ศุภชัย รัตนโอภาส

ศุภชัย รัตนโอภาส: ทายาทโรงแรมเอ-วัน กับรอยต่อของความเปลี่ยนแปลงที่จัดจ้านขึ้นเรื่อยๆ

ระหว่างที่รอเวลาเพื่อชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าบริเวณริมหาดพัทยาบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรม Mytt Beach Hotel ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Pippa Restaurant เรานั่งอยู่กับ ‘อี้’ – ศุภชัย รัตนโอภาส ประธานบริหารโรงแรมมิตร์ บีช และผู้ช่วยประธานบริหารกลุ่มโรงแรมเอ-วัน กรุงเทพฯ และพัทยา เขาแนะนำให้ลองจิบ Pippa Beauty เพื่อคลายร้อน โดยบอกว่านี่เป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น นั่นจึงเกิดเป็นหัวข้อสนทนาระหว่างเราถึงการที่เขาเข้ามาปรับปรุงธุรกิจโรงแรมของครอบครัวให้สดใหม่ และตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ได้อย่างกลมกล่อมเหมือนกับรสชาติของเครื่องดื่มแก้วนี้

ศุภชัย รัตนโอภาส

ความสนุกจะเป็นตัวเรียกแขกให้เข้ามาพักกับเรา

        โรงแรมมิตร์ บีช อยู่ในเครือเดียวกันกับโรงแรมเอ-วัน บนชั้นดาดฟ้ามีร้าน Pippa Restaurant ตั้งอยู่ ดังนั้น ผมจึงตั้งคอนเซ็ปต์ไว้ยาวๆ ว่า อยากทำร้านอาหารสไตล์ Fancy Restaurant ซึ่งความแฟนซีนั้นก็คือเอนเตอร์เทนเมนต์ และโรงแรมของเราก็มีการจัดคอนเสิร์ตโดยมีนักร้องดังๆ อย่างปาล์มมี่หรือ ดา เอ็นโดรฟิน มาเล่น ผมจึงมองว่าคนที่จะมาพักกับเราคือคนที่เป็นคอเดียวกัน และผมมองว่าคนทำธุรกิจสถานบันเทิงในพัทยาพยายามสร้างบรรยากาศบางอย่างเพื่อดึงให้คนกรุงเทพฯ เดินทางมาเที่ยว แต่เขายังไม่เข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนกรุง เลยทำให้ส่วนใหญ่คนก็มาแค่ครั้งเดียวแล้วก็ไม่อยากมาอีก

        ผมจึงปรับปรุงสถานที่จัดคอนเสิร์ตให้โดนใจนักท่องเที่ยวให้ดีที่สุด ทำให้สุดทุกอย่าง ลำโพงก็ใช้ตัวที่ดีที่สุด ผมใส่เต็มชนิดที่ว่าในกรุงเทพฯ ยังหาร้านที่มีลำโพงดีๆ แบบเราไม่ได้เลย ด้านโรงแรมเองก็มีการปรับเปลี่ยนหลายอย่าง ซึ่งเรามีข้อดีตรงที่โรงแรมของเรา คุณพ่อคุณแม่ท่านทำมาอย่างดีแล้ว แต่ด้วยเวลาที่ผ่านมานาน บางอย่างก็ต้องปรับเปลี่ยน เช่น การตกแต่งห้องพักใหม่ หรือแม้แต่การทำประชาสัมพันธ์ เราไม่ต้องมาขายชื่อของโรงแรมแล้ว แต่เราจะขายในเรื่องของความรู้สึกของคนว่าฉันอยากมา มาแล้วต้องสนุก เพราะความสนุกเป็นสิ่งที่ดึงคนให้เข้ามาที่นี่ ถ้าเอาแต่บอกว่าเราคือโรงแรม ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปดึงคนเข้ามาได้อย่างไร

รับช่วงต่อ แต่ไม่ขอสานต่อความสำเร็จเดิมๆ

        จริงๆ ผมก็กึ่งๆ โดนบังคับว่าต้องกลับมาทำธุรกิจของครอบครัว (หัวเราะ) เพราะเขาสร้างมาขนาดนี้แล้ว ผมก็นั่งคุยกับคุณพ่อว่าถ้าต้องเข้ามาทำงานที่โรงแรม และให้หาแต่ทัวร์มาลงแบบเดิมผมไม่ทำนะ เพราะคุณพ่อทำแบบนี้มา 30 ปีแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าการหาทัวร์มาลงคือสิ่งที่ต้องทิ้ง เพราะที่โรงแรมเอ-วันยิ่งใหญ่ได้จนถึงวันนี้ รายได้นั้นก็มาจากทัวร์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ผมรู้สึกว่าถ้าเราต้องเข้ามารับช่วงต่อเราจะสานต่อกับเรื่องเดิมทำไม ในเมื่อมันประสบความสำเร็จไปแล้ว ทำไมไม่ให้ผมไปทำเรื่องอื่น และเอาสิ่งที่ทำมาสร้างรสชาติใหม่ให้กับโรงแรมไม่ดีกว่าเหรอ แต่ผมก็เผื่อใจไว้แล้วว่า ถ้าข้อเสนอนี้ถูกปฏิเสธก็ไม่เป็นไร ผมก็จะเก็บความคิดนี้ไว้ในมุมของตัวเอง และพยายามหาว่าจะสามารถนำสิ่งที่คิดนี้ไปใส่ในเนื้องานของตัวเองได้ไหม เผื่อว่าสักวันสิ่งที่ผมแทรกลงไปมันเกิดเวิร์กขึ้นมา แต่โชคดีที่ทางบ้านรับฟังและยอมให้ผมทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย

        ตอนที่ผมกลับมาจากศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์ คำว่า beach club วนเวียนอยู่ในหัวผมตลอดเวลา ถึงจะผ่านมา 13 ปีแล้ว แต่ผมก็จำได้แม่นว่าตอนนั้นพูดเรื่องนี้กับใครไม่รู้เรื่องเลย คุณพ่อก็บอกว่า “beach club คืออะไรของมึงวะ” (หัวเราะ) เพราะในความคิดของท่าน beach club คือสระว่ายน้ำ ซึ่งสำหรับผมไม่ใช่แค่นั้น ต้องมีอย่างอื่นประกอบด้วย ความเข้าใจเรื่องงานปาร์ตี้ของท่านเท่ากับศูนย์ ซึ่งสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงด้านหน้าของโรงแรมเอ-วัน พัทยานั้น มีการปรับปรุงมาหลายครั้งมาก ทั้งติดลำโพง เปลี่ยนกระเบื้อง เปลี่ยนแปลงจนผมเริ่มจับทางได้แล้วว่าควรจะเป็นแบบไหน เราเริ่มเห็นบรรยากาศบางอย่างแฝงอยู่ในสระว่ายน้ำนี้ และช่วงแรกที่ผมกลับมาทำงานผมก็จะรับหน้าที่ในเรื่องของการหาทัวร์มาพัก และก็มองเห็นแล้วว่าในอนาคตการหารายได้เข้าโรงแรมแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว

        ครอบครัวผมทำโรงแรมมาตั้งแต่รุ่นปู่และส่งต่อมารุ่นพ่อ เริ่มจากโรงแรมเอ-วัน สาขากรุงเทพฯ และขยายต่อมาที่พัทยา เราทำงานในด้านเดียวมาตลอดนั่นคือทำโรงแรม พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ยังมีช่องทางให้เราเล่นสนุกกับเมืองได้ แต่หลายคนมักจะพูดว่าการทำอะไรใหม่ๆ นั้นขายได้ยาก แต่ผมกลับมาว่าถ้าอะไรที่ดียังไงก็ขายได้ อยู่ที่มุมมองของคนมากกว่า ผมเลยทำร้าน Pippa Restaurant ขึ้นมาโดยวางคอนเซ็ปต์ให้เป็นร้านอาหารที่จริงจังแต่มีความแฟนตาซีเคลือบไว้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่โรงแรมมิตร์ บีช อยู่ในช่วงปรับปรุงพอดี ผมจึงใช้จังหวะนี้ทำร้าน Pippa Restaurant ไปด้วยกันเลย

        ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป พฤติกรรมของคนก็เปลี่ยนแปลงตาม เมื่อก่อนเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ทำงานกับทีมงาน ทุกคนจะมีระเบียบและตรงต่อเวลา แต่คนรุ่นใหม่มีหลายเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจกันเยอะกว่าเดิม ซึ่งบางอย่างใช้แนวคิดของคนรุ่นก่อนไม่ได้แล้ว ยกตัวอย่างเรื่องการทำงาน เราไม่รู้เลยว่าวันนี้เขาเข้ามาทำงานแล้วพรุ่งนี้เขาจะลาออกไปทำงานที่อื่นหรือไม่ หรือออกไปทำที่อื่นแล้วขอกลับมาทำงานกับเราใหม่ก็มี ตอนนี้ความไม่เมกเซนส์อะไรแบบนี้มีเยอะมาก ผมเองก็พยายามเรียนรู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไร และเป็นการปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเองให้มีระเบียบมากขึ้นกว่าเดิมด้วย เพื่อที่จะได้ควบคุมกับปัจจัยใหม่ๆ ที่เข้ามาได้

 

ศุภชัย รัตนโอภาส

Make Pattaya Great Again

        มีช่วงหนึ่งที่ผมมาพัทยาแล้วรู้สึกว่าพัทยาเริ่มซบเซา บางทีคนที่ทำธุรกิจที่นี่เขาอาจจะมองมุมอื่น ภาพอื่นๆ กันอยู่หรือเปล่า แต่สำหรับตัวผมมองว่าพัทยายังมีส่วนที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ ผมจึงใช้ Pippa Restaurant มาสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้พัทยาน่ามาเที่ยว เพราะผมมองว่าพัทยาไม่ใช่แค่เรื่องของการหาทัวร์มาลงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของคนที่อยู่ที่นี่ด้วย ถ้าเราทำให้เมืองมีคุณภาพที่ดีขึ้น เมืองก็จะน่าอยู่ เศรษฐกิจก็จะดีขึ้นอย่างชัดเจน ใช่แต่รอให้นักท่องเที่ยวเขามา เพราะสุดท้ายนักท่องเที่ยวไม่ใช่คนที่มากำหนดว่าพัทยาต้องมีอะไรเสมอไป

เปิดใจคุยกับคนที่เปิดใจได้ยากที่สุดในชีวิต

        คนรุ่นใหม่จะเจอกับปัญหาหลักอย่างเดียวกันเสมอนั่นคือ เวลาเราคุยอะไรกับพ่อแม่แล้วเขาไม่เข้าใจ สำหรับผมมองว่านี่คือข้อดีเพราะได้ฝึกความอดทนของตัวเอง เพราะตัวผมเองมีไอเดียอยู่ในหัวเป็นล้านๆ เลย (หัวเราะ) และก็เอาไอเดียนี้ไปคุยกับคุณพ่อเกือบทุกวัน ฟุ้งฝันอยู่คนเดียว คุณพ่อก็จะบอกว่าอะไรของมึง (หัวเราะ) แต่ผมก็คิดว่าไม่เป็นไร ยังฟุ้งให้ท่านฟังเรื่อยๆ จนบางไอเดียเขาก็จะเห็นด้วยว่าน่าจะดี เพราะเราต้องเข้าใจว่าธุรกิจของเขาตั้งอยู่บนความเสี่ยง เขาจะรู้ว่าไอเดียไหนทำได้ ไอเดียไหนทำไม่ได้ แต่เขาไม่รู้หรอกว่าคนรุ่นใหม่คิดอะไร แต่เขาจะรู้ว่าทำแบบไหนโอกาสพลาดสูงแน่ๆ ดังนั้น เวลาเสนออะไร ผมจะมีข้อมูลที่หามาเพิ่ม ต้องไปทำความเข้าใจหรือเคยเห็นมาก่อนไปประกอบคำอธิบาย เพราะสิ่งที่เขาคัดค้านล้วนมีเหตุผล ซึ่งก็เป็นการฝึกฝนตัวเอง เพื่อเปิดใจคุยกับคนที่เปิดใจได้ยากที่สุดในชีวิตได้ด้วย

เป็นตัวเองให้มากที่สุด

        ผมเชื่อว่าอะไรก็ตามที่เป็นของจริงคือสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าเราเป็นตัวเราเองจริงๆ ก็ไม่ต้องไปกังวลว่าเราต้องทำอะไรที่มากกว่าสิ่งที่เราเป็น ดังนั้น ผมจึงพยายามเป็นตัวของตัวเองในทุกเรื่องที่ทำให้มากที่สุด

 

ศุภชัย รัตนโอภาส

ศุภชัย รัตนโอภาส

ใช้เพลงนำทาง

        ผมมองว่าพัทยาคือเมืองที่ดีมากๆ เพราะใกล้กรุงเทพฯ คุณไม่ต้องนั่งเครื่องบินมาก็ได้ ที่พักก็มีให้เลือกมากมาย ผมจึงอยากให้ที่นี่เป็นเมืองที่ใครก็อยากแวะมาเที่ยว ซึ่งเป็นความท้าทายที่ถูกที่ถูกเวลาพอดี ถ้าผมคิดแผนนี้ก่อนหน้าอาจจะทำได้ยากกว่านี้ แต่ตอนนี้เราอยู่ในยุคของคนที่ต้องการมองหาสิ่งใหม่ให้ตัวเอง การทำธุรกิจด้วยรูปแบบเดิมๆ นั้นใช้ไม่ได้แล้ว เราจึงมีสามโปรเจ็กต์ใหญ่เกิดขึ้นมานั่นคือ ร้าน Pippa Restaurant ซึ่งจะมีบรรยากาศชิลๆ ให้นั่งชมวิวบนดาดฟ้ามีอาหารที่ดีที่สุดในพัทยาให้ชิม ร้าน Fat Coco สำหรับจัดปาร์ตี้หรือคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่มีตั้งแต่หมอลำไปจนถึงนักร้องดังๆ มาเปิดการแสดง และอีกร้านคือ Malibrew ซึ่งเราตกแต่งเป็นลักษณะกึ่งๆ โรงเบียร์ที่ผสมเข้ากับบาร์แจ๊ซไว้ด้วยกัน โดยเป็นฮอลล์ใหญ่ๆ มีวงดนตรีเล็กๆ มาเล่นเพลง ไม่ก็มีดีเจมาเปิดแผ่น ผมพยายามจะดึงเอาวัฒนธรรมของไทยมาผสมกันให้ทันสมัย โดยสื่อสารผ่านเพลงและการกินดื่ม โดยคีย์หลักทั้งสองนั้นจะต้องมีคุณภาพที่ดีที่สุด เราไม่ได้ทำกันเล่นๆ หรือทำเพื่อลองตลาด เพราะโลกตอนนี้มันเปลี่ยนไปเร็วมาก ผมอยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุดไปเลย

บทเรียนจากพ่อ

        ผมโชคดีที่คุณพ่อเป็นคนช่างสังเกต เลยติดนิสัยนี้มาจากท่าน ผมชอบสังเกตท่านว่ากำลังสังเกตอะไร (หัวเราะ) เคยมีทีมงานของโรงแรมเล่าให้ผมฟังว่าท่านบอกได้ว่ามดที่เพิ่งวิ่งผ่านไปนั้นเป็นพันธุ์อะไร เป็นความสามารถที่ทะลุโลกมาก (หัวเราะ) ผมจึงเป็นคนที่มักเก็บรายละเอียดเวลาที่ไปพบเจออะไร อย่างตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยผมไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ก็จะสังเกตว่าสถานที่ตรงนั้นเขามีจุดเด่นอะไร คนที่มาชอบอะไร ถึงแม้ผมจะไม่ชอบแบบเดียวกับพวกเขาก็ตาม แต่ผมก็คิดว่าสักวันหนึ่งสิ่งเหล่านั้นจะสามารถนำมาใช้กับงานของเราได้ ผมรวบรวมข้อมูลเหล่านี้เอาไว้ เพื่อสร้างให้เป็นคอมมูนิตี้ของทุกคน ให้เขามาเดินอยู่ในนี้ให้ได้ นี่คือสิ่งที่คิดไว้ในใจเสมอ

 

ศุภชัย รัตนโอภาส

แต่การรอคอยก็ยังสำคัญ

        คุณพ่อกับคุณย่าจะสอนเสมอว่าบางครั้งเราก็ต้องรู้จักรอ และผมก็เห็นด้วยว่าการรอเป็นสิ่งสำคัญมากในยุคนี้ เพราะพอทุกอย่างไปเร็วๆ มากๆ ความผิดพลาดก็เยอะขึ้นตามไปด้วย อีกเรื่องที่ผมเรียนรู้มาจากคุณปู่คือเรื่องของประสบการณ์ คุณปู่มักจะเข้ามาดูความเป็นไปของโรงแรมสาขาพัทยาผ่านกล้อง CCTV จากกรุงเทพฯ และใช้ประสบการณ์ในการประเมินสถานการณ์ เช่น ที่ห้องจัดเลี้ยงของทัวร์กรุ๊ปหนึ่งมีการปูผ้าคลุมที่เก้าอี้ ท่านก็จะถามว่าราคาค่าอาหารต่อหัวของคนในกรุ๊ปนี้เท่าไหร่ ถ้าสมมติว่าเราคิดเขาคนละ 300 บาท คุณปู่ก็จะบอกว่างั้นไม่ต้องถึงกับมีผ้าคลุมเก้าอี้ก็ได้ เมื่อเราไม่ต้องใช้ผ้าคลุมเก้าอี้ ค่าใช้จ่ายก็จะลดลง นี่คือประสบการณ์ของคนรุ่นใหญ่ ถ้าเป็นผมมานั่งมองดูภาพจากจอเดียวกันผมคงไปโฟกัสแค่ว่าทำไมพนักงานตรงนี้น้อย หรือทำไมมายืนคุยเล่นกัน แต่สำหรับคุณปู่ในหัวท่านวิเคราะห์ได้เลยว่าถ้าเก็บค่าอาหารเขาเท่านี้ควรจะมีอะไรให้แขกได้อย่างเหมาะสมบ้าง

ชีวิตมีทางเลือกเสมอ

        ทุกคนจะมีสิ่งที่ตัวเองชอบทำอยู่ แต่ผมโชคดีตรงที่สิ่งที่ตัวเองชอบทำตรงกับการทำงานที่นี่ ถ้าผมไม่มีโรงแรมที่พัทยา ผมคงไปทำโรงแรมใหม่ที่กระบี่ (หัวเราะ) และคงไม่ทำแบบที่ทำอยู่ตอนนี้ อาจจะไปทำโรงแรมแนวสปา หรือทำโรงแรมในรูปแบบอื่น อาจจะเป็นสถานที่จัดงานปาร์ตี้รูปแบบอื่น หรือเป็นร้านอาหารรูปแบบอื่น ถ้าคุณมีสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วพยายามแมตช์กับสิ่งที่คุณต้องทำเราก็จะทำธุรกิจของครอบครัวได้โดยไม่รู้สึกฝืนใจ เป็นเรื่องของเราว่าดีไซน์ชีวิตตัวเองยังไง เหมือนกับที่บางคนยอมทำงานที่ได้รับมอบหมายมาเพื่อที่จะได้ทำงานอย่างอื่นที่เขาชอบควบคู่ไปด้วย ซึ่งอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนว่าจะจัดการกับชีวิตตัวเองอย่างไร

 


ขอขอบคุณวง getsunova ที่มาแจมในการถ่ายรูปร่วมกัน