MeStyle Museum Hotel โรงแรม คลังสมบัติ และงานศิลปะเพื่อแรงบันดาลใจ

ท่ามกลางตึกรามบ้านช่องทั่วไปที่มีทั้งตึกแถว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียมในย่านห้วยขวาง กลับมีคลังสมบัติซุกซ่อนอยู่ภายในตึกที่มีสีสัน และการตกแต่งอันโดดเด่นออกมาจากเหล่าที่อยู่อาศัยในระแวกเดียวกัน เมื่อพี่มอเตอร์ไซค์วินเลี้ยวขวาตรงมุมหัวโค้งสุดท้าย เราก็สังเกตเห็นตึกสีแดง มีกราฟิตี้รูปคนลายตารางหมากรุกเพ้นต์ด้วยสีขาวดำ ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้า ที่นี่คือ MeStyle Museum Hotel

Me เรื่องราว

        เราเดาว่ากราฟิตี้รูปคนในชุดลายตารางหมากรุกน่าจะเป็นนักแข่งรถ เพราะเจ้าตัวถือธงอยู่ ประกอบกับด้านล่างตึกมีการประดับตกแต่งด้วยรถแข่งคล้าย Go Kart หากไม่รู้มาก่อนว่า MeStyle เป็นโรงแรม หลายคนอาจคิดว่าที่นี่คือแกลเลอรีแสดงงานศิลปะ เห็นได้ตั้งแต่การตกแต่งภายนอกที่เต็มไปด้วยงานศิลปะและของสะสมซึ่งมีให้ชมแทบทุกจุด เมื่อเดินเข้ามายังล็อบบี้ก็ราวกับหลุดไปในโลกแห่งวันเดอร์แลนด์ เพราะมีของตกแต่งที่นำมาจัดวางทั้งแบบธรรมดา ไปจนถึงที่ดูแปลกตามากมายตั้งโชว์อยู่ 

        “เมื่อคุณพ่อ (สมบัติ แสงรัฐกาญจนสิน, ผู้ก่อตั้ง) ท่านผ่านการใช้ชีวิตที่ยากลำบากมามาก ท่านเรียนไม่จบ ไม่ได้มีใบปริญญา แต่ท่านก็ค่อยๆ ทำทุกอย่างด้วยความอดทน และค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อยมาเรื่อยๆ” ‘โฟร์’ – สพ.ญ. เปมิกา แสงรัฐกาญจนสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีสไตล์ แอสเสท จำกัด ทายาทรุ่นที่ 2 เริ่มต้นเล่าถึงความเป็นของสถานที่ และสไตล์การตกแต่งให้ฟัง 

        “ในระหว่างที่สู้ชีวิต คุณพ่อรู้ว่าของสวยๆ งามๆ หรือแม้แต่รถสักคัน กว่าจะได้มานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ขณะเดียวกันสิ่งเหล่านี้ก็ให้แรงบันดาลใจกับเขา เพื่อให้มุ่งมั่นทำงานจนมาถึงจุดที่สามารถเริ่มซื้อสะสมเป็นของตัวเองได้ คุณพ่อเริ่มจากรถโบราณ รถมอเตอร์ไซค์ทีละคัน ค่อยๆ เก็บสะสมมาเรื่อยๆ เขาจึงอยากสร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้น เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้แก่คนที่เข้ามาพักได้เหมือนกัน”

Me สมบัติ

        โฟร์เล่าว่าคุณพ่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาก่อน ตั้งแต่ช่วงที่มีเหตุการณ์เศรษฐกิจฟองสบู่แตกในประเทศไทย ซึ่งท่านค่อยๆ สร้างรากฐานที่มั่นคงมาเรื่อยๆ จนประมาณ 10 ปีก่อนมีผู้ใหญ่ที่สนิทกันแนะนำว่าให้ทำโรงแรม จะได้เป็นที่เก็บของสะสมของคุณพ่อ และคิดว่าธุรกิจนี้น่าจะไปได้ดี เนื่องจากประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก ในที่สุดจึงตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจนี้ เธอเริ่มทำการบ้าน เก็บข้อมูลมาเรื่อยๆ จนสร้างโรงแรมแห่งนี้ขึ้นมา

        “ชื่อ MeStyle เราคิดอยู่นาน แต่สุดท้ายคุณพ่อก็ชอบชื่อนี้ เพราะไม่รู้จะนิยามสิ่งนี้ว่าอะไร ถ้าอย่างนั้นก็ให้ชื่อว่า MeStyle แล้วกัน คำนี้สะท้อนอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นคนมีสไตล์ของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร โรงแรมในเครือ MeStyle มีทั้งหมด 3 แห่ง ที่เราอยู่กันตรงนี้เป็นแห่งที่ 3 เพราะว่ามีของสะสมของคุณพ่อเยอะที่สุด เลยตั้งชื่อว่า MeStyle Museum”  โฟร์กล่าวเสริม

 

        โดยคอนเซ็ปต์การตกแต่งในแต่ละแห่งก็ไม่เหมือนกัน มีเรื่องราวเป็นของตัวเองที่มาจากชีวิตของผู้ก่อตั้ง โฟร์เล่าเพิ่มเติมอีกว่า MeStyle Place คือโรงแรมแห่งแรกที่สร้างขึ้น เล่าเรื่องราวตอนที่พ่อของเธอยังทำโรงน้ำแข็งอยู่ การประดับตกแต่งจึงใช้เครื่องจักรเกี่ยวกับโรงน้ำแข็ง ส่วนแห่งที่สองคือ MeStyle Garage ตกแต่งในคอนเซปต์ตรงตัวคือโรงรถ โดยเป็นช่วงที่พ่อของเธอเริ่มมีของสะสมเป็นของตัวเอง จึงตกแต่งสไตล์โรงจอดรถ มีมอเตอร์ไซค์รุ่นแปลกๆ ที่คุณพ่อสะสมตั้งโชว์อยู่ และส่วนของห้องพักยังมีการนำรถบ้านมาทำเป็นห้องพักอีกด้วย 

        “ถ้าเดินมาจากหน้าโครงการจะเห็นว่ามีการประดับสมอเรืออยู่ โลโก้ของเราก็เป็นสมอเรือ นี่เป็นความตั้งใจของทางทีมผู้ก่อตั้งคือคุณพ่อและผู้ออกแบบ ว่าที่นี่จะเป็นแลนด์มาร์กของโรงแรม MeStyle จึงใช้สมอเรือเป็นสัญลักษณ์ของการตั้งรกราก แล้วพอเข้ามาในล็อบบี้หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าที่นั่งพักทำมาจากเรือขนาดใหญ่ มีนัยยะว่าเหมือนการที่เราทอดสมอเรือแล้วหันหัวเรือเข้ามาตั้งหลักอยู่ ณ ตึกแห่งนี้” 

MeStyle Museum

        เราต้องการให้ที่นี่เป็นที่ที่คนมาแฮงเอาท์ สนุกสนาน และยังสามารถจัดอีเวนต์ได้ ทำให้ที่นี่อาจจะไม่ได้เป็นแค่โรงแรมที่เช็กอินเพื่อเข้าพักอย่างเดียว” 

        โฟร์บอกเล่าฟังก์ชันการใช้งานของโรงแรมให้ฟัง โดยยกตัวอย่างเพิ่มเติมอย่างร้านอาหารของโรงแรม เธอพยายามตอบโจทย์ผู้เข้าพักที่มีหลากหลายสไตล์ โดยเปิดพื้นที่ข้างล่างเป็นร้านอาหารอีสาน แต่ตกตอนกลางคืนก็จะมีการเล่นดนตรีสด และอาหารจะเปลี่ยนเป็นแนวฟิวชัน ส่วนมุมเครื่องดื่ม หรือที่เรียกว่า ‘สมบัติบาร์’ ก็จะมีความเป็นตัวของตัวเองชัดเจน รวมถึงร้านอาหาร The Map จะเป็นอาหารไทยแบบฟิวชันที่มีสไตล์ของตัวเองชัดเจนเช่นเดียวกัน 

        นอกจากส่วนกลางของโรงแรม และร้านอาหารที่มีของสะสม งานศิลปะประดับตกแต่งแล้ว โซนห้องพักตั้งแต่ชั้น 3 รวมถึงชั้นดาดฟ้า ยังมีคอนเซปต์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสกับอารมณ์และแรงบันดาลใจที่หลากหลาย  เช่น ชั้น 3 ตกแต่งเป็นสีแดงเบอร์กันดีจากคอนเซปต์ The Red Carpet มีความเป็นแนวแฟชั่น ผสมผสานกับความหรูหรา ส่วนที่ชั้น 4 ออกแบบโทนสีเขียวด้วยคอนเซปต์ศิลปิน โดยตลอดทั้งชั้นจะมีผลงานของศิลปินมากมายแขวนตกแต่งอยู่ และมาถึงชั้นที่ 5 คือสีเหลืองสดใส ที่ประดับด้วยโปสเตอร์ภาพยนตร์อย่างสวยงาม 

        “เพราะสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับลูกค้าที่เข้ามาพัก เราไม่ได้อยากให้เขารู้สึกอะไรไปมากกว่าการผ่อนคลาย และได้รับแรงบันดาลใจ”

        หลังจากพูดคุยกับทายาทรุ่นที่ 2 ของเครือโรงแรม และเดินชมของสะสม ตลอดจนงานศิลปะ จนรู้สึกสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่ถูกเติมเต็มด้วยความคิดสร้างสรรค์แล้ว ก็ทำให้เราอยากจะ booking จองห้องพักเสียเดี๋ยวนั้น ยิ่งถ้าหากใครอยากหลีกหนีจากความวุ่นวายของโลกภายนอก เพื่อมาพักผ่อนเติมพลังและแรงบันดาลใจให้กับตัวเองแล้ว รับรองว่าสถานที่แห่งนี้ ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน 


เรื่อง: คุลิกา แก้วนาหลวง | ภาพ: แพรวา ชัยแสงจันทร์