกล้หมดเวลาแห่งจินตนาการในดินแดนฮอบบิต เราเดินมาจนสุดทางจนเจอกับร้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีขนาดปกติเท่าคนจริง ตั๋วเข้าชมสามารถนำไปแลกเครื่องดื่มได้ฟรี 1 แก้ว เรามองนาฬิกาอีกครั้ง ยังเหลือเวลาให้นั่งพักผ่อน และอัพรูปที่ถ่ายไว้ลงอินสตาแกรมก่อนที่จะขึ้นรถบัสกลับ