ดินแดนฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือหรือที่เราเรียกกันจนคุ้นปากว่าอีสานนั้น เป็นพื้นที่ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้ภาคอื่นๆ ในประเทศไทย นอกจากการเป็นภูมิภาคที่มีขนาดเนื้อที่มากที่สุดในประเทศไทยแล้ว เรื่องของรากเหง้า วัฒนธรรม วิถีชีวิต ภาษา และอาหาร ก็เป็นสิ่งที่ทำให้อีสานมีทั้งความโดดเด่น น่าค้นหา และน่าลองไปสัมผัสเรียนรู้ให้ถึงแก่น
และนั่นเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ดินแดนอีสานยังคงเป็นอีกหมุดหมายหลักสำหรับคนรักการเดินทางที่ต้องการเสาะแสวงหาเรื่องราวและชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ความน่าสนใจเหล่านั้น
หนองบัวลำภู เป็นจังหวัดที่อยู่ฟากฝั่งอีสานตอนบนหรืออีสานเหนือ ตั้งอยู่บนที่ราบสูงระหว่างหุบเขา โอบล้อมด้วยเทือกเขาภูพานและภูเก้า มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ ทั้งยังมั่งคั่งด้วยมรดกทางศิลปะและมรดกทางวัฒนธรรมที่สั่งสมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ไม่ต้องแปลกใจหากคุณยังไม่เคยรู้จักหนองบัวลำภูเท่าที่ควร เพราะหลังจากนี้เป็นต้นไป คุณอาจตกหลุมรักที่นี่
สูดอากาศบริสุทธิ์ที่จุดชมวิวภูพานน้อย
คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้อยู่บนจุดที่สามารถชื่นชมทัศนียภาพของเมืองเมืองหนึ่งจากมุมสูง นอกจากจะได้รับอากาศสดชื่นจากต้นไม้เขียวชอุ่มที่รายรอบและลมเย็นๆ จากที่สูงแล้ว วิวเบื้องหน้าก็สวยสะกดใจ หากใครที่มาเยือนหนองบัวลำภูแล้วอยากมีความรู้สึกได้ชื่นชมทัศนียภาพแบบที่ว่า ก็ควรมาเยือนที่ภูพานน้อย แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ขึ้นชื่ออีกแห่งของที่นี่ซึ่งห่างจากตัวเมืองเพียง 6 กิโลเมตรเท่านั้น
ภูพานน้อยเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน ที่ทอดตัวจากทิศตะวันออกของอำเภอเมืองหนองบัวลำภูไปทางทิศใต้ที่ภูเก้าของอำเภอโนนสัง มีเนื้อที่กว้างขวาง 35,000 ไร่ เนื่องจากตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงชัน ที่นี่จึงเป็นเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและมีความหลากหลายทางชีวภาพ
เมื่อเดินขึ้นมาที่นี่ สองข้างทางเต็มไปด้วยผืนป่าอันสมบูรณ์และร่มรื่น ไอความเย็นอันเป็นธรรมชาติของใบไม้ส่งสัมผัสถึงเราบางเบา ป่าที่นี่ประกอบไปด้วยป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ทั้งยังมีสมุนไพรขึ้นเองตามธรรมชาติ นอกจากนั้น ไฮไลต์ของที่ภูพานน้อยก็คือจุดชมทิวทัศน์บริเวณหน้าผา ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของจังหวัดหนองบัวลำภูได้อย่างกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
นอกจากนั้นที่นี่ยังมีหอดูดาวที่สร้างไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่สนใจการดูดาวด้วย ว่ากันว่าในหน้าหนาวฟ้าจะเปิดโล่ง อากาศเย็นๆ กับท้องฟ้าที่พร่างพรายไปด้วยดวงดาว เพียงแค่จินตนาการความอบอุ่นก็มาเยือนในหัวใจเราเสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ใต้ทะเลดวงดาว เราก็ยังสามารถชมดวงดาวบนดินยามค่ำคืน ที่เกิดจากแสงไฟฟ้าระยิบระยับของตัวเมืองหนองบัวลำภูที่อยู่เบื้องล่างได้อีกด้วย
แวะสักการะพระอนุสาวรีย์และศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ว่ากันว่าจะเข้าไปเหยียบเมืองไหน เราก็ควรแวะไปสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนั้นเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยสักหน่อย จังหวัดหนองบัวลำภูนอกจากจะเป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ศาสนสถานหรือโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของที่นี่ก็ยังดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักเดินทางสายประวัติศาสตร์ให้เข้ามาเยี่ยมเยียน สักการะ ไม่ขาดสาย
ย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ หนองบัวลำภูเป็นดินแดนที่มีส่วนถูกจารึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาติไทยตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาในการต่อสู้กับข้าศึกเพื่อปกป้องแผ่นดิน โดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเคยยกกองทัพและเสด็จมายังพื้นที่ที่เป็นจังหวัดหนองบัวลำภูในปัจจุบันเมื่อ พ.ศ. 2117 และเพื่อเป็นการจารึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ จึงได้มีการสร้างพระอนุสาวรีย์และศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ โดยในวันที่ 25 มกราคม ถึง 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ทางจังหวัดจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองและมีพิธีถวายสักการะบวงสรวงดวงวิญญาณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชด้วย
เพียงแค่ก้าวเท้าเข้ามาในบริเวณนี้ เราก็สัมผัสได้ถึงความขรึมขลัง และเต็มไปด้วยความหลังแห่งประวัติศาสตร์ อาคารที่สร้างเป็นศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตั้งตระหง่านอยู่บนลานกว้าง ล้อมรอบด้วยกำแพงอิฐและขั้นบันไดที่สวยงาม หากเดินไปทางทิศตะวันออกของริมหนองบัวก็ยังจะได้ยลรูปปั้นขนาดเท่าพระองค์จริง
หากเดินจนเมื่อย ที่นี่ยังมีจุดพักผ่อนหย่อนใจอย่างหนองน้ำ “หนองบัว” ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง หนองน้ำกว้างใหญ่ โอบล้อมด้วยความสงบเรียบง่าย และต้นไม้ร่มรื่น ในอดีตที่หนองนี้เคยมีดอกบัวหลวงขึ้นอยู่จนเต็ม และถูกใช้เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาด้วย
สำหรับนักเดินทางที่รักและอยากสัมผัสความเป็นอีสานอิงประวัติศาสตร์ เราเชื่อว่าที่แห่งนี้น่าจะทำให้คุณเข้าใจถึงความลึกซึ้งในความเป็นมาของดินแดนแห่งนี้ได้มากขึ้น
เดินเสาะหาของกินและวัตถุดิบอย่างคึกคักที่ลานค้าห้วยเดื่อ
ในทุกจุดหมายของการเดินทาง สิ่งที่ต้องถูกบรรจุลงในลิสต์ที่ต้องทำนั่นคือการแวะเยี่ยมเยียนเสาะหาของกิน โดยเฉพาะของกินที่ถูกนำมาประกอบอาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่น หรือวัตถุดิบหายาก ที่มีในเฉพาะพื้นที่นั้นๆ ในหลายครั้งเราทานอาหารโดยไม่รู้เรื่องราวที่มา แม้เราจะรับรู้ได้ว่าอาหารอร่อย แต่เสน่ห์ในเบื้องหลังของอาหารนั้นอาจทำให้ความประทับใจเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อยได้เช่นกัน เราเชื่อเช่นนั้น
หากเดินทางผ่านริมถนนสายหลัก อุดรธานี-เลย มีจุดหมายปลายทางหนึ่งที่ควรค่าแก่การแวะสัมผัส ที่แห่งนั้นคือ ลานค้าชุมชนห้วยเดื่อ ที่บ้านห้วยเดื่อ ลานค้าแห่งนี้แต่เดิมตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียง เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มเกษตรกร และเริ่มจำหน่ายสินค้าทางการตลาดตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา ก่อนจะย้ายที่ตั้งมาบริเวณใหม่บนเนื้อที่ถึง 7 ไร่ ทำให้สามารถจัดให้มีห้องน้ำและลานจอดรถที่กว้างขวางสำหรับรองรับความสะดวกสบายของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนตลาดแห่งนี้ได้
นอกจากวิถีชุมชนของพ่อค้าแม่ขายที่เป็นเกษตรกร และชาวบ้านของที่นี่ สิ่งที่เป็นเสน่ห์และกลายเป็นอัตลักษณ์ของลานค้าชุมชนห้วยเดื่อก็คือความเป็นชุมชน ผลผลิตและสินค้าทั้งหมดที่นำมาขายนั้นเป็นของคนในชุมชนจริงๆ โดยไม่ได้ผ่านพ่อค้าคนกลางแต่อย่างใด
เราเดินเข้าในลานค้าด้วยหัวใจพองโต การที่เบื้องหน้าและรอบข้างมีวัตถุดิบทางการเกษตร พืชผัก อาหารการกิน และพ่อค้าแม่ค้าชาวบ้านส่งเสียงร้องเรียก บ้างพูดคุย ทำให้เรารู้สึกว่าได้มาสัมผัสถึงความเป็นวิถีชุมชนอย่างแท้จริง ภายในลานค้ากว้างขวาง และถูกจัดแบ่งสัดส่วนคล้ายหน้าตาของตลาดทั่วไป แต่ความน่ารักของที่นี่คือ พ่อค้าแม่ค้า จะนำผลิตผลหรือวัตถุดิบของตนเองวางบนโต๊ะขาย และปูเสื่อนั่งอยู่บนโต๊ะเสียเลย
เราสอดส่ายสายตาดูภายในตลาด เสน่ห์ของสินค้าที่นี่คือวัตถุดิบที่เกษตรกรปลูกและนำมาจำหน่ายเอง อาทิ พืชผักต่างๆ เห็ด มะระ เผือก ผักหวาน ถั่วฝักยาว หรือของหายากอย่างดอกกระเจียวสีสวยต้นอวบที่นิยมเอาไปลอกก้านแข็งออก แล้วผัดใส่ไข่มดแดง รสเผ็ดอ่อนๆ เหมือนข่าแดงจากดอกกระเจียว กับรสหวานนิดๆ ของไข่มดแดง พร้อมข้าวสวยร้อนๆ สักจาน รับรองต้องอุทานว่าแซ่บ พืชผักอีกชนิดที่เราสังเกตเห็นค่อนข้างเยอะก็คือหน่อไม้ แน่นอนว่าเมื่อเห็นแล้วก็ต้องนึกถึงซุปหน่อไม้ เมนูที่โปรดปรานของชาวอีสานและคออาหารอีสาน นอกจากจะได้เคี้ยวเนื้อรสหวานละมุนของหน่อไม้แล้ว ยังได้ซดซุปแซ่บๆ ไปพร้อมกันอีกด้วย
นอกจากผลิตผลทางการเกษตรที่เป็นพืชผักแล้ว ที่นี่ยังมีวัตถุดิบอื่นๆ ด้วย เช่น รังผึ้ง แมลงทอด หอยขม และหนังควายจี่ โดยเฉพาะอย่างหลังที่นิยมนำไปล้างและแล่เป็นเส้นๆ ปรุงด้วย เกลือ รำข้าวแก่ หมักไว้ 1 คืน แล้วนำมาย่างไฟหรือตากแดดจนแห้ง มัดเป็นพวงๆ และนำมาทำเมนูอาหารได้หลากหลาย เช่นต้มให้เปื่อย หั่นเป็นชิ้นๆ ทำแกงอ่อม หรือแกงใส่ขี้เหล็ก
สิ่งที่ทำให้เรารักลานค้าห้วยเดื่อแห่งนี้ อาจไม่ใช่เพียงแค่บรรยากาศหรือผลิตผลที่สามารถนำไปประกอบอาหารแซ่บๆ เพียงเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ลานค้าแห่งนี้มีเสน่ห์ก็คือผู้คน รอยยิ้ม และชุมชนที่รวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง จนสามารถสร้างวิถีชีวิตอันเป็นอัตลักษณ์อย่างที่ลานค้าห้วยเดื่อทำได้ ดั่งที่เขามักพูดเสมอ ที่ไหนชุมชนเข้มแข็ง ที่นั่นล้วนเต็มไปด้วยความสุข
แม้ช่วงเวลาที่เราได้มาสัมผัสผืนดินถิ่นอีสานเหนืออย่างจังหวัดหนองบัวลำภูแห่งนี้จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ แต่สิ่งที่เราได้สัมผัสและได้พบเห็นล้วนถูกบันทึกอยู่ในความทรงจำที่เราไม่อยากจะลืมไปอีกแสนนาน และคาดหวังว่าเราจะมีโอกาสได้มาพบกันอีกที่นี่ พร้อมกับค้นพบความหมายอันลึกซึ้งที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้จะส่งต่อมาให้เราอีก