การทำงานในยุคนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปจนแทบที่จะเรียกว่าพลิกตำรากันเลยก็ว่าได้ จากเดิมที่เรานั่งทำงานในออฟฟิศเป็นหลัก อาจจะมีออกไปข้างนอกเพื่อทำสัมภาษณ์หรือสำรวจหาข้อมูลมาทำงานบ้างเป็นบางครั้ง แต่อย่างไรก็ตามยังไงก็ต้องกลับมาจบงานในออฟฟิศอยู่ดี เมื่อการทำคอนเทนต์เปลี่ยนไป เทคโนโลยีที่สะดวกรวดเร็วขึ้น การทำงานก็ต้องปรับตามไปด้วย ไม่เพียงแต่งานสายครีเอทีฟเท่านั้นที่ต้องทำงานนอกสถานที่กันถี่ขึ้น เราเชื่อว่าสายงานอื่นตอนนี้ก็มีการทำงานข้างนอกกันเกือบทั้งนั้น ซึ่งบางครั้งหลายคนก็จำเป็นต้องจบและส่งงานแบบออนไลน์กันเลย
เมื่อเทรนด์การทำงานที่เรียกว่า nomadic หรือวัฒนธรรมการทำงาน ‘ทางไกล’ แบบไม่ต้องเข้าออฟฟิศกำลังเติบโตอย่างพุ่งพรวดทั่วโลก เพราะการทำงานแบบนี้สอดรับกับแนวคิดที่ว่า ตอนนี้เราไม่ได้อยู่กับการแข่งขันแบบปลาใหญ่กินปลาเล็กอีกแล้ว แต่เป็น ‘ปลาเร็วกินปลาช้า’ ดังนั้น เครื่องมือในการทำงานจึงสำคัญไม่แพ้ทักษะและความเชี่ยวชาญของบุคลากรในที่ทำงาน
เล็ก เบา พกพาสะดวก พร้อมจบงานได้ทุกที่
เมื่อก่อนเรายังเฉยๆ กับการแบกแล็ปท็อปที่มีประสิทธิภาพสูงแต่น้ำหนักเยอะได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะยังไงก็แค่นำไปใช้งานที่ออฟฟิศ เลิกงานก็ถือกลับบ้าน แต่ตอนนี้เราอาจจะไม่ได้นั่งทำงานที่ใดที่หนึ่งตั้งแต่เช้าจนเย็นอีกต่อไป บางครั้งอาจจะต้องตระเวนไปหลายแห่ง การพกของหนักๆ ขึ้นรถไฟฟ้าบ่อยๆ บางทีก็เป็นภาระขึ้นมา ดีไม่ดียังไม่ทันหมดวันก็แทบจะหมดแรงเพราะความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้น การมีแล็ปท็อปที่ตอบโจทย์ในการทำงานได้ครบถ้วน น้ำหนักเบา ขนาดพกพาแล้วเดินตัวปลิวได้หลายๆ รุ่นก็ราคาสูงจนไม่แน่ใจว่าจะคุ้มค่ากับการลงทุนไหม นั่นยังไม่นับถึงความทนทานว่าจะลุยไปกับเราได้หรือเปล่า
Lenovo IdeaPad S540
ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นแล็ปท็อปตัวนี้เราก็ตะลึงในความสวยงามแบบเรียบหรู ตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมสีเงินที่ดูดีมากๆ เมื่อยกขึ้นมาก็ประทับใจกับน้ำหนักที่เบามากๆ แค่หนึ่งกิโลกว่าๆ เท่านั้น เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาจอภาพสีดำสนิทก็แสดงผลออกอย่างสวยสดคมชัด และมีพื้นที่ของหน้าจอเกือบจะชิดกับขอบจอทำให้สามารถมองภาพได้แบบเต็มๆ ตา โดยจอภาพมีขนาด 13.3″ QHD ที่ให้ความละเอียดสูงกว่า Full HD 2 เท่า ให้ความคมชัดทุกรายละเอียด และมุมมองที่กว้างขึ้น พร้อมสีสันสดสมจริงไม่ผิดเพี้ยน (เพราะจอใช้มาตรฐานการให้ให้ค่าสีในระดับ sRGB 100% ซึ่งเหมาะกับการใช้งานแต่งภาพระดับมืออาชีพ) ภาพที่ได้จากแล็ปท็อปตัวนี้จึงคมกริบมาก จะใช้งานด้านเอกสาร คอนเทนต์วิดีโอ แต่งรูป หรือเขียนโปรแกรมก็ตอบโจทย์ได้ทั้งหมด เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของการทำงานคือการตอบสนองที่เราได้รับจากจอภาพ ส่วนเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงานนั้นแล็ปท็อปตัวนี้ก็แทบจะครอบคลุมงานทุกประเภทสำหรับการทำงานนอกสถานที่อยู่แล้ว แม้กระทั่งด้านของความบันเทิง เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมก็ทำได้ดี โดยเฉพาะตอนอยู่บนเครื่องบินที่ตัวแล็ปท็อปมีขนาดไม่ใหญ่ สามารถนำขึ้นมาวางบนชั้นรองหน้าเก้าอี้ได้โดยไม่เกะกะ และแบตเตอรี่ของเครื่องก็ใช้งานได้ครบๆ หนึ่งวันโดยไม่ต้องกังวล
อยากใช้งานแบบแรงๆ ก็จัดให้
Lenovo IdeaPad S540 เครื่องนี้เรายกให้เป็นแล็ปท็อปที่ ‘เล็กพริกขี้หนู’ จริงๆ ตั้งแต่คีย์บอร์ดที่จัดเรียงมาอย่างดีทำให้การพิมพ์งานสำหรับเรานั้นราบรื่นอย่างมาก แม้จะไม่ได้มีทักษะเรื่องของการพิมพ์สัมผัสแต่เราก็สามารถใช้คีย์บอร์ดของแล็ปท็อปตัวนี้พิมพ์งานได้โดยไม่มีอาการเงอะๆ งะๆ หาปุ่มไม่เจอเลย (เอาจริงๆ เราว่าพิมพ์ได้แม่นยำกว่าแล็ปท็อปตัวที่เราใช้อยู่ก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ) ส่วนในการทำงานด้านอื่นที่เราต้องใช้ประสิทธิภาพของเครื่องเยอะๆ เช่น การแต่งรูปจากกล้องถ่ายรูปหรือตัดคลิปวิดีโอสั้นๆ ประกอบการทำพรีเซนต์เทชันก็ไม่ได้มีความหน่วงหรือต้องนั่งรอนานๆ เพราะซีพียู intel core i5-10210U ความเร็ว 1.6 GHz ก็จริง แต่เมื่อต้องรีดพลังของมันออกมาตัวเครื่องก็จะคล็อกสปีดตัวเองไปที่ระดับ 4.2 GHz นั่นหมายความว่าเราสามารถจบงานที่ต้องใช้โปรแกรมหนักๆ ได้ด้วยแล็ปท็อปเครื่องนี้ ส่วนงานทั่วไปนั้นแทบจะเสร็จตั้งแต่กดเปิดโปรแกรมแล้ว
ซื้อครั้งเดียวทำงานได้ครบ
ถึงแม้ Lenovo IdeaPad S540 จะสามารถใช้งานได้ราวกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เพราะมีระบบระบายอากาศที่ดีด้วยพัดลมแบบคู่ใต้เครื่องที่จะช่วยระบายความร้อนเวลาระบบทำงานหนักๆ ซึ่งทำให้เครื่องทำงานได้ยาวๆ ก็ตาม แต่เป้าหมายหลักของแล็ปท็อปเครื่องนี้สำหรับเราคือการใช้งานแบบพกพาหรือใช้งานเป็นเครื่องที่สองเพื่อความคล่องตัว ดังนั้น ควรจะเป็นคอมพิวเตอร์ที่ลงทุนครั้งเดียวแล้วไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มอีก ในส่วนของกายภาพนั้น Lenovo IdeaPad S540 ก็ครบถ้วนในเรื่องของการเชื่อมต่อทั้งระบบบลูทูธ ไว-ไฟ (ที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ที่ปล่อยฮอตสปอตอินเทอร์เน็ตได้รวดเร็ว) พอร์ต HDMI สำหรับต่อออกจอโทรทัศน์ SD Card Reader เพื่อดึงรูปจากเมมโมรีการ์ด ช่อง USB 3.1 และ USB 3.1 Type-C ทั้งหมดสามช่อง ซึ่งฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ที่มีความเร็วสูงในเครื่องก็ช่วยให้การถ่ายโอนไฟล์นั้นไม่ต้องนั่งรอนานๆ โดยตัวเครื่องมีความจุที่ 512 GB เพียงพอต่อการทำงานต่างๆ ได้แบบไม่ต้องอึดอัดว่าฮาร์ดดิสก์จะเต็มไหม ลดภาระการพกสตอเรจสำรองติดตัวได้ด้วย
ส่วนทางซอฟต์แวร์ นอกจากเขาจะให้ Windows 10 Home 64 bit มาแล้ว Lenovo ยังให้ชุดโปรแกรมทำงานหลักอย่าง Office Home & Student 2019 ที่ใช้ได้ตลอดชีพ (ซึ่งราคาเต็มๆ อยู่ที่ 4,290 บาท) มาใช้กันฟรีๆ โดยอย่างที่บอกไปว่า ถ้าเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะใช้แล็ปท็อปเครื่องนี้เพื่อการพกพาไปทำงานนอกสถานที่ ชุดโปรแกรมที่จำเป็นอันดับแรกของเราก็คืองานออฟฟิศเหล่านี้ เพราะการทำงานข้างนอกหลักๆ ก็คือการรับส่งอีเมล แก้ไขเอกสารหรือพรีเซนเทชันเพื่อต่อออกจอโทรทัศน์ หรือแม้แต่ใช้เครื่องนี้ในการเปิดงานพรีเซนต์ ซึ่งจริงๆ ด้วยความคมชัดของจอภาพระดับ Full HD ของตัวเครื่อง และระบบเสียงที่มีก็เพียงพอต่อการนำเสนองานไม่ต้องต่อเข้ากับทีวีเลยด้วยซ้ำ
Conclusion
อีกไม่กี่อึดใจเราก็จะจบการทำงานของปี 2019 และพบกับสิ่งใหม่ๆ ในปี 2020 กันแล้ว ซึ่งในปีหน้าการทำงานของแต่ละคนนั้นต้องเจอกับความท้าทายที่เข้มข้นกว่าเดิม แนวคิดและวีธีการทำงานแบบใหม่ๆ จะเกิดขึ้นเสมอ เราก็ต้องอัพเดตตัวเองให้ทันเพื่อที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้ การมีแล็ปท็อปดีๆ ที่ใช้งานได้ยาวๆ อย่างต่ำสองถึงสามปีขึ้นไปโดยที่ประสิทธิภาพและรูปลักษณ์ยังไม่ตกรุ่นถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะอย่างน้อยสำหรับเราความเบาบางของ Lenovo Ideapad S540 ตัวนี้ก็ช่วยแก้ปัญหาที่ต้องแบกกระเป๋าหนักๆ ไปไหนมาไหนได้อย่างดี อาการปวดเมื่อยที่เคยมีก็ลดลง ร่างกายก็พร้อมทำงานมากขึ้น
Lenovo IdeaPad S540-13IML
ราคาเริ่มต้น: 26,990 บาท
ซีพียู: Intel® Core™ i5-10210U Processor (6M Cache, up to 4.10 GHz)
แรม: 4GB DDR4 2666MHz
SSD: 512GB PCIe NVMe
Graphics: NVIDIA Geforce MX250 (2GB GDDR5)
Screen: 14.0″ Full HD IPS
OS: Windows 10 Home
Free: Microsoft Office Home&Student 2019
Color: MINERAL GREY
Camera: 720P HD
การรับประกัน: 2 ปี