Rusutsu Resort Hotel

คลุกหิมะให้หนำใจไปกับการฝึกเล่นสโนว์บอร์ดที่ซัปโปโร

“เด็กๆ ในประเทศญี่ปุ่นนี่เขาเล่นสกีเป็นกันหมดทุกคนเลยไหม” เราถาม Shunsuke Takiguti เจ้าหน้าที่ของโรงแรม Rusutsu Resort ที่คอยมาให้การช่วยเหลือและดูแลเราระหว่างการมาลองฝึกเล่นสโนว์บอร์ดที่ซัปโปโรในครั้งนี้

        ชุนซังทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก และบอกเราว่า เด็กๆ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาฝึกสกีกันไม่นาน เพราะพวกเขาต้องเรียนวิชายืดหยุ่นร่างกายซึ่งเป็นวิชาพื้นฐานในโรงเรียนกันมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว คนญี่ปุ่นจึงสามารถเล่นสกีได้อย่างคล่องแคล่ว และเขาก็เดินมาช่วยจับคอปกเสื้อเชิ้ตของเราที่ไม่เป็นระเบียบให้เข้าที่เข้าทางโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว

        สกีและสโนว์บอร์ดเป็นกีฬาที่เรียกได้ว่าเล่นยากอันดับต้นๆ ของกีฬาทั้งหมด และไม่สามารถเล่นได้บ่อยๆ ด้วย เพราะต้องรอให้ถึงฤดูหนาวช่วงที่หิมะปกคลุมหนาพอที่จะรองรับร่างกายหากเกิดความผิดพลาดระหว่างเล่นขึ้นมา และเป็นกีฬาที่สนุก ตื่นเต้น เพราะต้องใช้สติสัมปชัญญะเพื่อควบคุมความเร็ว ยิ่งสำหรับคนที่ต้องทำงานอย่างเคร่งเครียดมาทั้งปีแบบคนญี่ปุ่นแล้ว มันคือการได้ปลดปล่อยความรู้สึกตัวเองให้ไหลลื่นไปกับธรรมชาติที่สวยงาม นั่นอาจจะเป็นเหตุผลก็ได้ว่าทำไมพวกเขาถึงหลงใหลการเล่นสกีกัน ขนาดในหนังสือการ์ตูนที่เราอ่านมาตั้งแต่เด็ก เมื่อถึงหน้าหนาว ตัวละครในเรื่องยังต้องมีการชวนคนในครอบครัวขึ้นไปเล่นสกีด้วยกันเลย (และบางเรื่องก็โยงไปสู่การฆาตกรรมหรือเหตุการณ์ต่างๆ บนภูเขาหิมะที่สนุกตื่นเต้นไม่แพ้กัน) แสดงว่ากีฬาประเภทนี้นอกจากให้ความสนุกสนานแล้ว ยังต้องสร้างแรงบันดาลใจบางอย่างให้กับคนเล่นด้วยแน่ๆ เราคงคิดไม่ผิดที่มาลองฝึกเล่นสโนว์บอร์ดในครั้งนี้ 

        ระหว่างที่คิดถึงหลักการและเหตุผลต่างๆ ว่าทำไมคนญี่ปุ่นกับการเล่นสกีถึงเป็นของคู่กัน หันไปอีกทีชุนซังก็ขึ้นไปอยู่บนเนินเขาลิบๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และเขาก็ไถลสโนว์บอร์ดลงมาอย่างพลิ้วไหวจนเราต้องตะลึง ในขณะที่เรากำลังพยายามยันตัวขึ้นมาหลังจากผูกรองเท้ากับสโนว์บอร์ดเสร็จ เอาละ จะพลิ้วได้แบบเขาหรือจะล้มหน้าคะมำต้องลองดูกันสักตั้งแล้ว

 

Rusutsu Resort Hotel

Let it snow!

        การเดินทางมาซัปโปโรในครั้งนี้ เป้าหมายของเราคือการมาเรียนรู้วิธีการเล่นสโนว์บอร์ด เผื่อว่าถ้ารุ่งก็จะได้อัพเกรดตัวเองไปเล่นสกีได้ในครั้งต่อไป โดยปกติแล้วลานสกีจะตั้งอยู่ในภูเขาที่ไกลออกมาจากตัวเมือง และส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางแบบไป-กลับ ด้วยรถบัสจากลานสกีกลับเข้าที่พัก ซึ่งเราจะเสียเวลาค่อนข้างมาก แต่ที่ Rusutsu Resort นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นสกีรีสอร์ตที่มีขนาดใหญ่โตที่สุดในเกาะฮอกไกโดแล้ว ข้อดีของที่นี่คือ แค่เราเดินออกมาจากโรงแรม เราก็จะเจอกับลานสกีให้เล่นได้เลย ซึ่งเราสามารถเช่าชุดและอุปกรณ์ต่างๆ ได้แบบฟลูเซต ที่ 23,700 เยน (ประมาณ 7,000 บาท) ส่วนค่าเรียนนั้นจะเริ่มต้นที่ 2 ชั่วโมง ราคา 22,000 เยน (ประมาณ​ 6,600 บาท) ซึ่งก็พอที่จะทำให้เราเล่นสโนว์บอร์ดแบบพอโชว์ใครได้แล้ว

        โดยเขาจะสอนเราตั้งแต่หลักการพื้นฐานอย่างวิธีการเลือกรองเท้าลุยหิมะให้เหมาะสม และต้องสวมใส่อย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น การทรงตัวบนสโนว์บอร์ดด้วยการย่อเข่าทั้งสองข้างลงโดยให้เรานึกว่าตัวเองเป็นคาวบอยที่กำลังขี่ม้า และใช้การกระดกปลายเท้าเพื่อช่วยควบคุมความเร็วของสโนว์บอร์ด 

        “ถ้าคิดว่าตัวเองคุมไม่ได้แล้วเราจะหยุดการเล่นได้อย่างไร” เราถามครูฝึกฝรั่งอย่างกล้าๆ กลัวๆ ระหว่างที่เขาค่อยๆ ประคองเราลื่นไปตามทางบนเนินที่ไม่ชันมากนัก ซึ่งเขาก็ตอบกลับมาว่า คุณก็ค่อยๆ ย่อตัวเอาก้นลงและยกปลายเท้าขึ้นเพื่อให้บอร์ดตั้งฉากเพื่อช่วยในการเบรก 

       คงไม่ต้องถามว่าเราใช้การเบรกที่ครูฝึกบอกมากี่ครั้ง เพราะนับจำนวนแทบไม่ได้ (ฮา) 

 

Rusutsu Resort Hotel

Rusutsu Resort Hotel

Mount Yotei

        ถัดจากลานสกีฝึกหัดสำหรับคนเลเวลพื้นฐานไปจนถึงเลเวลปานกลาง ถ้าเรานั่งรถไปอีกประมาณ 5 นาที ก็จะพบกับลานสกีขนาดใหญ่ของจริงอยู่ที่เชิงภูเขาอิโซระ (Mount Isola) โดยเราต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปบนยอดเขา (ใช้เวลาประมาณ 15 นาที) ซึ่งบนยอดเขานั้นเราจะได้เห็นวิวสวยๆ ของภูเขาโยเทอิ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นภูเขาไฟฟูจิของฮอกไกโด ถ้าไปในวันที่อากาศเป็นใจ ภูเขาโยเทอิ จะสวมหมวกออกมาต้อนรับคุณด้วย (หมวกที่ว่าคือก้อนเมฆที่ลอยอยู่เหนือภูเขาเป็นทรงคล้ายหมวกฟาง) 

        ภูเขาโยเทอิมีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ 1,898 เมตร มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าภูเขาชิริเบชิ และได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น โดดเด่นในเรื่องของน้ำพุร้อน มีจุดในลงเล่นน้ำร้อนได้ฟรีด้วย และเมื่อหมดหน้าหนาวเราสามารถมาปีนเขาลูกนี้ได้ ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะเหนื่อยมาก เพราะภูเขาโยเทอินั้นมีขนาดเล็กกว่าภูเขาฟูจิ 

 

Rusutsu Resort Hotel

Rusutsu Resort Hotel

Way To Rusutsu Resort

        การเดินทางเพื่อไปซึมซับและฝึกเล่นสกีท่ามกลางหิมะขาวโพลนที่ Rusutsu Ski Resort เราสามารถเริ่มต้นได้จากที่ประเทศไทย ด้วยการจองตั๋วเครื่องบินไปลงที่สนามบิน New Chitose Airport เราขอแนะนำสายการบิน Nokscoot เพราะตอนนี้เขาเปิดเส้นทางพิเศษ กรุงเทพฯ-ซัปโปโร เฉพาะช่วงหนาวนี้ โดยมีโปรโมชันตาลุก ราคาเริ่มต้น 3,670 บาท (ชั้นประหยัด ไป-กลับ) แต่ถ้าเพิ่มเงินอีกนิดหน่อย เลือกแบบ Scootplus การเดินทางจะสบายขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะได้ที่นั่งกว้างเหยียดขาได้เต็มๆ พร้อมอาหาร 1 เซต น้ำหนักโหลดกระเป๋า 30 กิโลกรัม ขึ้นและลงเครื่องก่อนที่นั่งชั้นประหยัด

 

 

         ถ้าคุณจองที่พักกับ Rusutsu Resort ก็สามารถติดต่อให้ทางโรงแรมส่งรถมารับได้ที่สนามบิน โดยมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นประมาณ 3,100 เยนต่อคน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สามารถจองห้องพักได้จากเว็บไซต์ดีลราคาห้องพักต่างๆ หรือ www.hokkaido-rusutsu.com/en-gb

        ถ้าอยากประหยัดขึ้นอีกหน่อย สามารถขึ้นรถฟรีได้ที่สำนักงานขาย Rusutsu Resort Sapporo Sales Office อยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟ JR Sapporo Station โดยดูตารางเดินรถและรายละเอียดได้ที่ www.hokkaido-rusutsu.com/en-gb/from-sapporo-winter

 

Rusutsu Resort Hotel

Happy Family Time

        คนญี่ปุ่นเวลามาเที่ยวสกีรีสอร์ต ถ้าไม่มาเป็นคู่ก็จะมาเป็นกลุ่มเพื่อนหรือมาทั้งครอบครัว ดังนั้น การมาเที่ยวแบบหมู่คณะจึงต้องบริหารจัดการความชอบของแต่ละคนให้สมดุล นี่ก็เป็นแนวคิดหลักของ Rusutsu Resort เขาจึงสร้างโรงแรมขนาดใหญ่พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้ครบถ้วน โดยมีโรงแรมในเครือตั้งอยู่ออกไปไม่ไกลชื่อว่า The Westin Rusutsu Resort เราสามารถเดินทางไปมาระหว่างสองโรงแรมนี้ได้ด้วยรถโมโรเรลที่อยู่หน้าทางเข้าประตู เพราะโรงแรมทั้งสองที่นี้มีร้านค้าและร้านอาหารต่างๆ ให้เลือกมากมาย ถ้าคุณมาพักที่นี่โดยวางแผนไว้ว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน 2 คืน ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะอยู่แบบเบื่อๆ เพราะเขามีกิจกรรมให้แต่ละคนได้ใช้เวลาอย่างมีความสุขร่วมกัน เช่น คุณอาจจะพาเด็กๆ ไปฝึกเล่นสกีง่ายๆ ที่ลานสกีเครยอน ชินจัง (ซึ่งช่วงบ่ายจะมีมาสคอตชินจังออกมาเดินพาเหรดสร้างความเฮฮาด้วย) หรือไปกอดน้องกวางเรนเดียร์ที่อยู่ใกล้ๆ ส่วนใครที่คิดว่าสกีหรือสโนว์บอร์ดไม่ใช่ทาง เขาก็มีบริการให้เช่า Snow Mobile ขับรอบๆ รีสอร์ตชมความงามของธรรมชาจิ หรือจะไปเล่น Snow Rafting ซึ่งคล้ายๆ ล่องแก่ง แต่เราล่องไปบนหิมะแทน 

        แต่เราเลือกแล้วว่าจะลองไปเป็นซานตาคลอสเบาๆ ด้วยการเล่น Dog Sledding คือการขี่รถเลื่อนที่ใช้สุนัขในการลากไปตามทาง ซึ่งบางคนอาจจะดูว่าเป็นการใจร้ายต่อน้องหมา แต่พวกมันเป็นสายพันธุ์อลาสกันฮัสกี้ ที่ถูกฝึกมาเพื่อลากเลื่อนโดยเฉพาะอยู่แล้ว และมันต้องการการออกกำลังกายเพื่อให้ปอดขยายในทุกวัน ดังนั้น การเล่นจึงไม่ได้เป็นการทรมานสัตว์อย่างที่เข้าใจ

 

Rusutsu Resort Hotel

Rusutsu Resort Hotel

Strong Heart, Open Spirit

        ตอนเรามาถึงโรงแรมเป็นช่วงที่หิมะกำลังโปรยปราย เราวิ่งออกไปรับอากาศเย็นๆ โดยที่ไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาว ซึ่งชุนซังก็ถามเราว่าไม่หนาวหรือไง เราตอบไปว่านิดหน่อย แต่เรารักอากาศหนาว เขาก็หัวเราะและบอกว่าอากาศเย็นๆ ทำให้ร่างกายรู้สึกรีเฟรชขึ้นมาได้ทันทีนะ 

        นั่นสิ เพราะเหตุนี้หรือเปล่าคนญี่ปุ่นเขาถึงได้มีเทศกาลวิ่งลุยน้ำเย็นๆ เพื่อเรียกความกล้าหาญและขอพรให้เทพเจ้าช่วยป้องกันอัคคีภัย หรือพิธีอาบน้ำเย็นประจำปี ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็นการชำระร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์ รวมถึงเป็นการขอพรให้ตัวเองมีสุขภาพดีในวันปีใหม่ด้วย 

        ความเชื่อและวัฒนธรรมของการใช้ชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนญี่ปุ่นมาตั้งแต่แรก เพราะชีวิตของพวกเขาขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล หน้าหนาวก็ต้องฝึกปรือตัวเองให้มีชีวิตรอดกับอุณหภูมิที่ลดต่ำ เตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นได้ทุกเวลา จนเกิดเป็นระเบียบแบบแผนของชีวิตที่ไม่เบียดเบียนและเอาใจใส่ต่อผู้อื่น พวกเขาจึงมีระบบการจัดการต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและผู้คนให้น้อยที่สุด แต่ก็มีเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตมากที่สุดเช่นกัน 

 

Rusutsu Resort Hotel

 

        การมาเรียนสโนว์บอร์ดครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การมาฝึกทักษะการเล่นกีฬาเท่านั้น แต่ยังได้เข้าใจถึงธรรมชาติของคนญี่ปุ่นที่เขามีต่อสิ่งรอบตัวอย่างลึกซึ้งในทุกวิถีชีวิตด้วย (ขนาดการแสดง Rusitsu Projection Mapping ในตอนกลางคืนภายในโรงแรมยังสอดแทรกเรื่องของธรรมชาติ ทะเล ภูเขา และเทพเจ้า ลงไปได้อย่างกลมกลืน) 

        ซึ่งทั้งหมดนี้ยืนยันได้จากภาพของชุนซังที่โบกมือลาเราแม้รถบัสจะขับออกไปแล้วก็ตาม เมื่อเราหันหลังมองกลับไปเขายังคงโบกมือให้เราอยู่ ซึ่งวิถีนี้เรียกว่า ‘โคดาวาริ’ ที่หมายถึงการทำบางอย่างให้ดีที่สุด พิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โดยที่เขาไม่ได้มองว่าเป็นงานที่ต้องทำ หากคือสิ่งที่ต้องปฏิบัติเพื่อพัฒนาและยกระดับจิตใจของตัวเอง

  • Social Bus: การเดินทางในซัปโปโร แม้จะมีระบบรถไฟใต้ดินให้ใช้บริการ แต่ในหลายสถานที่ก็อาจจะยังไม่ครอบคลุม ดังนั้นหากเราอยากท่องเที่ยวในเมืองนี้รวมถึงสถานที่อื่นๆ ในเกาะฮอกไกโดแบบไร้กังวล มีเวลาไปเพิ่มหรือจัดการแผนการเดินทาง รวมถึงแอบงีบเอาแรงเล็กน้อย การใช้บริการรถนำเที่ยวจึงเป็นสิ่งที่เราแนะนำ โดย Social Bus นั้น มีช่องทางในการติดต่อเป็นภาษาไทย โดยเข้าไปที่เฟชบุ๊ก Trippino Hokkaido ราคาเริ่มต้นแบบเหมาวันจะอยู่ที่ 50,000 เยน (ประมาณ 15,000 บาท) สามารถนั่งกันได้แบบเต็มๆ ถึง 24 คน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://social-bus.jp/services-3/day-tours