เวลาในแต่ละวันของเรามีไม่เท่ากัน แต่เราเลือกได้ว่าจะจัดสรรเวลาของตัวเองนั้นให้คุ้มค่าที่สุดได้อย่างไร
หนึ่งในวิธีใช้เวลาให้เกิดคุณค่าที่สุดนั่นคือ การพาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่มีทุกอย่างพร้อมสรรพกับความต้องการของชีวิต ซึ่งหนึ่งในสถานที่ดังกล่าวนั้นคือ The PARQ Life โครงการมิกซ์ยูสแห่งใหม่ย่านพระราม 4 จึงเกิดขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์ Life Well Balanced ที่ใครที่เข้ามาสามารถใช้ชีวิตทั้งกิน ดื่ม เที่ยว และพักผ่อน ได้ภายในอาคารเพียงแห่งเดียว ด้วยการนำร้านชื่อดังหลากหลายสไตล์มารวมไว้ที่เดียวกัน
เมื่อย่านพระราม 4 กำลังเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจใจกลางกรุงเทพฯ ที่มีคนให้ความสนใจและเกิดการรวมตัวเพื่อขับเคลื่อนเศษฐกิจของประเทศกันอย่างแข็งขัน เพราะเล็งเห็นศักยภาพหลายๆ อย่างที่อยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งล้อมรอบไปด้วยที่พักอาศัยและที่ตั้งของออฟฟิศชั้นนำ เราจึงมาลองดูว่าในหนึ่งวัน The PARQ Life จะสามารถรองรับกับความต้องการของคนทำงานได้แค่ไหน
เริ่มต้นวันด้วยความกระปรี้กระเปร่าที่ Jetts Fitness
การออกกำลังกายแค่ 20 นาที (เป็นต้นไป) สมองจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟีนที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นและตื่นตัว ตามด้วยสารโดปาร์มีนที่ช่วยในเรื่องของการมีสมาธิ สร้างความกระฉับกระเฉง เพิ่มความกระปรี้กระเปร่าสดชื่น และจากผลการวิจัยยังพบว่าเป็นสารที่ช่วยทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่ดีทางอ้อมได้ด้วย เราจึงเห็นว่าหลายคนนิยมออกกำลังกายตอนเช้าเพื่อกระตุ้นให้ตัวเองมีพลังในการทำงานได้ตลอดวัน เมื่อกลับถึงบ้านก็จะนอนหลับสนิทเต็มอิ่มทั้งคืน
บริเวณชั้น 3 ของโครการ The PARQ Life คือที่ตั้งของ Jetts Black ฟิตเนสพรีเมียมจาก Jetts Fitness ฟิตเนสพรีเมียมที่เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. ที่แตกต่างจาก Jetts 24 Hours Fitness ด้วยการแตกแต่งด้วยโทนสีขาวดำ มีพื้นที่ในการออกกำลังกายที่ครอบคลุมถึงสองชั้น โดยชั้นล่างจะเป็นโซนเพลย์กราวด์ และฟังก์ชันนัลเทรนนิง สตูดิโอ สำหรับออกกำลังกายเป็นกลุ่ม ส่วนชั้นบนเป็นพื้นที่ออกกำลังกายเฉพาะคน ด้วยอุปกรณ์มาตรฐานระดับโลก มีบริการในส่วนของสมูทบาร์ ล็อกเกอร์ดิจิตอล ผ้าขนหนู โดยค่าบริการรายเดือนเพียง 1,900 บาท แต่ถ้าสมัครแบบ 1 ปีก็แถมให้ฟรี 1 เดือน (เฉลี่ยเหลือแค่เดือนละ 1,700 บาท) สามารถทดลองใช้บริการได้ฟรีก่อนตัดสินใจ แต่ถ้าใครที่เป็นสมาชิก Jetts 24 Hour Fitness อยู่แล้ว สามารถอัพเกรดเป็น Jetts Black โดยเพิ่มเพียง 300 บาทต่อเดือนเท่านั้น รายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 08-2516-4305
Muaythai Mania Academy (MTM)
สำหรับใครที่อยากกระตุ้นตัวเองแบบจัดหนัก ที่ชั้น 3 ก็ยังมี MTM Academy ยิมมวยไทยฟิตเนสที่เน้น ‘การสร้างร่างกายที่ดีที่สุดในชีวิตประจำวัน’ เริ่มด้วยการลดน้ำหนักแบบรวมเร็วกับโปรแกรม Muaythai FiiT® และปรับบุคลิกภาพต่อด้วยโปรแกรม Body FiiX® ที่ออกแบบมาเพื่อชาวออฟฟิศโดยเฉพาะ’ แก้หลังค่อม ไหล่ห่อ ลดอาการออฟฟิศซินโดรม ที่นี่จะเปิดให้บริการตั้งแต่บ่ายโมงถึงสี่ทุ่ม สำหรับคนที่นั่งทำงานทั้งวันแล้วรู้สึกหมดไฟ ไม่แข็งแรง ห่อเหี่ยว สามารถเพิ่มความฟิต ระบายความเครียดก่อนกลับบ้านได้ทุกวัน
การออกกำลังกายนั้นนอกจากหุ่นดี ฟิตและเฟิร์มแล้ว ร่างกายก็ต้องแข็งแกร่งด้วย ดังนั้น หลักสูตรพิเศษของ MTM Academy เป็นการนำมวยไทยมาพัฒนาให้เข้ากับวิถีการออกกำลังกายที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา ‘Muaythai FiiT®’ โดยเน้นผลลัพธ์ไปที่การลดน้ำหนัก ซึ่งโปรแกรมที่เลือกใช้จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากกว่า 700 แคลอรี เพิ่มความแข็งแรงของหัวใจ และลดน้ำหนักได้อย่างน้อย 3-5 กิโลกรัม ต่อเดือน (ถ้าดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด) โดยราคาเริ่มต้นเพียง 1,284 บาทต่อเดือน รายละเอียดเพิ่มเติม www.mtm-academy.com
TONIC Refreshingly Wholesome ข้าวแกงตอนเช้าที่เป็นมิตรกับสุขภาพ
ใครๆ ก็รู้ว่ามื้อเช้าสำคัญที่สุด และถ้าพูดถึงอาหารคลีนหรืออาหารเพื่อสุขภาพ ภาพจำของใครหลายคนคงหนีไม่พ้นเมนูจำเจอย่างอกไก่ต้มรสชาติจืดที่เสิร์ฟพร้อมกับข้าวไรซ์เบอรี ทำให้ TONIC Refreshingly Wholesome ร้านอาหารที่มองเห็นถึงปัญหา อยากลบภาพจำที่ไร้รสชาตินี้ด้วยการเป็น ‘ข้าวแกงเพื่อสุขภาพ’ ที่มีหลากหลายเมนูให้ได้เลือกทาน สร้างความอร่อยที่ไม่จำเจให้กับลูกค้าได้ทุกมื้อ และที่สำคัญยังคงความเหมาะสมด้านคุณค่าโภชนาการเอาไว้อย่างครบถ้วน
โดยลูกค้าสามารถเลือกผสมเมนูของตัวเองผ่านการเลือกแกงได้ตามใจชอบ ซึ่งอาหารทั้งหมดนี้จะถูกเปลี่ยนใหม่ในทุกสัปดาห์ เพื่อให้ลูกค้าสนุกกับการเลือกเมนูทานได้หลากหลาย และทางร้านยังแอบกระซิบว่าหากใครยังลังเลว่าทานอาหารหลากหลายแบบนี้จะอ้วนไหม ลูกค้าสามารถสอบถามเรื่องคุณค่าทางโภชนาการของอาหารแต่ละชนิดเบื้องต้นได้ เพื่อนำไปปรับใช้กับตารางอาหารของแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม
กาแฟอย่าให้ขาด เติมความสดชื่นกันที่ Ekkamai Macchiato
ช่วงสายๆ ของการทำงานจะเป็นจังหวะนรกที่ชีวิตนั้นยุ่งเหยิงเบอร์สุด เพราะทุกอย่างจะประเดประดังเข้ามาติดๆ กัน ทั้งงานในมือ การติดต่อนัดหมาย ปัญหาจุกจิกที่เกิดขึ้นระหว่างทำงาน ซึ่งหลายครั้งพานทำให้เราหัวร้อน หงุดหงิด และอยากกรีดร้องออกมาดังๆ แต่ปัญหาพวกนี้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยเมื่อเราได้เครื่องดื่มดีๆ สักแก้ว
Ekkamai Macchiatoร้านกาแฟชื่อดังที่มาเปิดสาขาใน The PARQ Life พร้อมเสิร์ฟกาแฟและเบเกอรีรสชาติเยี่ยม และอาหารหนักๆ สำหรับมื้อกลางวันให้คุณได้อิ่มด้วย ซึ่งกาแฟที่เราชอบมากคือ Espresso x Orange (160 บาท) ความเข้มข้นของเอสเปรสโซซ็อตผสมกับน้ำส้มคั้นสามสายพันธุ์ ออกมาเป็นกาแฟรสชาติสดชื่น กินคู่กับ Caramel Macadamia Cake หรือ Honey Lemon Cake (ชิ้นละ 170 บาท) รับรองว่าจะสดชื่นไปทั้งวัน
ส่วนใครที่ชอบความหวือหวาหน่อยก็แนะนำ Light Bulb (190 บาท) กาแฟม็อกเทลที่ผสมไซรัปสูตรพิเศษ Sparkling Water โดยบับเบิลนี้จะสกัดมาจากพืชดังนั้นจึงไม่มีอันตราย ช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการดื่มกาแฟให้สนุกขึ้น และมีกลิ่นหอมที่ทำให้ความสดชื่นเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
Sakae Shabu Shabu เติมพลังตอนเที่ยงด้วยชาบูพรีเมียม
สะสางงานมาตลอดช่วงเช้าก็ต้องเติมพลังกันหน่อย ถ้าคิดถึงเนื้อวากิว A4 เพื่อเติมโปรตีนให้ร่างกาย ให้ตรงมาที่ Sakae Shabu Shabu ได้เลย ที่นี่คือร้านชาบูจากประเทศญี่ปุ่น ที่ดูแลความอร่อยโดยตรงจากเชฟมือฉมัง จึงมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนบินไปนั่งกินที่ญี่ปุ่นเลย
ที่แนะนำร้านนี้ไม่ใช่แค่ว่าเขามีเนื้อวากิว A4 ที่เลื่องลือในความอร่อยเสิร์ฟเท่านั้น แต่ทีเด็ดอีกอย่างคือ น้ำจิ้มที่เข้ากับการกินชาบูทุกชนิด (เผื่อใครที่ไม่กินเนื้อ) โดยน้ำจิ้มจะมีสองรสชาติคือ น้ำจิ้มพอนสึสูตรญี่ปุ่น สูตรพิเศษของทางร้านที่ใส่ส่วนผสมของส้มยุสุเข้าไปเป็นรสชาติแฝง ทำให้ได้ความสดชื่นและความเปรี้ยวนิดๆ ตัดกับความเค็มเสริมความอร่อยให้กับเนื้อได้อย่างน่าทึ่ง ส่วนซอสงานั้นจะเหมาะในการกินคู่กับผักมีความเผ็ดนิดๆ ถูกปากคนไทย
ในเซตชาบูชาบูนั้นสามารถเลือกได้ว่าจะกินคู่กับข้าวสวยญี่ปุ่นหรืออินะนิวะ อุด้ง และอาหารเรียกน้ำย่อยให้เลือกระหว่างสลัดมะเขือเทศกับเต้าหู้โกมะ ส่วนน้ำซุปชาบูชาบูนั้นจะเป็นสาหร่ายคอมบุ ถ้าเป็นเซตสุกี้ยากี้น้ำซุปดำรสชาติเข้มข้นไปทางเค็มปนหวาน และตบท้ายด้วยของหวานอย่างไอศกรีมยุซุเชอร์เบต
จิบชายามบ่ายใน Peace 和 Oriental Teahouse
บ่ายแก่ๆ เป็นเวลาที่เหมาะกับการจิบชาร้อนๆ ที่สุด ยิ่งถ้ามีนัดหมายเพื่อคุยงานด้วยแล้ว การนั่งคุยในร้านชานั้นก็มีส่วนช่วยให้การเจรจามีแนวโน้มที่ดีมากขึ้น ได้ทั้งความผ่อนคลายและสร้างความประทับใจให้กับคนที่เรานั่งคุยด้วย เพราะนี่คือการแสดงว่าเรามีรสนิยมที่เหมาะสมกับการร่วมงานด้วยอย่างสูง
Peace 和 oriental Teahouse คือ ร้านน้ำชาสไตล์ตะวันออกแบบร่วมสมัย ที่มีใบชาหลากชนิดให้เลือกจิบ โดยชาที่แนะนำคือ ชาอู่หลงหรือชาเขียวมัจฉะ โดยแบ่งเป็นเมนูชา 3 ประเภทคือ ชาร้อนชงใส (Clear) ชาชงกับนม (Pastel) หรือแบบปั่น (Snow) ซึ่งก็กลมกล่อมทุกแบบ หรือจะเลือกเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่น้ำชาก็ได้
ภายในร้านยังมีเมนูสำหรับกินคู่กับน้ำชา เช่น Yuzu Mocheezu (6 ลูก 395 บาท) โมจินุ่มๆ ปั้นด้วยมือ ด้านในไส้ชีสเข้มข้น (มาก) เพราะเป็นชีสที่เก็บไว้นานถึง 2 ปี กับเปลือกส้มยุสุและเคลือบด้านบนด้วยน้ำตาลไหม้ เมื่อกินคู่กับชาร้อนจะได้รับรสชาติที่ซับซ้อนยากจะบรรยาย ส่วนใครที่หิวก็มี Zongzi หรือบะจ่างสูตรดั้งเดิมสไตล์กวางตุ้ง โดยมีทั้งไส้คาว (หมู) และหวาน (ถั่วแดง) ให้เลือกชิม (ราคา 165 บาทสำหรับไส้คาว และ 125 บาทสำหรับไส้หวาน) และ Tea Master-Made Ice Cream ที่เราเลือก Matcha Extremist (245 บาท) เพราะรักในความเข้มข้นของไอศกรีมชาเขียวของที่นี่ ที่เข้ากันกับความกรุบกรอบของชาโคลที่หุ้มเป็นเปลือกนอกที่เป็นความเฉพาะตัวของร้านนี้เท่านั้น
ผ่อนคลายหลังเลิกงานด้วย AMARA Beauty & Massage
สปาครบวงจร บนชั้น 3 อยู่ตรงกลางระหว่าง Jett Black และ Muaythai Mania Academy (MTM) ที่มีทั้งบริการนวดผ่อนคลาย นวดบำบัดอาการเฉพาะจุด นวดเพื่อความงาม และบริการทรีตเมนต์หน้า ทำเล็บ โดยทีมงานมืออาชีพการันตีด้วยใบประกาศนียบัตรจากกระทรวงสาธารณสุข จึงมั่นใจได้ว่าใครที่มาใช้บริการจะได้รับการดูแลที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน
แต่จุดเด่นที่ทำให้สปาแห่งนี้น่าสนใจจริงๆ คือความเอาใจใส่ต่อลูกค้าเป็นหลัก เพราะหากย้อนกลับไปในจุดเริ่มต้น AMARA Beauty & Massage เกิดขึ้นจากประสบการณ์ตรงของเจ้าของร้านเป็นคนที่ชอบนวดมากๆ และมีโอกาสได้ไปนวดมาแล้วหลายประเทศจึงอยากศึกษาด้านการนวด และนำกลับมาให้คนไทยได้ลองใช้ โดยมีข้อแม้สำคัญคือราคาต้องจับต้องได้ จึงเป็นเหตุผลให้สปาแห่งนี้ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงลูกค้าในที่เน้นคุณภาพสูง และให้บริการในชนิดที่ว่าคุ้มค่าเกินราคาอย่างแน่นอน
นี่คือส่วนหนึ่งที่ได้ลองมาขลุกอยู่กับ The PARQ Life ซึ่งยังมีร้านค้าและบริการต่างๆ รองรับเราอีกมากจนเรียกว่าถ้าจะทัวร์ให้หมดนั้นอาจจะต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์เลย สำหรับใครที่ชอบทำงานนอกสถานที่เรียกว่าสามารถจบวันได้อย่างสมบูรณ์แบบเพราะเขามีพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นเหมือน Co-working Space และจุดเสียบปลั๊กให้ใช้กันฟรีๆ ด้วย ถ้าลองได้เข้ามารับรองว่าคุณจะหลงรักที่นี่แบบเราทันที และอาจจะเป็นสถานที่แห่งใหม่ที่ตอบโจทย์ในการทำงานยุคนิวนอมอลต่อไปของคุณก็ได้