Collector Café ห้องนั่งเล่นของแฟนทอย Iron Man กับความรักแบบ I love you 3000

เรากำลังนั่งรถผ่านตึกรามบ้านช่องมากมาย เพื่อมุ่งหน้าสู่ย่านสีลม หนึ่งในย่านศูนย์กลางธุรกิจเก่าแก่ของมหานครกรุงเทพฯ ซึ่งร้าน Collector Café ที่เรากำลังมุ่งหน้าไปนั้นเป็นสถานที่ซ่อนตัวของ โทนี สตาร์กในเวอร์ชันฟิกเกอร์ รวมถึงเหล่าฟิกเกอร์และฮอตทอยซูเปอร์ฮีโร่อีกมากมาย ที่ถูกนำมาวางโชว์เสมือนเป็นห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขก ซึ่งเจ้าของบ้านภูมิใจนำเสนอสิ่งที่ตัวเองรักให้กับเพื่อนที่มาเยี่ยมเยือนบ้านได้ชม

        ช่างเป็นความบังเอิญที่ทำให้เราอดขำเล็กๆ ไม่ได้ ที่ร้านกาแฟแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจเหมือนกับตึก Stark Tower ของ โทนี สตาร์ก ก็ตั้งอยู่ในย่านแมนฮัตตัน ซึ่งนิวยอร์กก็เป็นหนึ่งในศูนย์กลางธุรกิจและการเงินของโลกเหมือนกัน ราวกับกำลังจะบอกว่า ไม่ว่า โทนี สตาร์ก จะไปปรากฏตัวที่ไหน เขาก็ยังคงคอนเซปต์มหาเศรษฐีเอาไว้อยู่ดี  

ยินดีต้อนรับสู่โลกของ Iron Man Collector

        เมื่อผลักประตูเข้าไปในร้าน เชื่อว่าสิ่งแรกที่ทุกคนจะต้องโฟกัสสายตาคือ บรรดาฟิกเกอร์ซูเปอร์ฮีโร่จากทั้งจักรวาล Marvel และ DC ที่กำลังยืนต้อนรับแขกอยู่บนตู้โชว์ เมื่อคลายจากอาการตื่นตาตื่นใจจากเหล่าฮีโร่ลง เราจึงเดินตรงไปสั่งขนมและเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์ ซึ่ง ‘จอห์น’ – อัครพล วงศ์พานิช เจ้าของร้าน และเจ้าของฟิกเกอร์เหล่านี้ ยืนต้อนรับอยู่ด้วยรอยยิ้ม 

        จอห์นเล่าให้ฟังว่าเดิมทีเขาทำงานในแผนกการผลิตวิชวลเอฟเฟกต์ให้กับงานภาพยนตร์และแอนิเมชันทั้งโปรดักชันในไทยและต่างประเทศที่บริษัทแห่งหนึ่ง ก่อนจะผันตัวไปเป็นอาจารย์สอนพิเศษในมหาวิทยาลัยอยู่อีกพักใหญ่

        “สอนมาถึงจุดหนึ่งเราก็เริ่มเบื่อ แล้วเป็นจังหวะประจวบเหมาะที่ได้มาซื้อตึกนี้พอดี เลยคุยกับภรรยาว่าถ้าชั้นบนเป็นโซนอยู่อาศัย ชั้นล่างที่ยังว่างก็ไม่อยากปล่อยให้คนอื่นเช่า งั้นเราเปิดคาเฟ่ดีกว่า เพราะโดยส่วนตัวผมกับแฟนเป็นคอกาแฟกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะกาแฟเย็นจะชอบมาก (หัวเราะ) เราชอบไปตระเวนหาร้านกาแฟกันอยู่เสมอ จึงจุดประกายกลายเป็นร้านกาแฟขึ้นมา” 

เพราะฉันคือเจ้าของร้าน

        หลังจากตัดสินใจลงหลักปักฐานทำร้านกาแฟของตัวเองขึ้นมา จอห์นจึงถือโอกาสนำฟิกเกอร์คอลเลกชันต่างๆ ของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ที่สะสมไว้มาเป็นของตกแต่ง รวมถึงสร้างจุดขายให้กับร้านไปในตัว 

        “ผมหวังให้ร้านนี้เป็นพื้นที่ให้คนที่เป็นนักสะสมมานั่งคุย แลกเปลี่ยนความคิดกัน เลยเป็นที่มาของชื่อร้านว่า Collector Café คาเฟ่ของนักสะสม” 

        ระหว่างนั้นเราก็ขึ้นไปนั่งคุยกันบนชั้นสองเพื่อไม่เป็นการรบกวนลูกค้าคนอื่นๆ สำหรับชาวอินสตาแกรมเมอร์ ทางขึ้นระหว่างบันไดคือหนึ่งจุดแวะพักให้แชะรูปลงอินสตาแกรมแบบคูลๆ เนื่องจากบริเวณนี้มีซาก Iron Man ครึ่งตัวขนาดเท่าคนจริงแขวนอยู่ 

        “คุณเริ่มชอบการสะสมโมเดล หรือฟิกเกอร์ตั้งแต่ตอนไหน” เราถามจอห์น

        “เริ่มจากสมัยเด็กๆ ผมชอบดูซูเปอร์ฮีโร่ญี่ปุ่นยุคปี 70s กว่าๆ ชอบดูแล้วก็จินตนาการตาม พอมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นและฮ่องกง ก็จะซื้อเก็บสะสมกลับมา แต่สำหรับฮอตทอย แอ็กชันฟิกเกอร์เริ่มมาสะสมประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้น Iron Man กับ Avengers” 

        เราพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูดมาเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ทุกมุมมักจะเจอไอรอนแมนก่อนเป็นอย่างแรก มีทั้งแอคชันฟิกเกอร์ และเครื่องไม้เครื่องมือที่เหล่าฮีโร่ใช้มากมาย เช่น หน้ากากฮีโร่ อาวุธต่างๆ มีทั้งขนาดธรรมดา กลาง ใหญ่ จนถึงขนาดเท่าของจริง เราจึงถามเขาต่อว่าในบรรดาเหล่าซูเปอร์ฮีโร่มากมาย ทำไมเขาถึงประทับใจในตัวไอรอนแมนมากที่สุด  

        “เพราะซูเปอร์ฮีโร่คนอื่นๆ เป็นยอดมนุษย์ที่มีพลังพิเศษอยู่ในตัว ต่างจากไอรอนแมน เขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่หุ้มด้วยเกราะเหล็กข้างนอก ไม่ได้มีพลังวิเศษอะไร จุดนี้เลยทำให้ผมรู้สึกว่าเขาใกล้เคียงกับเราที่เป็นคนธรรมดาที่สุด แล้วก็ชอบความเก่ง และความฉลาดของเขาด้วย”

I love you 3000

        แม้ภายนอกจะดูเป็นร้านกาแฟทั่วไป แต่การตกต่างภายในร้านนั้นทำให้เมื่อก้าวเข้ามาแล้วกลับได้รับความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขกบ้านเพื่อน ส่วนหนึ่งเพราะที่นี่คือบ้านที่จอห์นอาศัยอยู่กับภรรยา จึงไม่แปลกหากเขาจะตกแต่งร้านให้มีความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับบ้านที่ใช้อยู่อาศัย 

        ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ สายตาเราก็อดที่จะลอบมองไปยัง Iron Man MARK XLIU ที่ตั้งโชว์อยู่เดี่ยวๆ ราวกับเป็นพนักงานต้อนรับประจำชั้นนี้ไม่ได้ ความพิเศษของ MARK XLIU ตัวนี้ สำหรับเราไม่ได้อยู่ที่ตัวฟิกเกอร์ แต่อยู่ตรงฐานด้านล่าง ซึ่งไม่ได้มาพร้อมกันกับตัวฟิกเกอร์ และไม่ได้ซื้อแยก แต่เป็นเพราะความรักที่มีให้กับของสะสม (ซึ่งน่าจะมากพอกับประโยค I love you 3000 ก็ว่าได้) จอห์นจึงลงมือประดิษฐ์ฐานขึ้นมาเอง โดยใช้วิชาที่ได้จากการทำงานด้านวิชวลเอฟเฟกต์เนรมิตมันขึ้นมา 

        “เสน่ห์ของการสะสมอะไรสักอย่าง ผมคิดว่าอยู่ที่เรื่องของความสุขทางใจ เพราะบางอย่างเราต้องไปตามหามา หรือต้องรอคอยนานๆ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะซื้อได้เลย หลายครั้งที่ต้องพรีออร์เดอร์ก่อน รอประมาณ 1 ปีถึงจะได้มา หรือบางรุ่นรอถึงสองปีกว่าเลยก็มี แต่พอสุดท้ายเราได้มา เราก็มีความสุข

        “โดยเฉพาะของ Hot Toys ที่ผลิตออกมามีความสมจริงมาก ถ้าสังเกตดูจะเห็นเรื่องของการปั้นหน้า รายละเอียดของชุด แทบจะก๊อบปี้-เพสต์ออกมาจากหนังอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งถ้าเราชอบหนังเรื่องนี้ การที่มีคาแรกเตอร์ในเรื่องมาอยู่ในสายตาเราทั้งวัน แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว” 

        จอห์นเสริมอีกว่า ในยามว่างเขามักจะจับฟิกเกอร์แต่ละตัวมาปรับเปลี่ยนท่าทางต่างๆ จนไปถึงการจัดไฟแล้วถ่ายภาพเก็บไว้ ก่อนจะไปโพสต์แลกเปลี่ยนกันในกลุ่มที่สะสม Hot Toys ส่วนใหญ่จะมีการกดไลก์ รวมทั้งคอมเมนต์แลกเปลี่ยนความเห็นกันอยู่เสมอ 

Collector Café คาเฟ่ของนักสะสม

        ด้วยความที่ร้านมีคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนมากๆ ว่าเป็นนักสะสมซูเปอร์ฮีโร่ เราจึงถามเขาต่อว่าส่วนใหญ่คนที่เข้ามาที่นี้คือนักสะสมที่เป็นคอเดียวกันเลยหรือเปล่า 

        “มีทั้งคนที่ไม่ได้ชอบ และคนที่เป็นนักสะสมเหมือนกัน ผมมีลูกค้าคนหนึ่งเขาชอบตัวการ์ตูนฮีโร่กันดั้มมากๆ ก็มานั่งคุยกับผมที่ร้าน แม้ว่าไม่ได้สะสมสิ่งเดียวกัน แต่ก็เป็นนักสะสมเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อได้มาแลกเปลี่ยนกันก็สนุกดี

        “แต่ใจจริงคืออยากให้ร้านเป็นคอมมูนิตี้หรือชุมชนของคนแถวนี้ เราไม่ได้เน้นคนที่ผ่านไปผ่านมาเท่าไหร่ แต่อยากจะเน้นคนในพื้นที่ตรงนี้ให้มาใช้บริการของเรา บรรยากาศร้านเราดีไซน์มาให้คนนั่งจิบกาแฟ คุยกันสบายๆ หรือบางทีมาประชุมกันก็มี ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานออฟฟิศ ซึ่งอาจไม่ได้สนใจของสะสมโดยตรง แต่พอเข้ามาเขาก็ได้อีกบรรยากาศหนึ่ง” 

        เกือบลืมไปเลยว่าชั้น 2 ของร้านกาแฟแห่งนี้ นอกจากจะมีมุมให้นั่งจิบกาแฟแล้ว ยังมีห้องสำหรับการประชุม หรือห้องมีตติ้งด้วย ดังนั้น ใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานก็สามารถแวะมานั่งทำงานที่นี้ได้ 

เติมเต็มจินตนาการของจิตวิญญาณเด็กคนหนึ่งที่ยังอยู่ในตัวเรา

        “การสะสมของ สำหรับผมเหมือนเป็นการเติมเต็มจินตนาการเหมือนกันนะ เพราะเหมือนเราได้เก็บจังหวะเวลาของฉากใดๆ ที่เราประทับใจในหนังไว้กับตัวเอง แล้วยังสามารถจับต้องได้ด้วย”

        แต่ยิ่งกว่าการจับต้องได้ คือการมีชุดของซูเปอร์ฮีโร่ที่ชื่นชอบ ซึ่งจอห์นได้มันมาครอบครอง และนำมาโชว์ไว้ในร้าน โดยตั้งอยู่ในตู้กระจกบนชั้น 2 มันเป็นชุดเกราะของ Iron Man Mark 43 ซึ่งเป็นรุ่นที่เขาชอบที่สุด 

        ความพิเศษของชุดนี้ จอห์นบอกว่า เพราะมีการออกแบบและการใช้สีที่ชัดเจน ทั้งทอง แดง และเงิน นอกจากนั้นยังเป็นชุดเปิดฉากแรกในหนัง Avengers 2 ยิ่งเห็นแบบนี้ ยิ่งสะท้อนถึงความรักแบบ I love you 3000 ที่จอห์นมีให้กับซูเปอร์ฮีโร่อย่างแท้จริง เราถามเขาต่อว่า นอกจากความประทับใจในการออกแบบคาแรกเตอร์แล้ว เขาได้แง่มุมหรือแนวคิดอะไรจากตัวละคร โทนี สตาร์ก บ้าง

        “สิ่งที่ชัดเจนที่สุดในตัว โทนี สตาร์ก คือ ความเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง และด้วยความที่เขาเป็นอัจฉริยะ จึงเป็นคนที่มีอีโก้พอสมควร แต่ก็ใช้ความฉลาดทำให้ตัวเองที่เป็นคนธรรมดากลายเป็นยอดมนุษย์ได้

        “โดยพื้นฐานเขาอาจจะเป็นคนที่ไม่ได้สู้เก่งมาก แต่เก่งทางด้านความคิดแล้วสามารถนำไปใช้กับทุกคนในทีมได้ เพราะหลายๆ อย่างในทีมก็มาจากไอเดียของโทนี แม้กระทั่งตอนจบของภาค End Games ก็เป็นเขาที่คิดวิธีย้อนเวลากลับไปรวบรวมอัญมณีทั้ง 6 กลับมาได้”

        เรานั่งคุย เดินคุยตามมุมต่างๆ กันอยู่ประมาณชั่วโมงกว่า แต่เราก็ยังตื่นตาตื่นใจกับของสะสมตรงหน้าไม่หาย เพราะรายละเอียดของแต่ละคาแรกเตอร์ดูสมจริงมากๆ กระทั่งรอยขีดข่วนบนเกราะก็ยังไม่เว้นที่จะใส่มา 

        อย่างที่จอห์นบอกไว้ว่า “คุณค่าของของสะสมไม่ได้อยู่ที่ว่าราคาจะแพงแค่ไหน แต่อยู่ที่คุณค่าทางใจมากกว่า” ซึ่งเราเห็นด้วยมากๆ และไม่ใช่แค่ของสะสม แต่นี่คือเรื่องเดียวกันกับการลงทุนให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ ไม่ว่าจะเครื่องสำอาง เกม หนังสือ การแต่งรถ และอีกมากมาย 

        การมีแพสชั่น หรือความรักต่อสิ่งใดสักอย่างไม่ใช่เรื่องน่าเหลวไหล หากนั่นคือความสุขในชีวิตของเรา เหมือนกับที่นักสะสมคนนี้มีความสุขกับฟิกเกอร์ของเขา แล้วนำความสุขเหล่านั้นมาแบ่งปันให้ผู้คนที่มาเยือนได้ชื่นชมร่วมกันไปด้วย