นาทีนี้แฟนเพลง (โดยเฉพาะสายฮิปฮอป) คงไม่มีใครไม่รู้จัก หรืออย่างน้อยก็ต้องพอคุ้นชื่อ ท็อป หรือ LazyLoxy หนึ่งในแร็ปเปอร์คลื่นลูกใหม่ที่แจ้งเกิดจากเวที The Rapper ซีซัน 1 ที่แม้จะไม่ได้เป็นผู้ชนะในรายการ แต่คาแร็กเตอร์และทักษะที่น่าจับตาจากเวทีก็ส่งต่อให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จัก มีเพลงของตัวเองที่ฮิตติดชาร์ตทำยอดวิวถล่มทลาย และกลายเป็นอีกหนึ่งแร็ปเปอร์ที่ใครๆ ก็อยากได้ตัวไปร่วมฟีเจอริงด้วยในเพลง
แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังเขาเป็นคนที่เลือกฟังเพลงค่อนข้างหลากหลาย บุคลิกง่วงเหงาหาวนอนที่เราเห็นเบื้องหน้าเป็นเพียงภาพลักษณ์ความเป็นศิลปินเท่านั้น เบื้องหลังเขาคือคนที่ซีเรียสจริงจังกับการเลือกฟังเพลง เขียนเพลง และขึ้นโชว์บนเวทีมาก จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถนนสายดนตรีของแร็ปเปอร์หนุ่มวัยยี่สิบต้นคนนี้ถึงได้น่าสนใจติดตามตอนต่อไป
“ผมจะเลือกฟังอะไรที่เข้าใจได้ การฟังเพลงมันเปลี่ยนคนได้เลยนะ เหมือนกับว่าในช่วงหนึ่งถ้าได้ฟังอะไรแล้วผมจะกลายเป็นคนนั้น หรืออยู่ในมู้ดนั้นไปเลย ผมจึงค่อนข้างซีเรียสกับเพลงที่ฟัง”
และนี่คือ 5 อัลบั้มที่เป็นแรงบันดาลใจในการฟังเพลง และการเป็นศิลปินของ LazyLoxy
1 | T-Pain อัลบั้ม Thr33 Ringz
ผมได้ฟังอัลบั้มนี้ตอนมัธยมต้น เป็นอัลบั้มที่ทำให้ผมได้ฟังฮิปฮอปครั้งแรก ช่วงนั้นผมเริ่มเต้นบีบอย แล้วมีหนังเรื่อง Step Up 2 มาพอดี ซึ่งในหนังมีเพลง Church ของ T-Pain ผมก็เลยตามไปเปิดฟังในยูทูบ ทีนี้มันก็ขึ้นเพลงอื่นของ T-Pain มาด้วย ผมก็เลยลองไล่ฟังดู ปรากฏว่าชอบมาก ความเจ๋งคือมันไม่ใช่อัลบั้มที่เป็นแร็ปจ๋า แต่เป็นแนวร้องเลย ตอนนั้นจำได้ว่า T-Pain เป็นคนใช้ออโต้จูนคนแรกๆ ด้วยซ้ำ แต่เพลงในอัลบั้มออกมาดูเท่มาก
สำหรับผม ในการร้องเพลงทั่วไป ออโต้จูนอาจไม่น่าเอามาใช้ แต่ถ้าเป็นเพลงแร็ป ผมเข้าใจสาเหตุว่าทำไมต้องใช้ เพราะว่าแร็ปเปอร์ส่วนใหญ่ เวลาอยู่บนเวทีเขาจะตะโกน เขาต้องการใช้พลังเยอะมาก ออโต้จูนจึงทุ่นแรงได้ เราใช้พลังเยอะแค่ไหน กระโดดสุดแค่ไหน บนเวทีก็ไม่หลุดคีย์ มันคือความสนุกอีกแบบหนึ่ง การใช้ออโต้จูนไม่ผิด ขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้จักมันมากแค่ไหน แล้วคุณมองมันในแบบไหนต่างหาก
2 | Drake อัลบั้ม Take Care
ผมมี Drake เป็นไอดอลเพราะเพลงช่วงแรกๆ ของเขาเป็นเพลงรัก ไม่ได้เป็นเพลงฮิปฮอปแบบแก๊งขนาดนั้น ฟังแล้วรู้สึกว่ามันดีมาก แล้วเขาเป็นคนที่มีสัดส่วนที่ดีในคำร้อง เขาใช้วิธีร้องแบบ lay back (เทคนิคการร้องแบบคร่อมหรือดึงจังหวะ) ในแทบจะทุกบาร์ของเพลงเลย คือดนตรีลงจังหวะไปแล้ว แต่เขาเลยไปร้องสัมผัสในท่อนถัดไป พอฟังเพลงของ Drake แล้วผมเลยรู้สึกว่าแร็ปมีอะไรมากกว่านั้น ไม่ใช่แค่ร้องลงตามบาร์ไปทั้งหมด
3 | Tattoo Colour อัลบั้ม POP DAD
จริงๆ ผมเป็นคนที่ฟังเพลงไทยน้อยมาก แต่นี่เป็นอัลบั้มแรกที่ผมฟังเต็มอัลบั้ม พอฟังแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย ดีทั้งอัลบั้มเลย สามารถเปิดฟังวนไปได้เรื่อยๆ เช่น อยากรู้… เสมอมา หรือ เผลอไป แล้วเขามีเอาออโต้จูนมาเล่นในอัลบั้มด้วยนะ ผมเลยรู้สึกว่า เออ ดีนะ ไม่แย่นะ เพลงสนุกด้วย ฟังแล้วยังรู้สึกว่ามีพลังงาน มีอารมณ์ที่ดี
4 | Sik-K อัลบั้ม FLIP
เขาเป็นศิลปินฮิปฮอปของเกาหลี เนื้อหาเพลงของเขาเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับผม ผมรู้สึกว่าหลังจากการปรากฏตัวของเขา ทุกวันนี้ดนตรีฮิปฮอปของเกาหลีเริ่มจะคล้าย Sik-K หมดเลย ผมรู้สึกว่าการใส่เมโลดี้ของเขาในแต่ละช่วงของเพลงมันดีมาก ผมไม่รู้ว่าคนอื่นรู้สึกไหมนะ แต่ผมรู้สึกนะว่าการใช้ออโต้จูนแล้วร้องแบบมัมเบิล (การร้องลักษณะคล้ายๆ บ่นพึมพำ) ค่อยๆ ลากไปเรื่อยๆ แบบของเขา มันดีที่สุดแล้ว เหมือนเป็นเสน่ห์ของเขา และเหมือนคนอื่นก็ค่อยๆ ตามเขามา
5 | Whal & Dolph อัลบั้ม Rayon
แต่ก่อนตอนที่ผมเล่นดนตรี ผมแกะเพลงของ Whal & Dolph เป็นวงแรกๆ เลย พอเอามาเล่นแล้วรู้สึกว่าไม่ได้ยากเกินไป สื่อความหมายดี เพลงดีในความเรียบง่าย แต่เป็นความง่ายที่ไม่เชย อารมณ์เพลงเหมือนเราย้อนกลับไปยุคก่อนแต่กลับมีความใหม่และเฟรชมาก สำหรับผม Whal & Dolph เป็นวงอินดี้ ต่อให้แมสอย่างไรผมก็ว่ายังมีความเป็นอินดี้อยู่ เพราะผมรู้สึกว่าในทุกๆ เพลง ทุกๆ เอ็มวีของเขา จะมีอะไรเล็กๆ น้อยๆ เหมือนเป็น easter egg ซ่อนอยู่ในเพลง ให้เราลองฟังลองตีความอีกแบบหนึ่งเสมอ ซึ่งผมก็อยากทำแบบนั้นในเพลงของผมบ้าง