เราเองก็เคยมีความคิดแบบเด็กๆ ที่อยากใช้เวลาในต่างประเทศช่วงวันหยุดพักผ่อน เพราะคิดแบบเผินๆ ว่าเมืองไทยก็คือเมืองไทย การเที่ยวเมืองไทยจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้ยังไง แต่คนที่คิดแบบนี้คือคนที่ยังไม่เคยลองเที่ยวในประเทศอย่างจริงจัง
จริงๆ แล้วเมืองไทยยังมีอะไรอีกเยอะ ทั้งองค์ความรู้ดีๆ และวิถีชีวิตดั้งเดิม เหลือแค่รอเราเข้าไปค้นพบ เรียนรู้ และเข้าใจว่าประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้องอยู่ไกลตัวเสมอไปเช่นเดียวกับ 2 จังหวัดเด่นแห่งภาคตะวันออกอย่าง จันทบุรี และ ตราด
…
จันทบุรี
“ไปจันท์อีกแล้ว?” เสียงหนึ่งดังขึ้นระหว่างที่เราบอกกับเพื่อนว่าจะเดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดจันทบุรีอีกครั้ง ซึ่งใครที่ยังไม่เคยมาสัมผัสกับความน่ารักของเมืองนี้ อาจจะสงสัยเหมือนคนต้นเสียงนี้ว่า จะไปอะไรกันนักหนา ยังไม่ถึงช่วงที่ต้องไปสวดมนต์ที่เขาคิชฌกูฏเลยนี่นา โดยหารู้ไม่ว่าเมืองจันท์ยังมีของดีอีกตั้งหลายอย่างที่คนเมืองอย่างเราเห็นแล้วต้องตาโต
จันทบุรีเป็นจังหวัดที่ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไม่นานนัก ถ้าขับรถไปเองก็ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเศษๆ ซึ่งเราสามารถเข้าไปพักที่บ้านพักประวัติศาสตร์หลวงราชไมตรี Historic Inn เหตุผลที่เราแนะนำที่นี่ เพราะบ้านพักแห่งนี้มีอายุราวๆ 150 ปี และปรับปรุงเป็นห้องพักสไตล์คลาสสิก การได้เข้าพักที่นี่เหมือนเราได้ย้อนอดีตไปในตัว แถมบรรยากาศตอนเช้านั้นก็รื่นรมย์แบบสุดๆ เพราะบ้านพักหลังนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งชุมชนริมน้ำจันทบูรพอดี
ช่วงสายๆ คุณสามารถเดินชมชุมชนริมน้ำจันทบูรกันต่อได้เลย โดยสองข้างทางจะเป็นอาคารเก่าที่ยังคงรักษาความขลังเอาไว้ จะยืนจะนั่งถ่ายรูปตรงจุดไหนก็ได้ภาพดีๆ กลับไปทั้งหมด นั่นยังไม่นับของกินเล่นหรือของกินจริงจังที่ตั้งร้านเรียงรายอยู่ตลอดทางให้ได้เลือกชิม โดยเฉพาะขนมหากินยากอย่างขนมเทียน กลีบลำดวน ข้าวตัง เผือกทิพย์ หรือเสน่ห์จันทร์ ที่จะหมดก่อนใครเพื่อน ถ้าเจอเราจะรีบหยิบมาทันทีสองกล่อง
ส่วนใครที่อยากรู้ประวัติความเป็นมาของที่นี่ให้เดินไปบ้านเลขที่ 69 ศูนย์การเรียนรู้ริมน้ำจันทบูร ซึ่งเขาทำเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมบอกเล่าความเป็นมาของชุมชนนี้ ผ่านภาพถ่ายตั้งแต่อดีตของเหตุการณ์ต่างๆ และวิถีชีวิตของคนที่นี่ และเรายังสามารถไปเรียนรู้การทำพลอยที่ ‘บ้านร้อยสิบเก้า’ ได้ด้วย
จันทบุรีได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก เพราะมีทั้งป่าเขาและท้องทะเล ผลไม้ของที่นี่จึงไม่เป็นรองใคร ถ้ามีโอกาสก็อยากให้มาที่ชุมชนรักษ์เขาบายศรี ซึ่งเขาจะพาเราเที่ยวชมและเรียนรู้วิธีการทำสวนผลไม้ พร้อมทั้งชมต้นไม้อายุเก่าแก่กว่าร้อยปีอย่างต้นทุเรียนพันธุ์โบราณ หรือต้นมังคุดโบราณที่หาดูได้ยากมากในตอนนี้ แถมยังได้ผลไม้สดๆ ติดไม้ติดมือกลับไปจนเกือบหิ้วไม่ไหวกันเลยทีเดียว
เราพบว่าการพาตัวเองมาพบกับวิถีชีวิตของชุมชนที่น่ารักๆ แบบนี้จะกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ และเชื่อว่าถ้าใครได้มีโอกาสมาเยือนจังหวัดนี้แบบเรา ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “จะกลับไปจันทบุรีอีกครั้ง” แน่นอน
…
ตราด
การเดินทางมาที่ชุมชนน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ถึงแม้จะใช้เวลาเกือบๆ 5 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ อาจดูเหมือนจะนานไปสักหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อไปถึงแล้วไม่ว่าใครก็จะต้องหลงรักที่นี่อย่างแน่นอน เพราะชุมชนน้ำเชี่ยวแห่งนี้เป็นที่รวมของคน 2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม มีทั้งคนที่นับถือศาสนาพุทธและอิสลาม ชาวบ้านในชุมชนมีทั้งคนไทย คนจีน และชาวมุสลิมอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างปรองดอง บางคนก็ยืนคุยกันอย่างยิ้มแย้มระหว่างที่รอคิวซื้อกล้วยปิ้งเจ้าดัง
เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่อยู่ในชุมชนน้ำเชี่ยวคือเรื่องของการเย็บงอบ (คนที่นี่เรียกว่า ‘เหละ’) ซึ่งก็คือหมวกปีกกว้างขนาดใหญ่ทำจากใบจาก
โดย คุณยายสังวร เสนะโกวร มือวางอันดับหนึ่งในการเย็บงอบ บอกกับเราว่า “งอบมีการคิดรูปทรงไว้หลายแบบเพื่อให้เหมาะสมกับอาชีพที่สวมใส่ อย่างคนทำสวนก็จะใช้งอบทรงกระทะคว่ำ เพราะมีปีกกว้าง สามารถบังแดดได้ดี”
ความดีเด่นของงอบนี้ทำให้ชุมชนน้ำเชี่ยวได้รับการคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้าน OVC (OTOP Village Champion) จากกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยอีกด้ว
หลังจากที่เติมพลังด้วยกล้วยปิ้ง และข้าวเกรียบยาหน้า ข้าวเกรียบที่ใช้แป้งข้าวเจ้าและแป้งมันผสมกัน นำไปปิ้งให้เหลืองกรอบก่อนจะโรยหน้าด้วยน้ำตาลอ้อยเคี่ยว กุ้งสับที่ผัดกับมะพร้าว และต้นหอม เราก็เดินไปลงเรือเพื่อเยี่ยมชมป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ โดยได้เด็กๆ ในหมู่บ้านที่มาอาสาเป็นมัคคุเทศก์พาเราล่องเรือไปด้วยกัน พร้อมทั้งแนะนำวิธีจับหอยปากเป็ดกับเรา ซึ่งกว่าจะรู้ตัวเราก็งมหอยจนเพลิน และเก็บกลับมาใช้ทำเป็นกับข้าวมื้อเย็นได้ตั้งหลายตัว
เรานั่งเรือมาอีกไม่ไกลก็มาถึงจุดหมายของวันนี้ นั่นคือหาดทรายสีดำ (โดยสีดำนี้มาจากแร่ไลมอไนต์) สถานที่แห่งความมหัศจรรย์ เพราะหาดทรายสีดำนั้นมีเพียงแค่ 5 แห่งในโลกเท่านั้น และยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์แปลกตาอย่างปลาตีน หอยขี้ค้อน และปูแสม ซึ่งเขาได้จัดที่ไว้ให้เราได้นั่งทอดหุ่ยชมบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกดินอย่างเพลินๆ ไปด้วย หรือใครจะลองเอาตัวเองไปคลุกกับทรายสีดำริมชายหาดก็สนุกไม่แพ้กัน
เดิมทีภาพในหัวของเราที่มีต่อจังหวัดตราดคือจังหวัดเล็กๆ ที่ไม่น่าจะมีอะไรให้เที่ยวมากมาย แต่จากการเดินทางมาเยี่ยมเยือนในครั้งนี้ เราพบว่าตราดยังมีสถานที่น่าสนใจอีกมากมายรอเราอยู่ แล้วเจอกันใหม่อีกไม่นาน