จดหมายถึงเมืองที่รัก: ฮ่องกง

นักท่องเที่ยวด้านอาหารที่ถือหนังสือ LonelyPlanet ติดมือไปที่นั่น นักกินอาหารประจำถิ่นที่ได้รับคำบอกเล่าแบบปากต่อปากไปที่นั่น ผู้คนที่เดินผ่านไปมาและเหลือบเห็นหมูแดงที่ถูกแขวนไว้ในตู้หน้าร้านเลี้ยวเข้าไปที่นั่น ไม่นับผู้คนที่พลัดหลง หิวโซ และต้องการหาอาหารใส่ท้อง พวกเขาแวะที่นั่นรวมถึงผมด้วย

        ผมเดินทางไปเยือนฮ่องกงเป็นครั้งแรกของชีวิตในปี 1992 เด็กหนุ่มที่เพิ่งจบการศึกษา ร้อนรุ่มด้วยไฟแห่งการแสวงหา ปรารถนาพื้นที่แห่งการแสดงออก งานอะไรก็ตามที่ผ่านเข้ามาในมือไม่เคยถูกปฏิเสธ แรงกระตุ้นเช่นนั้นทำให้ผมมาถึงฮ่องกง วิชาออกแบบเครื่องเรือนที่ติดตัวพาผมมาถึงสตูดิโอออกแบบเล็กๆ แห่งหนึ่งแถบหวั่นจ๋าย เวลาสิบวันที่เผื่อไว้กับการแก้ปัญหารูปทรงของเก้าอี้ตัวหนึ่งดูจะมากเกินไป แต่บัตรโดยสารแบบเปลี่ยนวันเดินทางไม่ได้ของสายการบินรักคุณเท่าฟ้าทำให้ผมไม่มีทางเลือก วันท้ายๆ ที่ปราศจากการงานของผมจึงถูกใช้ไปกับการเดินเตร็ดเตร่ไปตามที่ต่างๆ 

        ผมไปดูตลาดขายนกที่หยุนโป ไปหมู่บ้านชาวประมงที่ไทโอ นั่งเล่นที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ท่าเรือสตาร์ การโซซัดโซเซแบบคนทิ้งแผนที่ไว้ที่ห้องพักและไม่คิดแม้แต่จะหยิบมันติดตัวออกมาทำให้ผมมาถึงถนน Sai Yee ในวันหนึ่ง หลังเดินดูร้านรวงที่ขายสินค้าที่ไม่อยู่ในความต้องการของผมตลอดเช้า ความหิวและความเหนื่อยอ่อนก็โจมตีผม และท่ามกลางป้ายระเกะระกะเหนือศีรษะนั่นเอง ป้ายชื่อร้านบะหมี่ Good Hope หรือร้านบะหมี่แห่งความหวังเรืองรองก็ปรากฏตัวขึ้น

        บะหมี่หมูแดงและไก๋หลานหรือผักคะน้าฮ่องกงที่ราดด้วยน้ำมันหอยจนชุ่มคือสองรายการอาหารที่ผมเลือกผ่านรูปภาพข้างฝาผนัง ผมนั่งลงบนเก้าอี้ว่างตัวหนึ่งที่เรียงรายอยู่รอบโต๊ะกลม ที่ฮ่องกง ความเป็นส่วนตัวในร้านอาหารไม่เคยเป็นเรื่องสำคัญ การเดินเข้าร้านอาหารหมายถึงการพร้อมจะนั่งร่วมโต๊ะกับคนแปลกหน้า ที่ดินที่มีราคาแพงระยับของดินแดนที่เคยถูกใช้เป็นค่าปรับในสงครามเมื่อเกือบร้อยปีก่อนมีราคาแพงดังทองคำ และทำให้พื้นที่ของร้านอาหารทุกร้านจำต้องถูกใช้อย่างคุ้มค่า

        ปี 1992 เป็นปีที่ฮ่องกงกำลังคืบหน้าสู่ความไม่แน่นอนขึ้นทุกขณะ เหตุการณ์เทียนอันเหมินในปี 1989 ที่รัฐบาลจีนใช้กำลังปราบปรามผู้ชุมนุมอย่างไม่มีความลังเล ทำให้ประชากรฮ่องกงที่เติบโตมากับเสรีภาพและอิสรภาพในการใช้ชีวิต เกิดความไม่มั่นใจต่อรัฐบาลจีนและการปกครองที่จะเกิดขึ้น ห้าปี อีกเพียงห้าปีเท่านั้น ในปี 1997 ฮ่องกงที่เคยอยู่ภายใต้อ้อมกอดของจักรภพอังกฤษ จะต้องถูกส่งคืนกลับสู่ประเทศแม่อย่างจีน ไม่มีใครรับประกันหรือให้ภาพในอนาคตได้ว่าจะบังเกิดอะไรขึ้นต่อไป บรรดาผู้มีฐานะพากันส่งบุตรหลานของพวกเขาไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ อังกฤษ สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย หรือที่ใดก็ตามที่แลดูมีอนาคตกว่าที่นี่ ที่ฮ่องกง พวกเขาวาดหวังถึงขั้นให้ลูกหลานตนเองได้เปลี่ยนสถานภาพเป็นพลเมืองของดินแดนเหล่านั้น เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ดูมีอนาคตกว่าที่เป็นและอย่างมากที่สุด พวกเขาอาจนำพาพ่อแม่ของตนเองไปเป็นพลเมืองที่นั่นด้วย

        ชายหนุ่มในชุดพนักงานเสิร์ฟที่น่าจะมีวัยเพียงยี่สิบปีต้นๆ วางชามบะหมี่ลงเบื้องหน้าผมก่อนจะตามมาด้วยกาน้ำชาและถ้วยชา ไม่มีบริการรินน้ำชาให้ในร้านอาหารแบบนี้ การช่วยเหลือตนเองในระหว่างมื้ออาหารที่ฮ่องกงเป็นสิ่งปกติ บริการที่แสนประทับใจอาจมีในโรงแรมชั้นนำแต่ไม่ใช่ในชีวิตจริง

        ผมหยิบตะเกียบไม้และช้อนส้อมที่วางไว้ในกล่อง ใช้กระดาษชำระแผ่นบางที่วางอยู่บนโต๊ะทำความสะอาดมันจนพอใจ ก่อนจะใช้ตะเกียบในมือคีบเส้นบะหมี่ เพียงรสสัมผัสแรก ความรู้สึกหิวโหยในตัวของผมก็จากไป ความรู้สึกหิวโหยที่จากไปนั้นไม่ใช่เพราะบะหมี่ในชามมีปริมาณมากจนอิ่มได้ในคำเดียว และไม่ใช่เพราะมันโชกน้ำมันเสียจนยากจะกลืน หากแต่เป็นเพราะความนุ่มนวลของเส้นบะหมี่ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากบะหมี่ทั่วไปผสมกับความแข็งแกร่งภายในเส้น จากรูปลักษณ์ภายนอกมันเป็นเส้นบะหมี่เส้นเล็กเรียวที่ไม่ต่างจากบะหมี่ตามร้านทั่วไป แต่จากคุณสมบัติภายในมันมีความแตกต่างอย่างมากทีเดียว มันบ่งบอกว่าบะหมี่เหล่านี้ไม่น่าจะถูกทำขึ้นในระบบอุตสาหกรรม มันอ่อนนุ่มและใหม่สด ไม่แข็งกระด้าง และดูเหมือนถูกทำขึ้นในหลายวันก่อนเช่นบะหมี่ทั่วไป

        คะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันหอยถูกวางลงบนโต๊ะผมอีกครั้งโดยชายหนุ่มคนเดิม ในครานี้ผมไม่ปล่อยให้เขาจากไปโดย ผมเอ่ยถามเขาถึงที่มาของบะหมี่ เขาพยักหน้ารับราวกับรู้ดีว่านั่นคือคำถามสามัญ “บะหมี่ไม้ไผ่ Bamboo Stick Noodle เราใช้บะหมี่ที่ทำขึ้นจากแป้งและไข่เป็ดก่อนจะนวดมันด้วยไม้ไผ่ คุณคงไม่เคยทานมันมาก่อน” หลังคำอธิบาย เขาเดินไปที่โต๊ะเก็บเงินและกลับมาพร้อมกับแผ่นกระดาษที่เคลือบด้วยพลาสติก บนแผ่นกระดาษมีภาพไม้ไผ่ขนาดใหญ่ที่ด้านหนึ่งถูกยึดเข้ากับกำแพงและอีกด้านหนึ่งมีชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนนั้น ผมอ่านคำบรรยายภาษาจีนไม่ออก แต่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังนวดแผ่นแป้งด้านล่างไม้ไผ่ด้วยกำลังแรงของตนเอง

        ผมเหลือบมองไปที่ด้านในของร้าน ชายหนุ่มผู้นั้นดูจะรู้ความนัย “ไม่ใช่ที่นี่ เราทำบะหมี่ที่อื่นแต่ส่งมาที่นี่วันต่อวัน โหวเส็กอะ เอนจอยยัวร์มีล”

        การค้นพบรสชาติที่แตกต่างในอาหารสามัญเช่นนี้ ทำให้ผมไปที่ร้านบะหมี่แห่งความหวังอันเรืองรองอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ในครั้งนี้ผมสั่งบะหมี่แห้งหมูกรอบ บะหมี่น้ำหมูแดง รวมถึงเกี๊ยวน้ำปูอันเป็นของขึ้นชื่อของอาหารฮ่องกง ผมเลือกเวลาบ่ายจัดที่คนหนุ่มสาวชาวฮ่องกงผละกลับไปทำงานและคนอาวุโสกลับบ้านไปพักผ่อน ในครานี้ผมได้ที่นั่งเป็นโต๊ะอาหารที่มีพนักพิง และในครานี้ผมได้ชายหนุ่มบริกรประจำร้านคนนั้นเป็นคู่สนทนา

        “ผมชื่อ เหลี่ยง เสี่ยวตง แต่คุณเรียกผมว่าโทนี่ก็ได้” ชายหนุ่มบอกผม “คุณมาเที่ยวหรือมาทำงาน?” ผมบอกเขาว่าทั้งสองอย่าง นอกจากนี้ผมยังอยากบอกเขาว่า ชื่อและชื่อเล่นของเขาชวนให้นึกถึงนักแสดงชายคนหนึ่ง แต่เขาดูไม่ต้องการจะเว้นว่างการสนทนาให้ทำเช่นนั้นได้ “นี่เป็นงานชั่วคราวของผม กลางวันผมทำงานที่นี่ กลางคืนผมทำงานที่บาร์แห่งหนึ่ง เสาร์อาทิตย์ผมไปทำงานที่สนามแข่งม้า ถ้าคุณมีเวลาว่างจะลองไปเสี่ยงดวงที่นั่นก็ได้ แต่ผมว่าอย่าดีกว่า” เขาหัวเราะ

        “ทำไมคุณถึงทำงานหนักขนาดนี้ แน่ล่ะ ผมรู้ว่าคนหนุ่มกับการทำงานหนักเป็นของคู่กัน แต่มันควรมีเวลาพักเช่นกัน”

        “ผมต้องการเก็บเงิน เก็บเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

        “แต่งงานหรือจะเปิดธุรกิจของตนเอง?”

        “ไม่ใช่ทั้งสอง ผมต้องการอพยพย้ายประเทศต่างหาก” โทนี่ เหลียง ตอบผม “ผมอยากไปอยู่แคนาดา ที่นั่นอากาศดี อสังหาริมทรัพย์ก็ไม่แพง ที่นี่คุณทำงานทั้งชีวิตอาจจะได้เพียงการเช่าอยู่เท่านั้นเอง ที่แคนาดา คนฮ่องกงอพยพไปมากเลย ดาราด้วย ไปอยู่ที่นั่น ผมคงได้เดินสวนกับพวกเขาง่ายกว่าที่นี่” แวบหนึ่ง ผมคิดถึงชื่อดาราชายคนนั้นกับชื่อของเขาอีกครั้ง “การอพยพย้ายประเทศต้องใช้เงินมากเลยหรือ?”

        “การอพยพไม่ใช้เงินมากเท่าไหร่ แต่การใช้ทนายดำเนินการต้องใช้เงิน ไม่นับว่าผมต้องเตรียมเงินไว้สำหรับการเริ่มต้นชีวิตที่นั่นด้วย ผมไม่อยากมีปัญหาที่นั่น และถ้าผมไปได้ดีผมจะมารับแม่และพี่สาวไปด้วย ชีวิตผมหลังจากออกจากโรงเรียนตอนมัธยมปลายก็ทำงานมาตลอด ไม่ได้ไปไหนเลยเว้นแต่ไปมาเก๊าใกล้ๆ นี้ คุณสิ ยังได้เดินทางมาถึงที่นี่ ชีวิตนับจากนี้ของคนฮ่องกงยิ่งไม่แน่นอน ใครๆ ก็เตรียมตัวทิ้งที่นี่กันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากเจออะไรแบบที่เทียนอันเหมินหรอก” ผมบอกโทนี่ว่าผมเข้าใจเขา ประเทศของผมเองก็ผ่านความรุนแรงมาแล้วในเดือนพฤษภาคมปีนั้น เราสนทนากันต่ออีกหลายสิบนาทีก่อนที่โทนี่จะขอตัวไปเปลี่ยนชุดเพื่อทำงานตอนกลางคืน เราจากลากันตรงนั้น โทนี่ไปบาร์ของเขา ส่วนผมตรงไปที่ร้านอาหารทะเลแถบมงก๊ก ผมมีนัดสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานในการทำงานวันสุดท้ายที่นั่น

        เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นแต่เช้าตรู่ เครื่องบินของผมมีกำหนดออกจากสนามบินในเวลาบ่าย ผมมีเวลาช่วงเช้าที่พอจะทำธุระบางอย่างได้ ผมเก็บสัมภาระ เช็กเอาต์จากโรงแรม ก่อนจะเดินทางไปที่ร้านบะหมี่ Good Hope เมื่อถึงที่นั่น ผมยื่นเครื่องบินจำลองขนาดเล็กให้โทนี่ เป็นเครื่องบินจำลองของสายการบินแคนาดา หลังมื้ออาหารเมื่อคืนผมเดินผ่านร้านขายของเล่นขนาดใหญ่ และเมื่อเห็นเครื่องบินจำลองลำนี้ ผมนึกถึงโทนี่ มันน่าจะเป็นของฝากสำหรับมิตรภาพในช่วงเวลาอันสั้นของเราได้ โทนี่รับของฝากของผมด้วยความดีใจ “ขอให้คุณเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ พบกันที่แคนาดา เพราะถ้าคุณกลับมาที่ฮ่องกงอีกครั้ง ผมคงไม่อยู่ที่ร้านนี้แล้ว”

        ผมกลับมาฮ่องกงอีกครั้งในปลายปี 2014 ยี่สิบสองปีหลังการเยือนครั้งก่อน ผมมาเก็บข้อมูลสำหรับงานเขียนของตนเอง รวมถึงมาเขียนรายงานข่าวถึงการชุมนุมร่มหรือ Umbrella Movement ของเยาวชนชาวฮ่องกงที่ลุกขึ้นต่อต้านการเข้ามาแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งของฮ่องกงที่เอื้อต่อการเข้ามาครอบครองของรัฐบาลจีน ฮ่องกงในวันนี้แตกต่างไปจากเดิมมาก ผมไม่ได้ใช้บริการของสนามบินไคตั๊กดังเดิม หากแต่เป็นสนามบินแชป ลอก ก๊อก ที่โอ่โถงและใหญ่โต อาคารระฟ้าเพิ่มขึ้นมากมาย ธงฮ่องกงที่มีพื้นสีน้ำเงินและตราจักรภพอังกฤษเปลี่ยนเป็นธงที่มีพื้นสีแดงและรูปดอกกล้วยไม้ฮ่องกงหรือดอกบัวฮิเนีย ถนนหนทางสำคัญเต็มไปด้วยร่มและหนุ่มสาวจำนวนมาก ในขณะที่ผมเก็บภาพเหล่านั้น ความระลึกถึงโทนี่หนุ่มน้อยในวันนั้นก็บังเกิดขึ้น เขายังคงอยู่ที่นี่หรือได้จากไปไกลถึงแคนาดาตามที่เขามุ่งหวัง หากเขายังอยู่ที่นี่ เขามีครอบครัวหรือไม่ และหากเขามีครอบครัว เยาวชนที่ผมพบเจออาจมีใครสักคนเป็นลูกหลานของเขา เวลายี่สิบสองปีเปลี่ยนหลายสิ่งไปได้มากและสามารถสร้างสิ่งใหม่ได้มากเช่นกัน

        วันรุ่งขึ้นผมตรงไปที่ร้านบะหมี่ Good Hope หลายสิ่งในร้านเปลี่ยนไป ภาพบนผนังเปลี่ยนไป ตู้กระจกหน้าร้านเปลี่ยนไป บริกรในร้านเปลี่ยนไป ในครานี้เป็นหญิงสาวแรกรุ่นที่ทุกครั้งที่ว่างจากการดูแลลูกค้า เธอจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นติดตามข่าวคราวการชุมนุม หลายสิ่งเปลี่ยนไป สิ่งเดียวที่ยังคงอยู่คือรสชาติของเส้นบะหมี่ มันยังคงอ่อนนุ่มเปี่ยมด้วยรสชาติ บะหมี่ที่นวดด้วยไม้ไผ่ยังคงทำที่นี่ “โหเส็ก” รสชาติอร่อยของมันยังคงอยู่ เมื่อผมออกจากร้านผมหันไปมองที่ร้านอีกครั้ง ภาพสุดท้ายที่ โทนี่ เหลียง ชายหนุ่มที่มีชื่อเหมือนดาราภาพยนตร์คนนั้น ชายหนุ่มที่ถือเครื่องบินจำลองออกมายืนส่งผมยังคงอยู่ แม้วันนี้เขาจะไม่ได้ยืนอยู่ที่นั่น เขาเป็นใครคนหนึ่งที่หายไปจากโลกของผม เขาเป็นใครคนหนึ่งที่หายจากโลกของผมไปพร้อมกับความเพียร


เรื่อง: อนุสรณ์ ติปยานนท์