หากคุณกำลังมองหาร้านอาหารไว้สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่สอดแทรกวัฒนธรรมความเป็นไทยลงไปในอาหารได้อย่างลงตัว หรือร้านอาหารสำหรับโอกาสสำคัญในค่ำคืนสุดพิเศษอยู่ ลองมาที่ รอยัล โอชา ร้านอาหารไทยลักซัวรีไฟน์ไดนิงแห่งแรกในประเทศไทย ที่นำเสนอวัฒนธรรมและสเน่ห์ของอาหารไทยอย่างเหนือระดับ สามารถไว้วางใจได้เลยว่าอาหารมื้อนี้จะออกมาอย่างสมบูรณ์แบบและสร้างความประทับใจแรกในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
รู้จักไฟน์ไดนิง
ถ้าอธิบายให้เข้าใจแบบง่ายๆ ‘ไฟน์ไดนิง’ คือรูปแบบการนำเสนออาหารที่มีความลักซัวรี เน้นคุณภาพ ตั้งแต่รสชาติอาหาร รูปแบบ หรือวิธีการนำเสนออาหารที่พิเศษกว่าอาหารทั่วไป มีบริการที่เหนือระดับ จนไปถึงบรรยากาศและการตกแต่งของร้านที่หรูหรา ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถพบเจอได้ที่รอยัล โอชา
ด้วยการรีแบรนด์กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของรอยัล โอชา ทำให้แบรนด์มีความลักซัวรีเพิ่มมากขึ้น ภายใต้แนวคิด ‘ความสง่างามของอาหารไทยรสชาติดั้งเดิม’ พร้อมทั้งเผยแพร่วัฒนธรรมไทยผ่านอาหารไทยไฟน์ไดนิง ด้วยการเตรียมขยายสาขาและไปสู่เวทีระดับโลก อย่างการขยายสาขาที่ประเทศอเมริกาและประเทศอังกฤษ ให้อาหารไทยไฟน์ไดนิงได้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลกทั่วกัน
รอยัล โอชา ชื่อแห่งความอร่อยรสดี
ความอร่อยของรอยัล โอชา มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ชื่อร้าน เพราะคำว่า ‘โอชา’ นั้นเป็นคำไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจากภาษาบาลี มีความหมายว่า มีรสดี อร่อย และคำว่า ‘โอช’ ยังหมายถึงลิ้น เป็นอวัยวะสำคัญประการแรกที่เป็นโสตในการรับรู้รสชาติความอร่อยของอาหาร แต่ความอร่อยที่รอยัล โอชา ไม่ใช่ความอร่อยที่ได้รับผ่านลิ้นเพียงเท่านั้น แต่ยังยกระดับความอร่อยสู่ความ ‘รอยัล’ ไปอีกขั้น ด้วยการสร้างประสบการณ์ในอาหารไทยให้เหนือระดับด้วยสุนทรียศาสตร์ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง จนสามารถสัมผัสถึงความอร่อยได้อย่างครบครัน
นอกจากนี้ความอร่อยของรอยัล โอชา ยังได้รับการการันตีความอร่อยจนกลายเป็นร้านที่ถูกแนะนำจากมิชลินไกด์ไทยแลนด์ปี 2019-2020 และที่สำคัญยังได้เชฟดีกรีมิชลิน 1 ดาว ชื่อดังของไทยอย่าง ‘เชฟวิชิต มุกุระ’ มารับหน้าที่ Executive Chef ประจำร้าน รังสรรค์มื้ออาหารสุดพิเศษ ด้วยฝีมือที่ผ่านการสะสมไมล์ในวงการทำอาหารมาทั่วโลกกว่า 40 ปี ทำให้เชฟวิชิตมีความมุ่งมั่นที่อยากจะยกระดับภาพลักษณ์ของอาหารไทย ที่มักถูกมองว่าเป็นแค่อาหารสตรีทฟู้ดทั่วไป ให้กลายเป็นอาหารที่มีความลึกซึ้งและแฝงไปด้วยวัฒนธรรมไทย สามารถอวดสู่สายตาเวทีระดับโลกได้โดยไม่แพ้ชาติไหน
สัมผัสเสน่ห์โมเดิร์นของความเป็นไทย
รอยัล โอชาดึงเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมไทยออกมาได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่การออกแบบภายในในของร้านที่เน้นการตกแต่งสไตล์ไทยวิจิตรโมเดิร์น ให้มีกลิ่นอายพระราชวังสมัยโบราณ ตระการตาไปด้วยสถาปัตยกรรมโทนสีเข้มตัดกับสีทองจากทองคำแท้บริสุทธิ์ ซึ่งจะเห็นได้ว่ารายละเอียดทุกอย่างมีกลิ่นอายความเป็นไทยอยู่ในทุกส่วนของร้าน ทั้งจิตรกรรมฝาผนังบริเวณชั้นลอยที่บอกเล่าเรื่องราวรามเกียรติ์ ระเบียงเป็นลักษณะรูปทรงบาตรพระ ลวดลายไทยที่ตกเเต่งอยู่ทั่วทุกมุมร้าน หรือไฮไลต์สำคัญของร้านอย่างแชนเดอเลียร์รูปชฎาขนาดมหึมาที่ประดับไปด้วยอัญมณีส่องประกายระยิบระยับโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ที่มองเห็นได้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่รอยัล โอชา ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างความประทับใจในมื้ออาหารสุดพิเศษให้เต็มเปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอมใจกับสุนทรียศาสตร์ของรอยัล โอชาได้อย่างสูงสุด
เลิศรสในเวลาที่รสเลิศ
เมนูอาหารและวัตถุดิบต่างๆ ของรอยัล โอชานั้นจะถูกนำเสนอในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ทำให้แต่ละเมนูมีการเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ดีที่สุด ณ เวลานั้น ในการรังสรรค์อาหารให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดและยังคงรสชาติของความเป็นไทยดั้งเดิมไว้ ปรุงเคล้ารสชาติให้จัดจ้าน ด้วยการใส่กลิ่นของสมุนไพรและเครื่องเทศต่างๆ ของไทยลงไปในทุกเมนูเพื่อเพิ่มกิมมิกเล็กๆให้กับอาหาร ทั้งยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรไทยอย่างการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพดีจากเกษตรกรในหลากหลายจังหวัดทั่วไทยมาสร้างสรรค์เมนูอาหารรสเลิศ เพื่อให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติที่ดีที่สุด
และสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อมารอยัล โอชา คือเมนูไทยไฟน์ไดนิงลักซัวรี เมนูคอร์สเทเบิล ที่จะพาคุณมาเปิดประสบการณ์อาหารไทยในรูปแบบใหม่ๆ ผ่านกระบวนการคิดคอนเซ็ปต์ที่เกิดจากประสบการณ์การทำงานทั่วโลกของเชฟให้กลายเป็น 4 เมนูหลักให้เราได้ลิ้มลองความอร่อยไปพร้อมกับดื่มด่ำวัฒนธรรมไทยไปพร้อมๆ กัน
หอยเชลล์ทอดกับไข่ตุ๋นน้ำจิ้มซีฟู้ด (ลอนดอน)
เมนคอร์สเมนูแรกที่ประเดิมความอร่อยจากเชฟวิชิตที่ได้ไอเดียมาจากการไปทำงานที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ความโดดเด่นของเมนูนี้ประกอบด้วยการผสานความนุ่มละมุนของเนื้อไข่ตุ๋น เคล้ากับกลิ่นหอมและความสดของหอยเชลล์ เพิ่มความจัดจ้านด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรพิเศษของเชฟ
ต้มโคล้งปลากรอบกับทูน่า (ญี่ปุ่น)
ต่อมาด้วยเมนูต้มโคล้งที่ฉีกรูปแบบจากต้มโคล้งที่มักเสิร์ฟแบบหม้อไฟ เมนูนี้ได้แรงบันดาลใจจากน้ำซุปกระดูกหมูราเมนของญี่ปุ่น โดยนำเครื่องต้มโคล้งมาบดกับเนื้อปลา ปรุงรส แล้วเคี่ยวในน้ำสต๊อกปลานานกว่า 6 ชั่วโมง ก่อนจะกรองจนได้น้ำซุปใสรสชาติหอมของเครื่องต้มโคล้ง กินคู่กับไชเท้าตุ๋นและปลากรอบ เพิ่มมิติของรสชาติให้กลมกล่อมมากขึ้น
แกงกะหรี่ล็อบสเตอร์ทอดกับข้าวทอดแหนมเห็ด (สวิตเซอร์แลนด์)
ของคาวเมนูสุดท้ายที่เติมความอร่อยให้กระเพาะด้วยแรงบันดาลใจจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กับแกงกะหรี่รสจัดจ้านทั้งเค็ม เปรี้ยว หวาน เจือความหอมเครื่องเทศแบบไทยกินคู่กับล็อบสเตอร์ วัตถุดิบล้ำค่าแห่งท้องทะเล เคียงด้วยข้าวทอด แหนมเห็ด มันเทศ เพิ่มความสนุกในรสสัมผัสด้วยเกี๊ยวกุ้งแกงกะหรี่ และข้าวหอมมะลิแดงจากจังหวัดบุรีรัมย์ กลายเป็นอาหารรสเลิศให้ลิ้มลอง
ดอกจอกใบเตยกับหวานเย็นข้าวหมากกับสาเก และสังขยาน้ำตาลไหม้กับเครื่องเคียง
ตบท้ายความอร่อยด้วยของหวานที่เข้ากันอย่างลงตัวกับของรสชาติเค็มๆ หวานๆ ของขนมดอกจอก คู่กับความหวานเย็นจากข้าวหมากแล้วราดด้วยสาเกยูซุ รองด้วยฝอยทองกับข้าวหมากที่นำไปแนบบนกระทะจนกรอบ เสิร์ฟพร้อมกับสังขยาเนื้อเนียนหวานกำลังดี เคล้ากลิ่นหอมของน้ำตาลไหม้ ปิดจ็อบมื้อสุดพิเศษนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ น่าประทับใจให้จนอยากกลับมากินที่นี่อีกหลายๆ ครั้ง
ขอบอกเพิ่มอีกนิดว่าจริงๆ แล้วที่รอยัล โอชานั้นไม่ได้มีแค่เมนูในลักษณะ ‘เซฟเทเบิล’ อย่างเดียวเท่านั้น แต่มีเมนูที่หลากหลายทั้ง a la carte และเซตเมนูต่างๆ ให้เลือกชิม หากใครที่ต้องการเข้ามาลิ้มลองรสชาติในวันสบายๆ ก็สามารถแวะมาได้เลย
WHERE TO FINE ‘ROYAL OSHA’
ที่ตั้ง: ซอยร่วมฤดี ถนนวิทยุ
วันและเวลาทำการ: ทุกวัน มื้อเที่ยง เวลา 11.00-15.00 น. และมื้อเย็น เวลา 18.00-23.00 น.
Facebook: Royal Osha Bangkok
สำรองที่นั่ง: โทร. 0-2256-6555 หรือทางอีเมล [email protected]