ฟูจิ ฟูจิซากิ

ฟูจิ ฟูจิซากิ: มนุษย์ต้องการความสุขแต่ไม่เคยเรียนรู้ถึงที่มาของความสุข

บางคนอาจจะรู้จัก ฟูจิ ฟูจิซากิ ในฐานะพิธีกรรายการ ดูให้รู้ ที่พาเราไปชมธุรกิจทางเลือกใหม่ๆ ในประเทศญี่ปุ่นที่ทั้งสนุกและน่าตื่นเต้น หรือในฐานะ ‘นักสร้างเศรษฐี’ ซึ่งเขาบอกเป้าหมายของตัวเองว่า อยากช่วยให้คนไทยมีรายได้ที่ดี ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจพร้อมกับพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นต่อสังคม ซึ่งรายการ ดูให้รู้ ก็แตกออกมาจากแนวคิดนี้ของเขานั่นเอง 

        การที่จะไปให้ถึงจุดมุ่งหมายในแต่ละข้อที่เขาวางไว้ ก็ต้องมีการเรียนรู้ศาสตร์หลายๆ ด้าน ซึ่งเขาบอกว่างานแต่ละด้านก็มีรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน และเพราะใจรักในการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุดจึงทำให้หนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นคนนี้ ทำอะไรได้ทุกอย่างโดยไม่มีคำว่าติดล็อก และการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ก็เป็นการท้าทายตัวเองด้วย เราจึงได้เห็นเขาพาไปเรียนรู้และรู้จักธุรกิจที่ตอบโจทย์โลกพร้อมกับช่วยเติมเต็มความสุขของคน

 

ฟูจิ ฟูจิซากิ

ทำเหมือนเดิมได้เหมือนเดิม ทำสิ่งใหม่ได้สิ่งใหม่

        ที่ประเทศญี่ปุ่นมีภูเขามากมาย เมื่อก่อนการเดินทางของเราคือต้องขับรถอ้อมภูเขาซึ่งใช้เวลานานกว่าจะถึงจุดหมาย จึงมีคนขุดอุโมงค์ทะลุผ่านภูเขา ซึ่งการขุดอุโมงค์นั้นใช้เวลาและเครื่องมือมากมายกว่าจะสำเร็จ

        เป้าหมายของคนก็เหมือนกับการขุดอุโมงค์ คนส่วนใหญ่เมื่อลงมือขุดแล้ว เมื่อยังไม่ทะลุเสียทีก็ยอมแพ้แล้วเดินกลับออกไป ก็เหมือนกับการเรียนรู้ที่บางทีคิดว่าเรียนไปก็ไม่ได้อะไร ไปไม่ถึงก็เดินกลับดีกว่า เขาถึงบอกกันว่าถ้าอยากเก่งเปียโนก็ต้องฝึก อยากเก่งภาษาก็ต้องเรียนให้เยอะกว่าคนอื่น ดังนั้น  จึงมีปรัชญาญี่ปุ่นที่บอกกันว่า ถ้าคุณทำเหมือนเดิมก็ได้อะไรเหมือนเดิม ทำสิ่งใหม่ก็ได้สิ่งใหม่ มีความรู้เดิมก็ได้รายได้เท่าเดิม มีความรู้ใหม่ก็ได้รายได้ใหม่

เติมความเจ็บปวดลงไปในร่างกาย

        หลายคนตั้งเป้าหมายของตัวเองได้แล้ว แต่ก็ล้มเหลวไปไม่ถึง นั่นเพราะเขาลืมบอกตัวเองว่าฉันต้องเป็นให้ได้ ฉันต้องทำให้ได้ ผมจะใส่โปรแกรมให้กับตัวเองว่าผมต้องเป็นเศรษฐีให้ได้ ถ้าผมเป็นเศรษฐีไม่ได้ ภรรยาต้องทิ้งผมไปแน่นอน ผมใส่ความเจ็บปวดเข้าไปในตัวเองเลยต้องขยัน คนที่ประสบความสำเร็จเขาจะไม่ต่อรองกับตัวเอง แต่จะบอกว่าฉันต้องทำให้ได้ เมื่อมีคำว่า ‘ต้อง’ เมื่อไหร่เราจะทำได้

การเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด

        การเรียนรู้มีหลายอย่าง เช่น เรียนรู้อย่างไรให้เรามีความจำที่ดี หรือเรียนรู้อย่างไรเพื่อให้คนตาบอดเข้าใจในสิ่งที่คนปกติมองเห็น สำหรับผมการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุดคือการเรียนรู้สิ่งที่มีประโยชน์กับคนอื่น และสิ่งนั้นตอบโจทย์เป้าหมายของเรา

        เช่น เราเป็นคนที่ปอดไม่ดีก็เรียนรู้เรื่องของสภาพอากาศ อย่างออกซิเจนบำบัด (Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT) ที่ให้เราสูดออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% เข้าไปในร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ ระบบการทำงานส่วนต่างๆ ของร่างกายก็ดีขึ้น มีผิวพรรณที่ดี การสูดออกซิเจนวันละประมาณ 15 นาที จะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกาย เช่น คนที่กระดูกหักต้องใช้เวลา 2 เดือน กว่ากระดูกจะประสานกัน แต่การสูดออกซิเจนบริสุทธิ์จะใช้เวลาในการสมานกระดูกแค่ 3 อาทิตย์ นี่คือความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองและความรู้นี้ก็มีประโยชน์กับโลกด้วย

 

ฟูจิ ฟูจิซากิ

เรียนรู้ความสุข

        มนุษย์ต้องการความสุขแต่ไม่เคยเรียนรู้สาเหตุของความสุข แล้วก็เอาชีวิตไปโฟกัสแต่ความทุกข์  เช่น ถ้าฉันมีความสุขแล้วฉันไม่ต้องรวยก็ได้ แต่ถ้าเรามีความสุขด้วยรวยด้วยก็ไม่ดีกว่าเหรอ ฉันรวยแล้วฉันมีความสุข ถ้าคุณมีความสุขคุณรวยได้เสมอ ถ้าคุณมีความสุขคุณอยากทำอะไรก็ได้ ไม่มีอะไรต้องติดล็อก บางคนชีวิตติดขัดไปหมดแล้วบอกว่าตัวเองมีความสุข ผมคิดว่าสิ่งนั้นคือความสุขเทียม ผมจึงต้องเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ตัวเองดีขึ้น เมื่อชีวิตเราดีขึ้น ความสุขก็จะมีมากขึ้น ความทุกข์ก็จะลดลง

รู้ตั้งแต่การกิน

        ในทางการแพทย์จะมีข้อมูลบอกว่ากินอะไรแล้วจะแก่ตัวช้า ซึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นเขาจะมีสูตรว่า ถ้ากินของต้มจะมีความแก่เท่ากับหนึ่ง ของย่างมีความแก่เป็นสิบ ของทอดมีความแก่เท่ากับสิบห้า เรียงลำดับได้เป็นดิบ ต้ม ย่าง ทอด ของทอดคือสิ่งที่ทำให้เราแก่ที่สุด ถ้าความแก่ที่ใบหน้าก็คือมีกระ ถ้าความแก่ที่สมองคืออาการอัลไซเมอร์ ถ้าความแก่ที่เส้นเลือดคือเส้นเลือดอุดตัน ดังนั้น ถ้าเรากินโดยที่เราไม่รู้ เราก็จะค่อยๆ ลดทอนชีวิตตัวเองลงไป คนญี่ปุ่นทั้งประเทศก็จะรู้วิธีการรักษาสุขภาพ ไม่ต้องไปโรงพยาบาลบ่อยๆ งบประมาณค่าใช้จ่ายของประกันสังคมในประเทศก็น้อยลง แบบนี้คือการรู้เพื่อช่วยคือการสร้างประเทศ

อย่า อยู่ อย่าง สัตว์ 

        ถ้าอยากเป็นชาวประมง เรามีเรือที่ดีแต่ใช้ไม่เป็น เราก็ต้องเรียนรู้วิธีการใช้เรือ เราอยากเก่งฟันดาบก็ต้องไปเรียนฟันดาบ มนุษย์โชคดีอย่างหนึ่งซึ่งแตกต่างกับสัตว์คือสัตว์เมื่อ 100 ปีก่อนใช้ชีวิตอย่างไรก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น คนเมื่อ 100 ปีก่อนไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ในสมัยนั้น LINE ก็ไม่มี โทรศัพท์มือถือก็ไม่มี แต่ทำไมเราถึงพัฒนาได้เร็ว เพราะคนสามารถถ่ายทอดและมีการเรียนรู้ มนุษย์ถึงพัฒนาการได้เร็ว เครื่องบินสมัยแรกๆ บินแล้วก็ตกกันเยอะ ตอนนี้แทบไม่มีข่าวเครื่องบินตกเลย พวกเขาถ่ายทอดความรู้ให้กันต่อๆ มา แล้วคุณจะไม่ไปเรียนรู้วิชาดีๆ กันเหรอ จะหลับตาใช้ชีวิตแบบสัตว์เหรอ มนุษย์มีองค์ความรู้ที่ถ่ายทอดต่อๆ กันมา เมื่อเรามีข้อมูลที่ดีถ้าเราได้ไปเรียนแล้วเหมือนกับเปิดวาร์ปให้ตัวเองเลย

 

ฟูจิ ฟูจิซากิ

อาหารบอกรัก

        ในประเทศญี่ปุ่นมีแม่บ้านหลายคนที่เปิดคอร์สสอนทำอาหาร ส่วนใหญ่ก็จะมีรายได้ประมาณสองหมื่นบาทต่อเดือน แต่มีแม่บ้านคนหนึ่งที่เปิดคอร์สสอนทำอาหารแล้วมีรายได้สองล้านบาทต่อเดือน เขามีคีย์เวิร์ดคำเดียวที่ปลดล็อกธุรกิจของเขาให้คนมาเรียนกันมากมาย จะมีรายได้เป็นล้านเป็นคำเดียวที่เปลี่ยนความคิดคนได้ เขาใช้คำว่า ‘สอนวิธีการทำอาหารให้คนบอกรัก’ เมื่อใช้คำนี้ก็จะมีคนสนใจมาลงทะเบียนเรียนมากกว่า คอร์สสอนทำอาหารธรรมดาก็จะมีรายได้แค่ 2,000 บาท แต่พอบอกว่าเป็นคอร์สสอนทำอาหารเพื่อให้คนบอกรัก เขาตั้งราคาคอร์สละ 5,000 บาท ก็มีคนมาเข้าคิวรอ

โอกาสมีอยู่ในทุกธุรกิจ

        คนที่จะประสบความสำเร็จได้ เขาจะมีจุดง่ายๆ อยู่จุดหนึ่งในตัว นั่นคือคนแบบนี้จะเป็นคนที่มักวิ่งเข้าหาปัญหา คนญี่ปุ่นหลายคนจะใช้ดินสอจนหมดแท่ง เขาจะเหลาดินสอจนเหลือที่ให้จับไม่ได้ถึงยอมทิ้ง จึงทำให้มีคนคิดค้นกบเหลาดินสอที่เหลาดินสอให้นำมาต่อกันเป็นแท่งใหม่ได้ แต่กบเหลาดินสอแบบนี้ราคาแพงมาก แต่คนก็ซื้อเพราะเขารู้สึกสนุก และมีความสุขที่ได้ใช้ดินสอจนถึงส่วนสุดท้าย การคิดแบบนี้คือการตอบโจทย์โลก และเป็นการทำธุรกิจที่ช่วยเรื่องจิตใจของคน  

        หรือธุรกิจจัดหาแม่บ้านในประเทศญี่ปุ่น ก็มีคนเปิดบริษัทรับฝึกสอนการเป็นแม่บ้านที่มีมารยาทดีขึ้นมา ฝึกฝีมือในการทำความสะอาดบ้าน และเขาก็กลายเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จ เพราะบริษัทจัดหาแม่บ้านจะมาใช้บริการจากเขา การที่บริษัทประสบความสำเร็จเพราะว่าคนอื่นไม่ทำนั่นแหละคือโอกาส

ทุ่มเท 10,000 ชั่วโมง

        ความสำเร็จมันมีหลายรูปแบบ คนส่วนใหญ่มักไม่เก่งภาษาอังกฤษ เพราะที่โรงเรียนสอนให้เก่งเลข เก่งวิทยาศาสตร์ แล้วค่อยมาเก่งภาษาอังกฤษ การที่จะเก่งภาษาอังกฤษได้ เราต้องฝึกพูดภาษาอังกฤษ 10,000 ชั่วโมง ถ้าเรียนอาทิตย์ละ 1 ชั่วโมง คุณต้องใช้เวลา 50 ปีถึงจะพูดได้ แต่ถ้าคุณฝึกเยอะๆ เช่น วันละ 8 ชั่วโมง ผมมั่นใจเลย ภายใน 3 ปีคุณจะเก่งภาษาอังกฤษแน่นอน เพราะการที่เราพูดภาษาของตัวเองได้นั้นมาจากเราฝึกพูดเยอะ ถ้าคุณอยากเป็น expert คุณก็ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เหมือนกับลุงจิโร่ที่ทำซูชิ เขามุ่งไปที่การทำซูชิ เขาไม่ต้องเก่งอย่างอื่น เขาทำซูชิจนคนอื่นสู้เขาไม่ได้แล้ว

        ในยุคนี้การที่คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญยิ่งดี แต่คุณก็ต้องใช้กำลังแลกกับเวลา เหมือนที่ลุงจิโร่ก็จะเหนื่อยในด้านนั้นเพราะต้องทำอย่างเดียว แกจะไม่สามารถไปบริหารบริษัทใหญ่ๆ ได้ แต่เขาก็ประสบความสำเร็จในมุมของเขา เขามีความรักในการทำซูชิ ยิ่งรักก็ยิ่งเก่ง ยิ่งทำก็ยิ่งรัก และกลายเป็นว่าหยุดไม่ได้ ยิ่งทำยิ่งเก่ง ยิ่งโดดเด่น มีคนมาจองคิวรอกินซูชิของเขา ทำให้เขาหลุดออกจากวงจรนี้ไม่ได้ 

 

ฟูจิ ฟูจิซากิ

ดูให้รู้ 

        คอนเซ็ปต์ของรายการ ดูให้รู้ คือการช่วยคน เรามีแพตเทิร์นในการไปดูสิ่งต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น เช่น พื้นที่ที่เราไปเคยน้ำท่วมมาก่อน มีคนตายเป็นพัน เขาก็จะหาวิธีทำอย่างไรให้ไม่เกิดน้ำท่วมและความสูญเสียขึ้นมาอีก ซึ่งนั่นคือความรู้ เป็นทางลัดที่เอามาเล่าให้คนดู เพราะถ้าอยากประสบความสำเร็จ ให้เราเลียนแบบคนสำเร็จสิ แป๊บเดียวก็ได้แล้ว นี่คือการวางแผนการเรียนทางลัด

รู้ให้ลึก

        รายการของเราไม่ได้เริ่มต้นจากการไม่รู้ แล้วไปหาสิ่งที่เราไม่รู้ แต่เราเริ่มต้นจากการไปหาสิ่งที่ไม่คิดว่ามีเพื่อให้รู้ เช่น เรารู้อยู่แล้วว่ามีการตรวจเช็กมะเร็ง แต่ไม่รู้ว่าการตรวจมะเร็งนั้นพัฒนาและมีวิธีการที่ดีกว่านั้น ปัจจุบันเราใช้วิธีการตรวจมะเร็งด้วยเลือด ซึ่งผลเลือดจะให้เปอร์เซ็นต์ของความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งแค่ 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นสามารถตรวจมะเร็งที่ให้ผลได้มากกว่าการตรวจเลือดด้วยการใช้ปัสสาวะเพียงหยดเดียว นั่นคือการใช้หนอนชนิดหนึ่งมาเป็นเครื่องมือตรวจสอบ ซึ่งผลเลือดส่วนใหญ่กว่าจะรู้ว่าเราเป็นมะเร็งก็ลุกลามจนไปถึงขั้นที่ 4 ซึ่งก็มักจะแก้ไขไม่ทันแล้ว

        แต่หนอนตัวนี้เมื่อเรานำปัสสาวะหยดลงไปแล้วปล่อยไว้ครึ่งชั่วโมง มันจะเลื้อยเข้าหาปัสสาวะที่เป็นมะเร็ง ซึ่งบอกได้ว่าคุณเป็นมะเร็งตั้งแต่แรกเลยหรือเปล่า ซึ่งมะเร็งนั้นถ้าเราแก้ไขในทันทีมันก็เป็นเหมือนไฝ ถ้าเจอมะเร็งในระดับแรก 90 เปอร์เซ็นต์คุณรอดตายแน่ๆ เราจึงต้องเริ่มจากการเริ่มดูสิ่งที่ไม่เคยรู้ว่ามี ไม่ใช่ดูจากสิ่งที่เราไม่รู้เฉยๆ

เลือกเป้าหมายแล้วมุ่งหน้าไป

        เมื่อมีความรู้มากขึ้นได้เรื่อยๆ ก็เหมือนตัวเองมีลิ้นชักเยอะขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเรียนรู้อะไรก็ได้ ถ้าคิดอย่างนั้นน่ากลัว เพราะทุกอย่างในชีวิตคือการเรียนรู้หมดเลย อย่าลืมว่าเป้าหมายของเราคืออะไร ถ้าคุณไม่มีเป้าหมายทุกอย่างคือการเรียนรู้หมด แล้วตกลงเราต้องการอะไร คุณมองอากาศ คุณมองเมฆก็คือการเรียนรู้

        เหมือนเราจะไปเชียงใหม่ เป้าหมายหลักคือจะไปเที่ยวหรือจะพาคุณแม่ไปรักษาที่เชียงใหม่ ถ้าไปเที่ยวเราก็จะแวะกินข้าว แวะชมนั่นชมนี่ กว่าจะถึงก็ใช้เวลานาน แต่ถ้าเป้าหมายของเราคือพาแม่ไปรักษาที่เชียงใหม่ เพราะว่ามีหมอดีๆ อยู่ที่เชียงใหม่ คุณจะไม่แวะที่ไหนเลย เหมือนลุงจิโร่ที่มีเป้าหมายว่าจะทำซูชิที่ดีที่สุด เขาเลยเป็นคนเก่งเรื่องซูชิ แต่ถ้าคุณยังไม่มีเป้าหมาย แต่ในใจลึกๆ อยากเก่งภาษาอังกฤษ แต่ก็อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วย เลยเรียนทั้งสองภาษา สุดท้ายคุณก็ไม่เก่งทั้งสองภาษา แล้วก็ท้อถอดใจ การเรียนรู้ไปทุกอย่างคือการหลงทางอย่างน่ากลัว

 

ฟูจิ ฟูจิซากิ

ฟูจิ ฟูจิซากิ

หาเป้าหมายจากเรื่องเล็กๆ

        คนจะประสบความสำเร็จได้เขาต้องเจอกับแรงกดดันที่เยอะ มีคำดูถูก อย่าไปทำเลย ทำไม่ได้หรอก แต่การที่พ่อแม่หรือคนรอบข้างพูดแบบนี้เพราะเป็นห่วง ซึ่งความเป็นห่วงนี้จะหยุดเรา ดังนั้น เราต้องบอกเขาว่าเป้าหมายคืออะไร ถ้าเราถามใครสักคนว่าเป้าหมายคืออะไร หากเขาตอบไม่ได้นี่คือเขาเหลาะแหละอยู่ ถ้าคุณรู้เป้าหมายของตัวเองปุ๊บ คุณจะไปได้เร็วมาก คุณไม่ต้องมีเป้าหมายใหญ่ๆ ก็ได้ ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ก่อนว่าปีหน้าจะทำอะไร ถ้าเรารู้ว่าปีหน้าเป้าหมายของฉันคือการเก่งภาษาอังกฤษ ฉันก็จะมุ่งแต่การเรียนภาษาอังกฤษ

เล่นให้เก่งแล้วต่อยอดไปให้สุด

        เด็กทุกคนมี DNA ที่ดีมาจากพ่อแม่อยู่แล้ว ปัญหาการเรียนรู้จึงไม่ใช่อยู่ที่เด็ก แต่อยู่ที่คนสอน ครูจะถ่ายทอดอย่างไร การที่เด็กบอกว่าเขาไม่รู้ตัวเองว่าชอบอะไร นั่นเป็นเพราะเขาอยู่กับใคร แต่ละคนมีสิ่งที่โฟกัสอยู่แล้ว เช่น เด็กคนนี้บ้าเกมมาก นี่คือคนที่มีสมาธิดีอยู่แล้วทำอะไรก็สำเร็จ แต่เขาโฟกัสเรื่องเกม แล้วถ้าไม่มีเป้าหมายว่าฉันจะเก่งเกมเพื่อไปทำอะไร เด็กก็จะเล่นแค่เกมไปอย่างนั้น ไม่ได้พัฒนาไปเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายของเกม

        ครูจึงต้องสอนให้สนุกและรู้ว่าเด็กเรียนแล้วจะได้อะไร ถ้าเด็กชอบเตะฟุตบอลแล้วครูไปบอกว่าเตะฟุตบอลทำไม ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แล้วเด็กจะเตะฟุตบอลเหรอ ครูต้องเอาจุดเด่นของเด็กมาทำให้เป็นประโยชน์ เด็กคนนี้ชอบฟุตบอลก็ให้อ่านหนังสือเกี่ยวกับฟุตบอล ให้ไปดูการ์ตูนฟุตบอล สักพักเดี๋ยวเขาจะเริ่มสนใจความรู้แขนงอื่น เพราะถ้าเขาอยากเป็นนักฟุตบอล แต่เป็นนักฟุตบอลที่เก่งไม่ได้เพราะมีเรื่องของทักษะ ฝีมือ และพรสวรรค์เป็นส่วนประกอบ แต่เขาไปเจอทางว่าตัวเองก็เป็นโค้ชฟุตบอลได้หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ฟุตบอลก็ได้ งานที่ทำก็เหมือนกัน ถ้าเรามุ่งมั่นเดี๋ยวก็จะค่อยๆ แตกแขนงออกไปให้มีเรื่องอื่นได้เรียนรู้ต่อไป

ว่ายน้ำไม่เป็นก็ลองหัด อยากตื่นเต้นก็ลองไปกระโดดบันจี้จัมป์

        การเรียนคำนี้ฟังแล้วน่าเบื่อเพราะมาจากครูผู้สอนที่มักจะบอกเราว่า ‘เธอไปอ่านหนังสือสิ ได้ความรู้นะ’ นั่นเป็นเพราะครูเองก็ไม่รู้จักเรียนรู้การสอนที่ถูกต้องเพื่อให้เด็กอยากเรียน ถ้าครูไม่เรียนรู้ ไม่เติบโต ผมว่าคุณไม่ก็มีสิทธิ์สอนแล้ว เพราะเด็กกว่าจะเรียนรู้อะไรแต่ละอย่าง เขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย

        ลองนึกกลับไปสมัยเราเป็นเด็ก แค่เราลองทำอะไรใหม่ๆ เช่น ไปโรงเรียนครั้งแรก เรายังกลัวเลย เราตื่นเต้นที่ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ตื่นเต้นที่ได้เจอห้องใหม่ เรามีเรื่องตื่นเต้นทุกวัน จะเล่นกระดานลื่นครั้งแรกยังกลัวเลย การเป็นครูก็ต้องเจออะไรที่ตื่นเต้นใหม่ๆ ทุกวัน คนที่ประสบความสำเร็จเขาถึงชอบไปเล่นแบบบันจี้จัมป์ ไปปีนเขา ไปเล่นอะไรที่อันตราย เพราะนั่นคือความท้าทายตัวเอง 

        คุณครูก็เหมือนกัน ต้องท้าทายตัวเองจะได้รู้ใจของเด็ก คนประสบความสำเร็จชอบความท้าทายใหม่ๆ แต่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จมักกลัวที่จะทำสิ่งใหม่ เหมือนการว่ายน้ำ มีหลายคนว่ายน้ำไม่เป็นก็จะกลัวน้ำตลอดชีวิต แต่คนที่ว่ายน้ำเป็นเขาจะรู้ว่าฉันต้องฝ่าฟัน แล้วต่อไปฉันจะไม่กลัวน้ำแล้ว ต่อไปฉันจะฝึกภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่นฉันก็ไม่กลัวแล้ว ไปพูดกับฝรั่งก็ไม่กลัว อะไรที่น่ากลัวฉันจะลอง สิ่งที่ฉันทำไม่ได้ฉันต้องทำได้

 

ฟูจิ ฟูจิซากิ

ยิ่งแก่ยิ่งเก๋า

        ผมไม่เคยกลัวเรื่องความแก่ชราแล้วตัวเองจะหมดไฟ เพราะคนยิ่งแก่ยิ่งมีประสบการณ์เยอะ มีทักษะมากขึ้น แต่ถ้าพูดว่ากลัวตายไหม เรื่องนี้อยู่ที่ว่ายอมรับได้หรือเปล่า คุณรู้ไหมว่าคนวัยไหนมีความทุกข์มากที่สุด ระหว่างวัยรุ่น วัยกลางคน หรือวัยชรา

        จากผลวิจัย คนวัยชรามีความสุขมากที่สุด วัยรุ่นเป็นวัยที่มีความทุกข์มากที่สุด เขาต้องเผชิญกับภาวะว่าฉันจะสอบได้หรือเปล่า จะหาเพื่อนได้หรือเปล่า แต่คนชราคือคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ผมเคยคุยกับคนชรามาหลายคน ผมถามเขาไปตรงๆ ว่ากลัวตายไหม เขาก็บอกว่าเขาไม่กลัว เพราะเขารู้สึกปลงกับชีวิตได้แล้ว เพื่อนของเขาค่อยๆ ล้มหายตายจากไปทีละคน ดังนั้น เขารู้แล้วว่าตัวเองต้องเตรียมตัวอย่างไร วันหนึ่งที่ผมอยู่ในวัยชราผมอาจจะรู้สึกสบายกว่าวันนี้ด้วยซ้ำก็ได้ เพราะผมเตรียมความพร้อมให้ตัวเองไว้แล้ว

นั่นคือผลของการเรียนรู้ที่มีประโยชน์ต่อโลก

        มนุษย์มีนิสัยขี้เบื่อ ไม่เหมือนสัตว์ สัตว์ให้กินอะไรเหมือนเดิมซ้ำๆ ก็กินได้ คนเราใช้ชีวิตเหมือนเดิมเดี๋ยวก็เบื่อ กินผัดไทยทุกวันก็เบื่อ นั่นคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์อยากพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา พอเบื่อก็เริ่มอยากจะหาของใหม่ การเรียนรู้จึงไม่มีที่สิ้นสุด แม้ว่าคนจะอายุเยอะแล้วก็ตาม เพราะเขาอยากจะหาสิ่งใหม่ๆ ให้ชีวิต

        ผมเองก็อยากจะเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะผมขี้เบื่อ และผมรู้วิธีว่าพอเราอยู่ในวัยเกษียณ ผมยังมีรายได้ มีคนที่รักและให้กำลังใจ ให้คุณค่ากับผม เพราะผมมีความรู้ ผมรู้วิธีการเล่นมายากลเสกเหรียญให้หายไป ผมไปเล่นให้เด็กดู เด็กก็รักผม สิ่งที่ผมพูดผมเล่าโดยผ่านสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว และนำมาช่วยเหลือคนอื่นได้ คนก็รัก คนนับถือผม

 


ขอขอบคุณภาพจากรายการ ดูให้รู้