ห้องซ้อมดนตรีที่ถูกรีโนเวตแบบง่ายๆ แต่ครบครันไปด้วยอุปกรณ์สำหรับอัดเพลง มิกซ์เสียง บนชั้นสองของบ้านหลังหนึ่งในซอยเล็กๆ บริเวณถนนเจริญรัถกำลังอบอวลไปด้วยบรรยากาศของซาวนด์ดนตรีป๊อปฟังดูสบาย
บ้านหลังนี้เป็นบ้านญาติของ ‘ฮอล’ – ชนะพล พงษ์วิรัช มือเบส ของ PILLS วงดนตรีอินดี้ป๊อปหน้าใหม่ ที่มีผลงานกำลังไต่อันดับชวนจับตามองแห่งค่าย SPICYDISC ซึ่งมีสมาชิกหลักอีกสองคนคือ ‘บอย’ – สุรัตน์ รุ่งพุทธิกุล นักร้องนำ และ ‘ยุ่น’ – นาราภัทร ปทุมาภา มือกีตาร์ สามหนุ่มจากรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ถ้ามองบ้านหลังนี้จากภายนอกก็คงเหมือนบ้านหลังอื่นๆ ในย่านนี้ ที่มีกลิ่นอายของอาคารเก่า จากอายุการใช้งานที่ยาวนาน และบรรยากาศบ้านคนไทยเชื้อสายจีนที่อพยพกันมาตั้งแต่รุ่นเสื่อผืนหมอนใบ
บริเวณห้องหนึ่งบนชั้นสองของบ้านถูกเปลี่ยนเป็นห้องซ้อมดนตรี ที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ดูโดดเด่นในสไตล์โมเดิร์น ด้วยเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ถูกคัดสรรมาวางไว้ จำพวกหนังสือดนตรี รูปถ่าย โน้ตเพลง รวมไปถึงอุปกรณ์ดนตรี ตามรสนิยมของศิลปิน ซึ่งสมาชิกวง PILLS จะใช้ห้องซ้อมของบ้านหลังนี้เป็นที่รวมตัวในการซ้อมเพลง ประชุมงาน และอัดเดโมเพลงต่างๆ สำหรับงานดนตรีของพวกเขา
มารวมตัวซ้อมกันที่นี่บ่อยแค่ไหน? –เราถาม
“ปกติเจอกันทุกวัน แต่ถ้าเป็นช่วงที่ทำเพลงหรือซ้อมดนตรี ก็จะมารวมตัวกันที่บ้านหลังนี้กันบ่อยหน่อยครับ” บอย นักร้องนำของวงว่าอย่างนั้น
“จริงๆ ผมเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ตอนเรียนมหาวิทยาลัยช่วงประมาณปีสามปีสี่ แต่ก่อนที่นี่ทำเป็นโรงจอดรถ ข้างล่างเป็นที่จอดรถ ข้างบนไว้ใช้เก็บของ ถ้าสังเกตตอนเดินเข้ามายังมีของที่เก็บไว้วางอยู่เลย แล้วถ้าเดินถัดจากบ้านไปอีกไม่เท่าไหร่ก็จะเจอร้านเครื่องหนังที่เป็นกิจการของบ้านผมครับ” ฮอล เจ้าของบ้านกล่าวเสริม
“เราเลือกที่นี่เป็นจุดศูนย์กลางของการรวมตัว อย่างบอยบ้านอยู่ปิ่นเกล้า ส่วนผมก็อยู่บางกรวย เลยมาที่นี่กันไม่ยาก เวลามาซ้อมที่บ้านก็สบายๆ เลย เอากีตาร์ เบส มาวางแล้วเล่น เพราะเราก็มีกันแค่สามคน ไม่ต้องทำอะไรยุ่งยาก” ยุ่น มือเบสที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบอกกับเรา
ก่อนที่จะออกตระเวนไปในย่านที่พวกเขาคุ้นเคย ไหนๆ ก็ได้มาเยี่ยมเยียนห้องซ้อมของศิลปินแล้ว เราจึงขอให้ทั้งวงซ้อมดนตรีให้ฟังสักหน่อย ทันทีที่ได้ยิน หนุ่มๆ ทั้งสามก็รีบหยิบเครื่องดนตรีประจำกายมาพร้อมเพรียง ก่อนจะบรรเลงเพลงอย่าง ‘ยังอยู่ที่เดิม’ และ ‘Rewind’ ที่เป็นซิงเกิลล่าสุดให้เราฟังกันสดๆ
ความรู้สึกที่ว่าเราได้มีเพลงเป็นของตัวเองจริงๆ แล้วมันเป็นยังไง –เราสงสัย
“ดีใจครับ ดีใจแบบตื้นตัน รู้สึกว่าเราได้ก้าวเข้ามานับหนึ่งในโลกดนตรีของจริงแล้ว” ทุกคนตอบพร้อมรอยยิ้มอันสดใส เราและ PILLS ช่วยกันเก็บอุปกรณ์กลับเข้าที่ จัดแจงข้าวของเครื่องใช้ กระชับเป้ พร้อมออกเดินทาง
และนี่คือบันทึกหนึ่งวันบนถนนเจริญรัถของ a day BULLETIN และ วง PILLS สามหนุ่มเจ้าถิ่น
ชีวิตยามบ่ายบนถนนเจริญรัถ
แสงแดดยามบ่ายของกรุงเทพฯ ยังคงร้อนแรงเสมอ จุดหมายปลายทางแรกที่ PILLS จะพาเราไปคือ ยงกิจค้าหนัง ร้านขายหนังที่เป็นกิจการของครอบครัวฮอล ซึ่งอยู่ถัดจากบ้านเพียงไม่กี่ก้าว ภายในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นของหนังอันเป็นเอกลักษณ์ และม้วนหนังหลากสีหลายชิ้นที่รอการจับจ่ายไปแปลงเป็นสินค้ารูปแบบต่างๆ
ฮอล: ร้านนี้น่าจะตั้งประมาณ 40-50 ปีมาแล้ว ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าของผมเลย เขาทำมาเรื่อยๆ แล้วก็ปรับปรุงไปด้วย ร้านก็เลยจะไม่ได้ดูเก่ามาก ตอนแรกสมัยที่คุณแม่ยังเด็กๆ ครอบครัวของผมที่อยู่หาดใหญ่ แล้วพี่ของคุณแม่ผมเขาก็ย้ายเข้ามาย่านนี้ มาเรียนทำหนัง เป็นลูกมือทำรองเท้า จนก่อร่างสร้างตัวแล้วเปิดร้านขายหนังของตัวเองได้” ฮอลเล่าย้อนถึงความเป็นมาของธุรกิจครอบครัว
เหตุใดย่านนี้จึงเต็มไปด้วยร้านค้าหนัง
ฮอล: มันเป็นย่านขายเครื่องหนังเก่าแก่ ตั้งแต่แรกๆ แถวนี้คนส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนหมดเลย แล้วหนังที่ร้านก็สั่งจากจีนมา น่าจะเกิน 40-50 ปีแล้ว คนเขาบอกว่าถ้าขายผ้าก็พาหุรัด ถ้าซื้อหนังก็ต้องเจริญรัถ แต่ก่อนร้านขายหนังก็ไม่เยอะขนาดนี้ แต่เดี๋ยวนี้มีร้านผุดขึ้นมากมายเต็มไปหมด มีร้านสอนเวิร์กช็อปทำหนัง งานแฮนด์คราฟต์ เหมือนมีการต่อยอดขึ้นมาเรื่อยๆ มีร้านสกรีน ทุกวันนี้คือสามารถจบงานได้ที่นี่เลย ตั้งแต่เลือกหนัง ตัดหนัง จนเสร็จเป็นชิ้นงาน
บอย: ผมก็เคยมาซื้อหนังที่ร้านของฮอลไปตัดทำแบรนด์ของตัวเองเหมือนกัน
แล้วเป็นยังไง?
บอย: ขายไม่ออกเลย (หัวเราะ)
ความเปลี่ยนแปลงที่เติมแต่งชีวิตชีวาให้ย่านเก่า ระหว่างเดินบนทางเท้าสำรวจหนทางและร้านค้ารอบข้างไปเรื่อย เราสังเกตเห็นวัยรุ่นหลายคนเดินเล่นอยู่ในย่านนี้ บ้างก็เข้าไปเดินดูในร้านหนัง บ้างก็เดินเล่นดูของเรื่อยเปื่อยเหมือนกับเรา เราจึงสงสัยว่าย่านเก่าแบบนี้ทำไมถึงได้มีคนรุ่นวัยหนุ่มสาวเดินเล่นกันเยอะแยะ แทนที่จะไปเดินตามห้างสรรพสินค้าหรือย่านฮิปๆ ที่น่าจะเหมาะกับวัยและบุคลิกของพวกเขามากกว่า
ฮอล: แต่ก่อนตอนผมเด็กๆ ยังไม่มีรถไฟฟ้ามาลงก็ไม่ได้มีวัยรุ่นเยอะเหมือนตอนนี้ แต่พอมีรถไฟฟ้าปุ๊ป เหมือนนักศึกษาก็มาง่ายขึ้น ส่วนใหญ่นักศึกษาที่เห็นมาเดินในย่านนี้คือนักศึกษาที่เรียนด้านแฟชั่นนะ เขาชอบมาเดินเลือกซื้อของไปทำงานกัน
ยุ่น: ส่วนใหญ่ที่ผมเห็น คนที่ทำเครื่องหนังแบรนด์ตัวเองก็จะมาเลือกซื้อในย่านนี้แหละ ผมว่าวัยรุ่นเยอะพอสมควรเลย นักศึกษาหรือคนที่อยากเริ่มทำแบรนด์ของตัวเองเขาก็มักมาเดินเล่นย่านนี้ เพราะอย่างที่บอก ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องหนังสามารถจบได้ที่นี่
ถือเป็นข้อดีใช่ไหม?
บอย: ผมว่าเป็นข้อดี พอมีคนมาเยอะๆ เราสามารถสังเกตความเป็นไปจากคนเหล่านี้ได้ด้วยนะ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น เราก็จะรู้ว่าเทรนด์อะไรกำลังมา ดูได้จากการเลือกซื้อของหรือจากการแต่งตัวของเขา
ฮอล: อีกอย่างคือพอคนมาเยอะ ร้านผมก็ขายของได้ (หัวเราะ)
แล้วไม่กลัวความเจริญที่มากเกินไปจะเข้ามาแล้วค่อยๆ กลืนกินกลิ่นอายความดั้งเดิมของย่านนี้ไปเหรอ
ฮอล: ผมกลับมองเป็นข้อดีมากกว่า เพราะร้านค้าก็ขายได้มากขึ้น ที่สำคัญร้านค้าเองก็ต้องแอ็กทีฟมากขึ้นด้วย ต้องปรับตัว เพราะคู่แข่งก็เยอะขึ้น แล้วจะมีห้างฯ มาเปิดใหม่ด้วยตรงคลองสานใกล้ๆ ย่านนี้ บรรยากาศดีมากอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาเลย แล้วมีเรือยอร์ชมาจอดเทียบท่าเพื่อพานักท่องเที่ยวขึ้นห้างฯ ที่ติดกันด้วย มีรถไฟฟ้าสายใหม่มาลงอีก ก็น่าจะคึกคักขึ้นไปอีก เพราะตอนแรกถนนเจริญรัถจะเจริญแค่ข้างหน้า เพราะมีตลาดอยู่ข้างหน้า แต่ท้ายๆ ซอยจะคนน้อยมาก
ยุ่น: อีกอย่างผมว่าเป็นข้อดีของย่านที่เจริญนะ เพราะร้านขายของก็จะมารวมกัน ของกินก็จะหาง่าย อย่างผมเคยอยู่ย่านเยาวราชมาก่อน ผมก็จะรู้ว่าเยาวราชหาของกินง่าย หาของช้อปปิ้งง่าย มีของมาลงหมด แต่พอผมย้ายไปอยู่นอกเมืองแถวนนทบุรี ก็จะเจอปัญหาเรื่องหาของกินยากเหมือนกัน ห้างก็จะน้อย
บอย: พอย่านนี้คึกคัก มีวัยรุ่น มีคนหนุ่มสาวเข้ามาเดินเยอะ ก็มีพวกคาเฟ่เปิดใหม่ด้วย หลายที่เลย เพราะพอมีรถไฟฟ้า คอนโดฯ ก็ขึ้นเยอะมาก วัยรุ่นเขาก็จะมากันเยอะขึ้นตาม
ฮอล: แต่จะมีปัญหานิดหนึ่งเรื่องการจอดรถ หายากมาก อย่างผมขนาดอยู่ที่นี่ยังต้องไปเช่าที่จอดรถใกล้ๆ บ้านเลย
ยุ่น: ผมก็มีปัญหาเรื่องการจอดรถนี่แหละ เวลามาจอดบ้านฮอล จอดได้สักพักก็ต้องไปเลื่อน เพราะมีคนขับรถยนต์เข้าซอยมา อย่างที่บอก พอคนเริ่มเข้ามาย่านนี้เยอะ จากที่จอดน้อยอยู่แล้ว ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เราสังเกตว่าถนนย่านนี้ค่อนข้างมีขนาดเล็ก แถมยังมีรถสัญจรไปมาเยอะพอสมควร การจะหาที่จอดรถริมทางเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่คนจึงมักเลาะเลี้ยวเข้าตามตรอกซอกซอยเพื่อหาที่จอดรถ
ลมหายใจของเจริญรัถไม่ใช่คนแก่… แต่ก็ไม่ใช่เด็ก
พอเริ่มเข้าสู่ช่วงบ่ายแก่ อยู่ๆ ฝนที่ตั้งเค้ามาสักพักใหญ่ก็เริ่มโปรยปราย เริ่มจากเม็ดเล็ก ก่อนที่จะหนักขึ้นจนกลายเป็นตกกระหน่ำ เรากับ PILLS ที่กำลังจะเดินไปหาของกินกันจึงต้องหยุดหลบอยู่หน้าร้านค้าเพื่อรอให้ฝนหยุด ไอละอองฝนที่เย็นทำให้ความร้อนระอุของแดดยามบ่ายลดลงไปได้เยอะ
บอย: นี่เป็นการพาเดินเที่ยวครั้งแรกเลย ปกติพวกเราแค่ให้สัมภาษณ์ธรรมดา แต่ไม่เคยพาเดินเที่ยวขนาดนี้
ยุ่น: จริงๆ เราน่าจะทำช่องพาเที่ยวของ PILLS ใน Vlog นะ น่าสนุกดี (หัวเราะ)
ภายใต้เสียงฝน บทสนทนาของสมาชิกทั้งสามมุ่งไปสู่เรื่องของเทคโนโลยีที่รองรับความสะดวกสบายของสื่อยุคปัจจุบัน เราฟังพวกเขาพูดคุยท่ามกลางเสียงฝนตกที่ยังกระหน่ำแล้วพลันก็นึกขึ้นได้ว่าพวกเขาเองก็เป็นวงดนตรีหน้าใหม่ในยุคแห่งความสะดวกสบายของการทำเพลงที่เปิดโอกาสให้ใครก็ได้นำเสนอรูปแบบความคิดและความรู้สึกผ่านเสียงเพลงได้อย่างง่ายดาย
การเป็นศิลปินในยุคนี้สำหรับ PILLS มีความยากง่ายยังไง วงพวกคุณอยู่ในวงการด้วยลมหายใจแบบไหน?
ฮอล: ถ้าในการทำเพลง เรามองว่ายุคก่อนอาจจะทำเพลงยากกว่า แต่ดังง่ายกว่า เพราะมีวงในตลาดน้อยกว่า แล้วช่องทางการฟังเพลงน้อยกว่า แต่เดี๋ยวนี้ทำเพลงง่าย ใครก็ทำได้ คู่แข่งเพียบเลย ในตลาดมีวงมากมายเกิดขึ้นเป็นสิบเป็นร้อย ดังนั้นเราก็มีความยากแตกต่างกันไปในแต่ละยุค
บอย: แล้วทุกอย่างมาไวไปไวมาก สมมติเราปล่อยเพลงเดือนนี้ เดือนหน้ามีวงปล่อยเพลงใหม่อีก เพลงวงเราก็มีโอกาสถูกดันออกไปอีก ซึ่งคู่แข่งเยอะมาก ถ้าไม่ดีจริงก็อยู่ไม่รอด เราเองก็เลยต้องหาแนวทางของดนตรีของวงให้เจอ ที่สำคัญคือเราตั้งใจกันแล้วว่าจะทำดนตรีให้เป็นอาชีพหลักของเรา นั่นคือคำตอบที่ถามว่าลมหายใจของ PILLS คืออะไร เพราะแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่มหาวิทยาลัยมา สิ่งที่พวกเราทุกคนโฟกัสมากที่สุดคือเรื่องดนตรี
แล้วในฐานะของถนนเจริญรัถเส้นนี้ล่ะ ลมหายใจของที่นี่คือลมหายใจแบบไหน
ฮอล: ผมว่าไม่ใช่คนแก่ และก็ไม่ใช่เด็ก แต่เป็นคนหนุ่มสาว อย่างที่บอกว่าส่วนใหญ่คนที่มาเดินที่นี่คือคนหนุ่มสาวที่มีฝันอยากทำแบรนด์ของตนเองมาเลือกจับจ่ายซื้อของ พอคนหนุ่มสาวมา ความคึกคักก็ตามมา ลมหายใจของที่นี่ก็ปรับตาม นอกจากร้านเครื่องหนังที่อยู่มานานแล้ว ร้านอาหาร คาเฟ่ใหม่ๆ ก็เปิดตาม ทำให้ถนนเจริญรัถดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
หลังพูดคุยกันเสร็จสักพักใหญ่ ราวกับสายฝนตอบรับคำร้องขอในใจของเรา ฝนเริ่มซาลงจนกระทั่งหยุดสนิทในไม่นาน เพราะหากไม่หยุดตก เราคงไม่สามารถทำงานกันต่อไปได้ แต่เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงช่วงบ่ายค่อนเย็นแล้ว ซึ่งนั่นกลับกลายเป็นสิ่งที่ดี เพราะรอบข้างเราเริ่มเห็นสัญญาณของร้านอาหาร และแผงลอยขายอาหารที่เริ่มตั้งกันแล้ว
เจริญท้องในย่านเจริญรัถด้วยของกินหลากหลายร้าน
นอกจากฮอลที่เป็นเจ้าถิ่นแล้ว สมาชิกอีกสองคนคือบอยกับยุ่นที่ได้มีโอกาสมาคลุกคลีกับย่านนี้ในช่วงที่วง PILLS ขมักเขม้นกับการทำเพลง พวกเขาย้ำกับเราว่าย่านเจริญรัถนอกจากจะเป็นเหมือนจุดศูนย์รวมของบรรดาเครื่องหนังแล้ว เรื่องของอาหารการกินในย่านนี้ยังเรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์ ร้านอาหาร คาเฟ่ หรือแผงลอย ที่มีของกินอร่อยๆ ต่างทยอยกันเปิดเต็มถนนสองฟากฝั่ง
บอย: นอกจากซ้อมดนตรี ทำเพลง ก็เรื่องอาหารการกินนี่แหละที่ทำให้ผมรักย่านนี้ (หัวเราะ)
ยุ่น: ปกติพวกเราจะมานั่งกินข้าว นั่งคุยงานกันไปด้วย เราจะเริ่มทำเพลงกันตอนกลางคืน ประมาณ 2-3 ทุ่ม เสร็จบางทีตีสองตีสาม ก็ออกไปหาอะไรกินกันต่อ ซึ่งก็จะมีร้านที่เปิดดึกๆ ที่เราชอบไป เพราะว่ากลางวันหาที่จอดรถยาก แต่พอหลังหกโมงไป ร้านหนังก็ปิดกันหมด ถนนเริ่มโล่ง จะมีที่จอดรถได้
ร้านแรกที่เรามาถึงคือ ร้านหอยแครงลวกเจ๊ภา ร้านนี้ไม่ได้มีร้านรวงเป็นที่ทาง แต่เป็นรถเข็นริมทางที่ขายมานานถึง 37 ปี และขายเพียงแค่หอยแครงลวกอย่างเดียว รถเข็นเล็กๆ จะจอดพร้อมกับหอยแครงอวบอ้วนที่กองเป็นพะเนินอยู่ตรงหน้า และมีเก้าอี้ให้นั่งตรงด้านหน้ารถเข็น
บอย: ร้านนี้ถือเป็นสตรีทฟู้ดที่เราชอบมาก ฮอลเป็นคนแนะนำ ง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตอง นั่งลงแล้วสั่งว่าจะเอาสุกปกติหรือสุกน้อย เอาราคาเท่าไหร่ หอยแครงลวกของที่นี่สดมาก ที่สำคัญที่สุดคือน้ำจิ้มหอยแครงที่มีสามอย่างให้เลือก อันแรกคือน้ำจิ้มปกติที่มีรสเปรี้ยว หวาน เผ็ด ถ้าอยากได้เปรี้ยวแซ่บกว่านั้นก็เลือกน้ำจิ้มซีฟู้ด แต่ถ้าอยากได้หวานหน่อยก็สั่งน้ำจิ้มเผ็ดน้อย แต่รับรองเลยว่าทุกจานแซ่บถึงใจ
สมาชิกทั้งสามบอกกับเราว่านี่เป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม ของเด็ดมันต่อจากนี้ – พวกเขายืนยันหนักแน่น
ร้านถัดไปที่เรามาถึงคือ สมศักดิ์ปูอบ ณ ตอนนั้นแสงอาทิตย์คล้อยต่ำลงไปแล้ว รถราบนถนนเริ่มเยอะอีกครั้ง ร้านนี้สมาชิกวง PILLS ทั้งสามบอกกับเราว่าถ้ามาย่านนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด โดยเฉพาะเมนูปูอบวุ้นเส้น ที่ต้องบอกว่าฝีมือการอบของร้านนี้ขึ้นชื่อมาก ทำให้มีคนมาต่อคิวเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางทีต้องรอกันนานนับชั่วโมงเลย
ฮอล: ผมบอกได้แค่ว่า ถ้าได้กินแล้วจะลืมปูอบวุ้นเส้นที่เคยกินมาทั้งหมดในชีวิต ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่าที่นี่เป็นสาขาแรก เปิดมานานมาก กินกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อของผมแล้ว ถึงจะเป็นร้านริมถนนแต่อร่อยมาก แล้วเวลามาบางทีก็ต้องรอให้ร้านเครื่องหนังเขาปิดกันหมดก่อน ถึงจะเอาโต๊ะมาเพิ่มได้ บางทีต้องรอเป็นชั่วโมง แต่ก็คุ้มค่าที่รอ ถ้ามาเย็นเกินไปจะเห็นคนที่รอมากินร้านนี้เยอะมาก
บอย: กลิ่นหอมของเส้น ปู และกลิ่นไหม้นิดๆ ตรงก้นหม้อจะตลบอบอวล ถ้าเป็นปูจะเนื้อหวาน ถ้าเป็นกุ้งจะเนื้อแน่น รสชาติเข้มข้นด้วยพริกไทยกับเครื่องปรุง วุ้นเส้นนุ่มเหนียวพอดี เส้นไม่ได้จืดชืดเหมือนบางร้าน แต่เข้มข้นเคล้าไปกับรสชาติโดยรวมของเมนูนี้ และน้ำจิ้มก็อร่อยไม่แพ้กัน
หลังจากอาหารมาเสิร์ฟซึ่งเป็นเมนูกุ้งอบวุ้นเส้น เราไม่รอช้ารีบตักแบ่งใส่จานและลองชิม แค่คำแรกเท่านั้น บอกได้คำเดียวว่า ‘โคตรดี’ ประโยคที่พวกเขาบอกเราไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด
เสน่ห์ของร้านสตรีทฟู้ดพวกนี้คืออะไร
ฮอล: มันมีชีวิตอยู่ในนั้น อย่างที่บอก ถนนย่านนี้มีประวัติความเป็นมายาวนาน ร้านบางร้านอายุเป็นสี่สิบห้าสิบปีแล้วเขายังสามารถสืบทอดรสชาติดั้งเดิมในอดีตมาได้จนถึงทุกวันนี้ แล้วยังมีลูกค้าแวะเวียนมาประจำ ทั้งลูกค้าหน้าเก่าหรือลูกค้าหน้าใหม่อย่างพวกเรา มันเหมือนเป็นสะพานเชื่อมคนสองรุ่นได้เหมือนกันนะ
หลังตระเวนกินมาตลอดช่วงเย็น ฟ้าก็มืดลง ยามค่ำมาเยือน ร้านค้าหนังที่อยู่สองฟากฝั่งต่างทยอยปิดร้านจนหมด เปิดพื้นที่ให้กับร้านอาหารริมทาง รถเข็นค้าขาย ปลุกสีสันยามค่ำคืนให้คึกคัก ผู้คนต่างมุ่งหน้าสู่ร้านต่างๆ เพื่อเติมพลังหลังเลิกงาน ส่วนสมาชิกวง PILLS ทั้งสามยังคงมีพลังเต็มเปี่ยม พวกเขาพาเรามาถึงอีกร้านที่เป็นไฮไลต์ของวันนี้ คือ ร้านหนูหนูผัดไทนรกแตก ซึ่งเป็นผัดไทยเจ้าดังแห่งย่านเจริญรัถ
ฮอล: ผมยกให้ผัดไทยที่นี่อร่อยที่สุดในประเทศไทย (หัวเราะ) ผมได้กินตั้งแต่ร้านเขายังคนน้อยๆ แล้วตั้งอยู่อีกที่หนึ่ง จนย้ายมาที่นี่แล้วมีคนเต็มร้านเลย ถ้ามาช้ารับรองไม่มีที่นั่ง บางทีโทร.มาสั่งก็ต้องรอคิวเป็นชั่วโมง
ตอนนี้บริเวณร้านถูกจับจองไปด้วยผู้คนที่มากินเต็มทุกโต๊ะ โชคดีที่เราได้โต๊ะว่างโต๊ะสุดท้ายพอดี ส่วนด้านนอกร้านเป็นที่ตั้งของรถเข็นสำหรับประกอบอาหารกันให้เห็นสดๆ ถูกรายล้อมไปด้วยคนมาสั่งผัดไทยห่อกลับบ้าน ลีลาท่าทางการผัดอันคล่องแคล่วว่องไว การหยิบใส่เครื่องปรุง เสียงกระทะกระทบตะหลิว เสียงไฟที่ร้อนแรง ทำให้ผัดไทยดูน่าสนใจขึ้นมากทีเดียว
ฮอล: เจ้าของร้านคนที่ทำผัดไทยเป็นนักดนตรีด้วย เขาเคยเป็นมือกีตาร์มาก่อน แล้วเปลี่ยนมาทำผัดไทยเพราะเขาชอบกิน เรามากินตั้งแต่ตอนเราเรียนอยู่ เวลามาเขาเลยจำเราได้ แล้วเคยคุยกันถึงได้รู้ว่าต่างคนต่างเป็นนักดนตรี อีกอย่างพี่เขาเป็นคนตลก ลีลาก็เด็ดดวง บางทีวงเรามากิน พี่เขาก็จะตะโกนเชียร์วงเราให้แขกคนอื่นๆ ที่มากินที่ร้านด้วย
หลังจากผัดไทยมาเสิร์ฟตรงหน้าเราก็ต้องตะลึงกับความแน่นของเครื่องต่างๆ ที่นับดูแล้วน่าจะมีเกินห้าอย่างในจานนี้ ซึ่งแตกต่างจากผัดไทยปกติทั่วไปที่เราเคยทานอย่างแน่นอน
ยุ่น: ในผัดไทยเขาจัดมาเต็มมาก เครื่องแน่น กุ้งตัวใหญ่ แล้วมีเครื่องกรอบต่างๆ ท็อปปิ้งเพียบ ปลาหมึกกรอบปรุงรส ปลากรอบปรุงรส ทาโร่ เกี๊ยวกรอบ กุ้งแห้ง ถั่ว มะม่วงหิมพานต์ กับซอสสูตรเด็ดของร้าน แทบจะไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม จานใหญ่ขนาดนี้แต่ราคาไม่แพงเลย เรียกว่าเราสามคนมาจัดคนละจานก็อิ่มไปทั้งคืน
เราและสมาชิก PILLS นั่งสนทนากันบนโต๊ะอาหารอยู่อีกพักใหญ่ ฟ้ามืดลงสนิท แต่ผู้คนไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลง กลับยิ่งคึกคักขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาของเข็มนาฬิกาที่กระดิกเคลื่อนเพิ่ม ก่อนถึงเวลาแยกย้ายหลังมื้ออาหารในร้านสุดท้ายจบลง ภาพด้านหลังของสมาชิกวงดนตรีคนรุ่นใหม่ทั้งสามที่เยื้องย่างอยู่บนถนนเจริญรัถ ย่านเก่าที่มีเรื่องความเป็นมาอันยาวนานหลังจากร่ำลากันในยามค่ำคืนยังคงติดตรึงในใจเรา ดั่งภาพของลมหายใจแห่งอดีตที่ผสานกับลมหายใจแห่งอนาคตอย่างกลมกลืน
คงไม่ต่างจากในชีวิตจริงของพวกเขาที่กำลังก้าวเดินไปบนถนนสายดนตรี เพียงแต่สิ่งที่ต่างกันนั้นคงเป็นเรื่องที่ว่า ถนนที่พวกเขากำลังมุ่งไปนั้นไม่ใช่ถนนแห่งอดีต แต่เป็นถนนแห่งอนาคต