คุณคะ
ฉันเขียนถึงคุณในเช้าที่ 13 องศา สวมชุดนอนสำลี ถุงเท้าหนา และเสื้อไหมพรม ฉันไม่ได้เปิดหน้าต่าง ไม่เปิดประตู แต่อากาศเย็นจับใจ
ค่ะ ฉันอยู่ที่นี่ โดยไม่ได้รู้สึกว่าอยู่ที่ใด ฉันเพียงรู้สึกถึงชีวิต-ซึ่งหนาวเหน็บ
พรหมคีรีคงเป็นฤดูมรสุม ฉันเคยเกลียดม่านฝนหนาหนักนั่น แต่ครั้นเวลาผ่าน ฉันพบว่าฝนเป็นของฉัน สายฝนซึ่งนำของของขวัญล้ำค่ามา และนำวัยเยาว์จากไป
กาแฟหอมจัง อาราบิกาจากยอดดอย ฉันควรรีบดื่ม เพราะมันเย็นเร็วเหลือเกิน
แสงแรกย้อมบังตาลูกไม้ งามอะไรอย่างนี้ โอเค ฉันจะแย้มม่านประตูให้แสงเช้าเข้ามา
แดดเช้าในฤดูหนาวเป็นสิ่งที่คุณไม่เคยสัมผัส ฉันจะบอกคุณ ว่ามันต่างจากแสงแดดของพรหมคีรีอย่างไร
แสงแดดของพรหมคีรีทำให้ฉันอยากกระโจนลงคลอง เล่นน้ำจนเหนื่อย ขึ้นมากินข้าวกับน้ำพริกและแกงเลียงเคยเกลือ จากนั้นฉันจะนอนเปลสักตื่น คุณก็เห็นว่าฉันอยู่ในคลองได้นานแค่ไหน ฉันใช้ชีวิตข้างคลอง เล่นน้ำ เก็บผัก หุงข้าว นอนอ่านหนังสือ… อย่างกับไม่มีคำว่าเวลา
แดดเช้าของที่นี่เชิญชวนให้ฉันดื่มเอสเพรสโซร้อนสามช็อต เมื่อท้องอุ่น และฉันตื่นอย่างแท้จริง คุณรู้อะไรมั้ยคะ จริงๆ แล้วฉันอยากกลับไปนอนเหยียดขาใต้ผ้าห่ม ฉันอยากนอนบนเดย์เบดทั้งวัน แต่ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้นหรอกค่ะ ฉันไม่ใช่สาวน้อยที่เอาแต่อ่านหนังสือ นอน ทำอาหาร รอประตูแห่งการสร้างสรรค์เปิด (เพื่อจะเขียนสักหนึ่งย่อหน้า หรือไม่ก็สองบรรทัด) แม้ว่าฉันอยากเป็นเหลือเกิน-โปรดย้ำประโยคนี้ในใจคุณ และกอดฉันแน่นๆ ด้วยนะคะ
ฉันตื่น 6.00 น. ดื่มน้ำอุ่น เปิดคอมพิวเตอร์ พยายามเขียน แม้ฉันยังง่วง แถมไม่ค่อยมีอะไรในหัว แต่ฉันต้องนั่งตรงนี้ สองสามบรรทัดก็ยังดี เพื่อรักษาไว้-ซึ่งการเขียน และนี่คือเวลาเดียวของวันหากฉันจะเขียน ฉันมีเวลาถึง 8.30 น. คุณอย่าคิดว่ามันมาก คุณต้องคิดถึงการนั่งมึน ความหนาว ความอาลัยอาวรณ์ที่นอนนุ่มๆ คุณก็รู้ว่าฉันรักยามเช้าเอื่อยเฉื่อยเพียงใด
ฉันอาจอยู่กับการเขียนได้ถึง 8.45 น. กรณีที่วันนั้นฉันทำได้ดี แต่หากไม่ใช่ 8.30 ฉันจะหยุดทันที นั่นก็เพราะฉันไม่ได้ร่ำรวยเวลาอีกแล้ว มีสารพัดงานรอให้ฉันทำ ทุกวัน ทั้งวัน ทั้งงานบ้าน งานที่ใช้เลี้ยงปากท้อง งานในฐานะลูกสาว งานในฐานะคนรัก งานในฐานะแม่หมา เวลาถูกซอยอย่างถี่ยิบ เพื่อฉันจะใช้อย่างรู้ค่า
ไม่เบาสบาย แต่ฉันยินดีแบกรับทั้งหมดไว้ มันคืออาณาเขตชีวิต ซึ่งฉันไม่รู้จะอธิบายอย่างไร… ไม่มีอะไรง่ายเลยค่ะ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ความอัศจรรย์ทั้งหมดของฉันล้วนเกิดจากการลงมือ ดังนั้น ฉันจะไม่ตั้งคำถาม ฉันจะทำสิ่งที่ฉันพอทำได้ สิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ยอมทำ-ฉันจะมีชีวิตต่อไป
ฉันไม่ได้อยู่ในเมืองที่ค่าเช่าบ้านเดือนละ 500 บาทอย่างพรหมคีรี นานวันเข้า เจ้าบ้านก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาบอก ไม่ต้องจ่ายแล้วนะ อยู่ไปเถอะ นานแค่ไหนก็ได้ ที่นั่นมีผักข้างคลอง มีดงพริกของเทวดา มีหน่อไม้ บางเช้ามีผักผลไม้มาวางหน้าบ้านอย่างเงียบเชียบ ไร้ร่องรอยของผู้ให้
มอบให้แล้ว ไปล่ะนะ-ใครก็ไม่รู้ สักคน หรืออาจหลายคน ที่เอ็นดูฉัน
ฉันไม่เคยหวังให้พรหมคีรีเหมือนเดิม สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลงย่อมพัดผ่านทุกตารางนิ้ว แต่ฉันก็มั่นใจ-คุณจะส่งสายลมของคุณมาโอบล้อมเมือง
ฉันมักบอกใครต่อใครว่า พรหมคีรีหาใช่เมืองของพระพรหม เป็นเมืองของขุนเขาต่างหาก
พรหมคีรีตกอยู่ในอ้อมแขนของคุณ-เขาหลวง ทิวเขาซึ่งฉันมองผ่านหน้าต่างทุกเช้า ตั้งคำถามว่า ฉันควรซักผ้ามั้ย หรือควรปลูกผัก เอ…ไปสวนได้มั้ย เพื่อสุดท้ายฉันมักลงเอยด้วยการนอนเปลกับหนังสือสักเล่ม
ขณะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ฉันไม่ได้อยู่ใต้อิทธิพลของใคร นอกเสียจากคุณ คนส่วนใหญ่มองฉันเป็นไม้ดอกเล็กๆ ที่บังเอิญผลิบานเคียงต้นไม้ใหญ่
ไม่มีใครรู้-แท้จริงแล้ว ฉันเบิกบานภายใต้สายตาคุณ
จะกลับไปเยี่ยมคุณนะคะ ฉันสัญญา ฉันออกกำลังกาย ดูแลตัวเอง ใช่ ฉันอยากสวยจนวันโลกดับ และอีกเหตุผล-ฉันต้องการรักษาร่างสำหรับคุณ แข็งแรงพอ ปราดเปรียวพอ เพื่อจะปีนป่ายคุณ อาบน้ำกับคุณ
ฉันบอกเพื่อนชาวสวนว่า เราต้องได้เหยียบยอดสอยดาวอีกครั้ง ฉันจะอาบน้ำในอ่างน้ำหินที่คุณเตรียมไว้ เราจะก่อไฟกองเล็ก ต้มถั่วเขียว และดื่มกาแฟ ยาสูบคงเปลือง นั่นเป็นเรื่องธรรมดา และถ้าคุณใจดีเปิดทางให้ท้องฟ้า เราจะได้เห็นดวงดาวมากมายอย่างเคย
ดาวซึ่งอยู่ใกล้ เสียจนฉันอยากหยิบเข้าปาก
ตลกดีนะคะ ฤดูหนาว ใครๆ ก็ขึ้นเหนือ มาในที่ซึ่งฉันอยู่ เพื่อสัมผัสความหนาว แต่ฉัน ผู้เป็นลูกสาวของฤดูหนาวกลับอยากเดินทางไปหาสายฝนในมรสุม
ฉันไม่กลัวทาก ฉันจะจัดทีมขึ้นเขาทันที ทีมซึ่งเดินเขาได้ แม้ฝนตก ทีมซึ่งไม่รีบ แต่ต้องถึง
ฉันซ่อนแหวนไว้ใต้หินก้อนหนึ่ง บริเวณที่เรามักนั่งพักสักครู่ ก่อนไต่ผาขึ้นไปยังยอดสอยดาว ฉันอยากรู้ว่าแหวนยังอยู่ที่เดิมมั้ย และเพื่อนชาวสวนคงอยากรู้-เหล้าครึ่งแบนของเขายังอยู่หรือเปล่า
ฉันคิดถึงคุณค่ะ
ฉันกับเป้หนึ่งใบเดินเข้าหมู่บ้าน พร้อมผจญภัย วัดดวงกับความรัก ฉันอยากเสี่ยงทั้งที่รู้ว่าโอกาสสูญเสียมีมาก บางทีความระห่ำและโง่เง่าของฉันนั่นล่ะ ที่ทำให้ฉันได้รักเป็นรางวัล
ฉันไม่เคยคาดหวังอย่างอื่น นอกเสียจากรัก แต่ฉันกลับเห็นตัวเองหาญกล้าขึ้น แข็งแกร่งขึ้น คุณ ที่นั่น และผู้คน ทำให้ฉันเห็นเส้นทางหลายเส้น ความงามหลายแบบ ความอัปลักษณ์ที่เราต้องยอมรับ-หากจะอยู่ร่วมกัน
ฉันเคยคิดว่า สองสิ่งที่ฉันคว้าได้จากพรหมคีรี คือความสามารถในการเขียน และความทรงจำ ซึ่งมากมาย… มากเกินไป
คุณทำให้ฉันเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ฉันกล้าพูดว่า ฉันเป็นผู้ใหญ่อย่างแท้จริง เมื่ออยู่ไกลจากคุณ เมื่อปราศจากอ้อมแขนคุณ
ดังนั้น คุณไม่จำเป็นต้องห่วงนะคะ ความเป็นผู้ใหญ่ทำให้ฉันเผชิญได้เสมอ ไม่ว่าอะไรก็ตาม
จนกว่าจะพบกันค่ะ ระหว่างนั้นโปรดคิดถึงฉันบ้างนะคะ
ชมพู
เรื่อง: อุรุดา โควินท์