จากความตั้งใจที่อยากจะทำขนมปังที่ทั้งอร่อยและถูกปากคนไทยในบรรยากาศของความเป็นป่าที่ทั้งลึกลับและอบอุ่น ทำให้ Forest Bake ร้านขนมปังกระท่อมน้อยหลังเล็กจากเชียงใหม่ของ ‘ลิน’ – นลินนา ลี และสูตรขนมปังของ คุณแม่ประณีต เชิดจารีวัฒนานันท์ ประสบความสำเร็จในกลุ่มคนรักขนมปังเป็นอย่างมาก ซึ่งตอนนี้ก็ได้ขยายสาขาที่สองมาสู่กรุงเทพมหานคร ในซอยเล็กๆ ที่เงียบสงบย่านสุขุมวิท พร้อมๆ กับบรรยากาศกระท่อมหลังเล็กที่แสนอบอุ่น และรสชาติขนมปังอบสดใหม่ที่อร่อยถูกปากตามแบบฉบับของ Forest Bake เช่นเดิม
“พอขยายสาขามาที่นี่เราก็อยากคงคอนเซ็ปต์ให้เหมือนกับที่เชียงใหม่คือ ลึกลับ หายาก อยู่ในที่ที่คนไม่พลุกพล่าน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องอยู่ใกล้กับสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ก็ได้มาเจอตึกเก่านี้ซึ่งเมื่อก่อนเป็นโรงเย็บผ้า คุณลุงเจ้าของตึกบอกว่า ทำเป็นร้านได้นะ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่อยู่อาศัยอย่างเดียว เราชอบความโลคอลของที่นี่ เพราะข้างๆ ก็มีร้านขายของชำ ร้านขายก๋วยเตี๋ยว ร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ เลยชอบและตัดสินใจเลือกตรงนี้” เจ้าของร้านสาวสวยเริ่มเล่าให้เราฟัง
“ที่นี่เราทำกับแฟน แฟนเราทำแบรนดิ้ง เราจะเรียกตัวเองว่าเป็นฝั่งวินเทจ ส่วนของเขาจะเป็นฝั่งคอนเทนต์ ก็จะเป็นสองสไตล์ที่ผสมผสานกัน อย่างแรกเราก็เริ่มคิดกันก่อนว่าอยากให้เป็นร้านยังไง เนื่องจากตึกมันเล็ก ก็เลยคิดว่าจะเน้นให้เป็นแบบ Take Away เพราะเราสังเกตชีวิตคนในกรุงเทพฯ ที่ดูมีความรีบเร่ง ใช้เวลาอยู่ในรถตลอดเวลา หรือไม่ก็อยู่บ้านเพราะขี้เกียจรถติด เลยออกมาเป็นว่าจะไม่ใช่คอนเซ็ปต์แบบคาเฟ่ แต่จะเป็นแบบ Grab & Go กับ Pick Up แล้วก็ Delivery จะไม่มีการเซอร์วิซ เป็น Self Service หมดทุกอย่าง”
“หลังจากนั้นเราก็มาดูเรื่องสี เราพยายามสังเกตสีที่เป็นเทรนด์ในเมืองกรุงว่าเป็นยังไง ก็เจอว่ามันเป็นสีทอง เลยนำมาคิดต่อว่าจะทำยังไงให้เกิดความมีเสน่ห์แบบกรุงเทพฯ เราเลยนำสีทองเข้ามาเล่นผสานไปกับความเป็นไม้ที่เราจะเน้นใส่ในบรรยากาศ ซึ่งเห็นแล้วก็จะนึกถึงกลิ่นอายของ Forest Bake ที่เชียงใหม่ แต่ที่นี่จะมีความเป็นเมืองผสมผสานอยู่นิดๆ
“ส่วนการตกแต่งก็จะมี Installation Art แขวนบนเพดานเหมือนที่เชียงใหม่ ที่นั่นประมาณ 6 เดือนจะเปลี่ยนครั้งหนึ่ง แต่ที่นี่คือเปลี่ยนเป็นฤดูกาลเพื่อให้คนไม่รู้สึกเบื่อ เนื่องจากร้านเราเล็ก ไม่ค่อยมีพื้นที่ เราเลยอยากให้คนที่เข้ามาได้แรงบันดาลใจอะไรกลับบ้านไป ไม่ใช่มาซื้อขนมอย่างเดียวแล้วก็กลับ ถึงแม้ไม่ใช่คาเฟ่ แต่อย่างน้อยก็ยังสัมผัสอะไรบางอย่างกลับไปได้”
ระหว่างพูดคุย เราเห็นทั้งพนักงานและคุณแม่ประณีตซึ่งเป็นเจ้าของสูตรขนมปังทุกชนิด เดินขึ้นลงระหว่างชั้นล่างและชั้นสองอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับมีขนมอบใหม่ๆ ที่วางบนถาดติดมือลงมาเพื่อนำมาเติมตรงโต๊ะวางขนมปังด้วย นั่นเป็นเพราะบริเวณชั้นสองของที่นี่จะเป็นครัวสำหรับอบขนมปังสดใหม่ทุกวัน ทำให้เราได้กลิ่นหอมๆ ของขนมอบใหม่อยู่แทบจะตลอดเวลา
เนื่องจากเป็นร้านเล็กๆ ที่ต้องการการใส่ใจในทุกมิติ ของทุกอย่างในร้านจึงไม่ได้เป็นของที่ซื้อสำเร็จรูป แต่ใช้วิธีทำขึ้นมาใหม่เอง นอกจากจะได้อารมณ์ดิบๆ แล้ว ยังสัมผัสได้ถึงความเป็นกันเองและความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้น
“เรียกได้ว่าที่นี่พวกของตกแต่งเป็น D.I.Y หมด อย่างพวกโต๊ะ เราก็ออกแบบเอง ให้ช่างเหล็กที่เป็นชาวบ้านทำ เก้าอี้ก็เอาเก้าอี้เก่ามาเปลี่ยนใหม่ โต๊ะเคาน์เตอร์ใหญ่คือเอาไม้เก่าที่มีอยู่แล้วไปขัด แล้วไปให้ช่างเหล็กใส่ขา แม้กระทั่งมือจับประตู เราใช้เวลาปรับเป็นปีถึงจะเปิดร้าน”
ถ้าใครเคยได้ไปเยือนร้าน Forest Bake สาขาแรกที่เชียงใหม่ ก็น่าจะคุ้นเคยกับบรรยากาศของร้านได้เป็นอย่างดี ทุกมิติถูกออกแบบให้ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของตัวร้านให้มีเอกลักษณ์ของความเป็น Forest Bake ที่ใครสัมผัสก็สามารถรับรู้และเข้าใจได้
“คอนเซ็ปต์ของ Forest Bake ทั้งที่เชียงใหม่ และที่นี่ เหมือนกันเลยคือรูป รส กลิ่น เสียง ตั้งแต่เห็นข้างนอก เดินเข้ามา จนถึงชิมคำสุดท้าย เดินเข้ามาก็จะได้กลิ่นหอมๆ ของทั้งดอกไม้ กลิ่นขนมอบใหม่ หรือกลิ่นไม้ ซึ่งเราถือว่าตรงนี้เป็นคาแร็กเตอร์ที่คนเข้ามาแล้วอยากให้หลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่ง แล้วมันไม่ใช่ความสุขจากการได้ทานอย่างเดียว แต่ทุกๆ องค์ประกอบมันกลมกลืนเป็นสิ่งเดียวกัน คือความสุขและการได้พักผ่อน เหมือนเราอยู่โลกที่วุ่นวายข้างนอก แต่พอเข้ามาในร้านก็เหมือนได้พักใจ”
WHERE TO FIND FOREST BAKE BKK
Facebook: Forest Bake BKK