สวัสดีเซนต์จอนส์
ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้เจอกันนานเท่าไหร่แล้ว เกือบยี่สิบปีได้กระมัง หวังว่านายคงสบายดีนะ พวกนกยังอยู่ดีไหม
นายจำฉันไม่ได้ก็ไม่เป็นไร สารภาพว่าฉันเองก็ลืมเลือนนายไปมากแล้วเหมือนกัน แต่ฉันยังจำพวกนกได้นะ นกโจรสลัด นกที่ไม่สามารถล่าปลาเองได้ ต้องบินเฉียดใกล้นกตัวอื่น แล้วร้องเสียงดังลั่นให้อีกฝ่ายตกใจ ปล่อยปลาที่คาบไว้ในปาก ก่อนจะแย่งเหยื่อมาเป็นของตัวเอง ชาเนคบอกว่า ถ้าเราเอามือไปแตะไข่นกในรัง พ่อแม่จะจำกลิ่นลูกตัวเองไม่ได้ แล้วทำลายรังทิ้งทันที แต่ฉันว่าเขาคงโกหกมากกว่า หรือไม่ก็แค่เอาตำนานเมืองมาเล่าต่อในนักท่องเที่ยวฟัง พ่อแม่ที่ไหนจะใจร้ายกับลูกได้ลงคอ
ลองมานึกดู นอกจากเรื่องนก ฉันจำอะไรเกี่ยวกับนายได้บ้าง ถ้าบอกว่าร้านอาหารจีน นายจะทำหน้ายังไงนะ
ตอนนั้นฉันจ้องจอคอมพิวเตอร์จนล้า ก็เลยออกไปนั่งรถเล่นรอบเกาะ ฉันเดินไปป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุด ขึ้นรถคันแรกที่ผ่านมา แล้วตั้งใจนั่งจนสุดทาง รถแล่นผ่านสุสาน ผ่านโบสถ์ขนาดใหญ่ (ฉันเพิ่งมารู้ทีหลัง มันคือโบสถ์นักบุญจอห์น นักบุญประจำตัวนาย) ก่อนจะเลี้ยวเข้าถนนเส้นเล็ก จู่ๆ ป้ายร้านสองข้างทางก็มีแต่ภาษาจีน
ไชนาทาวน์น่ะมีในเมืองใหญ่แทบทุกที่ แต่ถึงกับมีบนเกาะเล็กๆ ด้วยนี่ก็อดแปลกใจไม่ได้นะ ฉันลงรถเมล์ เดินไปร้านอาหารจีนที่ใกล้ที่สุด สั่งข้าวผัดมากิน ขอโทษด้วยที่ต้องบอกว่ามันไม่ค่อยอร่อยหรอก ข้าวผัดไก่เค็มๆ แต่ก็เป็นรสชาติที่ลืมไม่ลงจนวันนี้ สองสามีภรรยาเจ้าของร้านพูดภาษาจีนกัน ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขาใช้ชีวิตอยู่กันยังไง ทั้งคู่ชอบนายจริงๆ ถึงเลือกจะอาศัยอยู่ในเมืองนี้ พวกเขาเป็นคนจีนแคริบเบียน หรือย้ายมาจากที่ไหนสักแห่ง กระทั่งว่า พวกเขากำลังหลบหนีอะไรอยู่หรือเปล่า
หรือถ้าพวกเขาไม่ได้หลบหนี แต่ติดอยู่กับนายด้วยความจำยอม ตอนนั้นนายปิดบังฉัน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่าธุรกิจการพนันสำคัญแค่ไหน พวกเขาพาเราไปเดินเล่นในกาสิโน ฉันยอมรับว่าตัวเองไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ ใครจะไปคิดว่านั่นเป็นกาสิโนหนึ่งในหลายสิบแห่งทั่วเมือง และรายได้หมุนเวียนจากการเสี่ยงโชคคือเส้นโลหิตที่หล่อเลี้ยงนาย
ฉันจินตนาการสองสามีภรรยาชาวจีน แวะมาเที่ยวเกาะสวาทหาดสวรรค์ห่างไกลจากบ้านเกิด ดื่มไวน์ในภัตตาคารมากไปหน่อย พวกเขาเดินเข้ากาสิโน และตื่นเช้ารู้ตัวอีกทีก็ไม่สามารถออกไปจากเกาะได้ ต้องเปิดร้านอาหารชดใช้หนี้สินมหาศาล บางทีถนนไชนาทาวน์ทั้งเส้นอาจถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิธีนี้ก็ได้
มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากบอกนาย… ไม่สิ ฉันต้องบอกนาย ตอนนี้ฉันเป็นนักเขียนแล้วนะ นายจำได้ใช่ไหม ต้นฉบับนิยายเรื่องนั้นที่ฉันเอาติดตัวไปด้วย นิยายเล่มแรกในชีวิต ตอนนั้นฉันเพิ่งเขียนถึงบทที่สองเอง ระหว่างทำงาน พอมีเวลาว่าง ฉันก็จะนั่งง่วนอยู่กับเรื่องราวสมมติของเหล่าผู้คนที่นายไม่รู้จัก ฉันตั้งชื่อมันว่า ‘เด็กกำพร้าแห่งสรวงสวรรค์’ นะ
ทำไมถึงต้องเล่าให้นายฟัง เพราะนายอยู่ในนิยายเรื่องนั้น ทั้งนายและชาเนคนั่นแหละ
ในบทที่สาม ฉันเขียนเล่าถึงตัวละครผู้หญิงออกเดินทางไปเกาะแห่งหนึ่งในประเทศไทย ฉันเคยไปอยู่ ไปสำรวจเกาะนานๆ แบบนั้นเสียที่ไหนเล่า มีแต่นายนี่แหละที่ฉันเคยไปอยู่มาเป็นเดือน เกาะเล็กๆ กลางทะเลแคริบเบียนก็เลยถูกโอนสัญชาติมาเป็นเกาะเล็กๆ ในทะเลอันดามันด้วยประการฉะนี้
ฉันทำซีดีแผ่นนั้นที่ชาเนคให้มาหายไปแล้ว มันมีเพลง Knockin’ on Heaven’s Door เสียง บ็อบ มาร์ลีย์ ฉันไม่ค่อยเสียดายเพลงนี้เท่าไหร่ เพราะหาฟังที่ไหนก็ได้ แต่มันมีอีกเพลงที่ฉันไม่รู้จักชื่ออยู่ด้วย ผู้ชายคนหนึ่งตกหลุมรักผู้หญิงที่เอาหัวใจของเขาโยนเหวี่ยงไปมาเหมือนตุ๊กตาของเล่น ชาเนคเดินเครื่องเรือยนต์ พาฉันออกไปกลางอ่าว เขาเปิดเพลงไปด้วยขณะทำงาน จากนั้นก็เล่าเรื่องราวหลายอย่าง เรื่องของนก เรื่องของคลื่นยักษ์ เรื่องของซากปรักหักพังที่เคยเป็นป้อมปราการ เหล่าทาสในอดีตสร้างมันขึ้นมาเพื่อใช้เป็นฐานที่มั่นต่อกรกับโจรสลัด ฝนพรำเบาๆ แต่ฉันไม่ได้กลัวเปียก เรือลำน้อยโคลงเคลงตามกระแสคลื่น พอฝนหยุดตก ฟ้าก็เปิดออก
ฉันเขียนถึงนายในนิยายของฉัน และสักวันหนึ่ง ฉันอยากให้นายได้อ่านมัน
ผ่านมายี่สิบปี ฉันแก่กว่าเดิมมาก หลังฉันไม่ดีเหมือนแต่ก่อน ผมเริ่มร่วงแล้ว ไขมันส่วนเกินสะสมตรงหน้าท้อง นายเป็นเมือง เวลาแค่นี้ก็เพียงชั่วพริบตา แต่ชาเนคเป็นมนุษย์เหมือนฉัน ป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้าง ฉันจำได้ว่าชาเนคอยากเป็นดีเจ ถ้าเขาได้เป็นตามที่ฝันก็คงจะดี
ในตอนจบนิยายเรื่อง ‘เด็กกำพร้าแห่งสรวงสวรรค์’ ตัวละครทั้งหมดมารวมกันที่ ‘ภัตตาคารที่ติดทะเลที่สุดในโลก’ เพื่อตัดสินโชคชะตาของตัวเอง ถ้านายได้อ่าน ฉันคิดว่านายจะต้องจำได้ว่าฉันเอาต้นแบบร้านอาหารแห่งนั้นมาจากที่ใด ฉันอยากกลับไปที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง ไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกดิน ท่ามกลางกระแสคลื่นที่ซัดสูงขึ้นๆ มองไปทางใดก็มีแต่ความเวิ้งว้างของขอบฟ้าจดขอบน้ำ
ไว้พบกันใหม่นะ เซนต์จอนส์ หนนี้ฉันอาจจะลองไปเสี่ยงดวงในกาสิโนของนาย ข้าวผัดนายไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ แต่พิซซ่านายอร่อยมาก
เรื่อง: ภาณุ ตรัยเวช