บ้านหลังใหญ่ที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ ขวามือคือร้านอาหารในเรือนกระจก ตรงหน้าอาหารสี่เหลี่ยมสีขาวสองชั้น ชั้นบนสุดคือโซนที่อยู่อาศัยของเจ้าของพื้นที่ ด้านหลังที่เห็นแวบหนึ่งคือเรือนกระจกอีกหลังที่เวลานี้ยังไม่มีใครมาจับจอง ส่วนชั้นล่างแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งซ้ายคือคาเฟ่ ส่วนฝั่งขวาคือร้านเสื้อผ้า Punch Whale ร้านเล็กๆ ที่เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงเดือน ที่นี่เราจะมานั่งคุยกับเจ้าของร้านถึงแนวคิดของการเปิดร้านท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในตอนนี้
Punch Whale ต่อยปลาวาฬในมหาสมุทร คือชื่อร้านเสื้อผ้าและไลฟ์สไตล์ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากการตั้งคำถามขึ้นมาว่า ยังเหลืออะไรอีกบ้างที่มนุษย์ยังทำไม่ได้ มนุษย์ทำเรื่องเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้หลายต่อครั้ง ทั้งการเหยียบดวงจันทร์ การค้นพบทฤษฎีต่างๆ มากมาย ขบคิดอยู่นาน คำตอบที่ได้กลายเป็นเพียงเรื่องโจ๊กขำขัน คือ ‘ต่อยปลาวาฬในมหาสมุทร’ น่าจะเป็นเรื่องยาก เพราะไม่มีใครอยากทำ แต่นั่นกลับเป็นนัยยะสำคัญที่ทำให้ร้านเล็กๆ แห่งนี้เกิดขึ้น
ประตูบานน้อยได้เปิดรอต้อนรับพวกเราพร้อมคำกล่าวสวัสดีและรอยยิ้มกว้างๆ ของ ‘น้อง’ – บุญยวีร์ บุนนาค หญิงสาวที่ยึดอาชีพสไตลิสต์เป็นงานหลัก และเปิดแบรนด์ Punch Whale เป็นงานที่เธอรักและใฝ่ฝัน เสียงนุ่มๆ ของเธอเชิญชวนให้เราเข้าไปสำรวจร้านเล็กๆ ที่มีแสงไฟโทนอุ่นอมส้ม เราเห็นว่าผนังด้านหนึ่งเต็มไปด้วยภาพถ่ายท้องทะเลหลายแผ่นเคียงข้างกับโปสต์การ์ดจากหลากหลายประเทศ กลางร้านแขวนกระเป๋าผ้าพิมพ์ลายฮาวายพร้อมจักรเย็บผ้าวินเทจสะดุดตา กับราวแขวนเสื้อผ้าที่เธอออกแบบเอง ผสานไปกับเสียงเพลง easy listening ที่คลอเบาๆ ทุกอย่างที่นี่จึงดูเบาสบาย
“เราอยากให้ทุกคนเดินเข้ามาในร้านแล้วรู้สึกเหมือนกัน คือวันนี้เป็นวันหยุด ทุกๆ วันคือวันแห่งการพักผ่อน สบายๆ สัมผัสได้ตลอดเวลา” – เราก็คิดเช่นนั้น จึงเอ่ยถามไปว่าที่บ้านของเธอตกแต่งสไตล์นี้ด้วยหรือเปล่า เธอพยักหน้าพลางเล่าว่า เมื่อเพื่อนๆ ของเธอมาที่นี่ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมือนบ้านที่เธออยู่ไม่มีผิด
แบรนด์เล็กๆ
บรรยากาศน่ารักๆ ช่างขัดแย้งกับชื่อร้าน Punch Whale ที่แปลว่า การต่อยปลาวาฬ เธอหัวเราะแล้วเล่าถึงที่มาของชื่อนี้ว่า เกิดขึ้นเพราะชายหนุ่มข้างกายอย่าง ‘ปั้น’ – ชาคริต ศุภคุตตะ คู่หูธุรกิจและคู่ชีวิตผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์
“ตอนนั้นปั้นกับกลุ่มเพื่อนผู้ชายพูดกันเล่นๆ ว่ายังมีอะไรที่มนุษย์ยังทำไม่ได้บ้าง เพื่อนบางคนบอกว่าไปดวงจันทร์ มนุษย์ก็ไปมาแล้ว หลายอย่างมนุษย์ก็ทำไปแล้ว แต่ถ้าเป็นการลงไปต่อยปลาวาฬในมหาสมุทร สิ่งนี้น่าจะเป็นเรื่องยาก และคงไม่มีใครทำกัน เรื่องเล่าเล่นๆ ขำขันในวันนั้น จึงกลายมาเป็นชื่อแบรนด์ในภาษาอังกฤษว่า Punch Whale หรือการต่อยปลาวาฬ ในวันนี้” น้องหัวเราะและเสริมอีกว่า หากตีความในอีกมุม ก็คงเป็นการทำเรื่องที่ยากและท้าทาย เช่นเดียวกับกลุ่มเพื่อนผู้ชายที่ดันอยากขายเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิง
เสื้อผ้าออกแบบเองกับของแต่งบ้านกระจุกกระจิก
เสื้อผ้าส่วนใหญ่ในร้าน Punch Whale มีทั้งโทนสีขาวครีมสบายตาที่สามารถสวมใส่ได้ในทุกๆ วัน กับชุดที่เต็มไปด้วยลวดลายและสีสันสดใส สามารถเพิ่มความสดชื่นในวันธรรมดาๆ ให้ดูพิเศษขึ้นมาได้
โดยน้องเล่าแรงบันดาลใจในการออกแบบว่า มาจากลุกส์สบายๆ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของตัวเองเป็นหลัก บวกกับความชื่นชอบในบรรยากาศของทะเลและวันหยุดพักผ่อน ทั้งหมดจึงผสมผสานกันจนกลายเป็นเสื้อผ้าในสไตล์ของ Punch Whale
นอกจากเสื้อผ้าสีสันสดใสและสบายตาแล้ว สินค้าที่น้องออกแบบยังรวมถึงกระเป๋าสานใบใหญ่ กระเป๋าผ้าลวดลายน่ารัก รวมถึงการสรรหาของตกแต่งบ้านสิ่งละอันพันละน้อยจากความชอบของตนเองที่มาจากการเดินทางท่องโลก ก่อนจะนำมาจำหน่ายและตกแต่งร้านเพื่อให้เกิดมุมเล็กๆ ดูแล้วน่ารักกระจุกกระจิก สดชื่นและสดใสขึ้นได้ในทุกๆ มุม
จาก ‘บูธ’ สู่หน้าร้าน
กว่าจะเดินทางมาเป็นร้าน Punch Whale ในปัจจุบัน น้องและปั้นก็เคยหอบหิ้วสินค้าออกไปผจญภัยตาม art market ต่างๆ มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนตลอดระยะเวลา 7 ปี
เธอเล่าไปยิ้มไปว่าการออกบูธแต่ละครั้งในอดีตก็มีพื้นที่จำกัด ปกติแฟร์หนึ่งมักมีขนาดกว้างสามเมตร ลึกเพียงหนึ่งเมตรครึ่ง แม้แต่ในรถบ้าน หรือพื้นที่แคบขนาดเท่าหนึ่งเสื่อปู ทั้งคู่ก็เคยขายมาแล้ว จากของอัดแน่นเต็มคันรถ จึงต้องคัดเหลือเพียงไม่กี่ชิ้น แต่น้องเองก็ยังมองว่าเป็นเรื่องน่าสนุกตอนทำทุกครั้ง เมื่อต้องคิดว่าครั้งต่อไปจะจัดร้านสไตล์ไหน จะขายของอะไร แนวไหนได้อีกบ้าง
จนเมื่อทั้งคู่เริ่มพูดคุยถึงก้าวต่อไปของแบรนด์ และเชื่อว่ายังมีกลุ่มผู้คนอีกมากที่อยากมาเจอ ทำความรู้จัก และชอบในสไตล์ของ Punch Whale จึงตัดสินใจที่จะเปิดร้านของตัวเอง แล้วทั้งคู่ก็พบว่าการเปิดร้านนั้นกลับสร้างความรู้สึกชื่นใจในอีกแบบ เพราะลูกค้าสามารถแวะเวียนมาพบกันได้ทุกเมื่อ น้องเผยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่าเธอรู้สึกดีใจและมั่นใจขึ้นมากเมื่อได้จัดร้านในวันแรก ได้หยิบสิ่งของมาจัดวาง ให้มันได้ออกมาหมุนเวียน สลับสับเปลี่ยนกันอวดโฉมตัวเองได้อย่างเต็มที่ จากนั้นรอยยิ้มที่กว้างก็มีคำตอบที่บอกกับเราว่า เมื่อของแฮปปี้ เธอก็พลอยแฮปปี้ตามไปด้วย
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
แต่โชคชะตาก็สร้างอุปสรรคให้เป็นเรื่องยากขึ้น เมื่อโอกาสในการเปิดร้านที่ทั้งคู่ใฝ่ฝันไม่สามารถเป็นไปได้ง่ายเช่นเดิม แผนการเริ่มร้าน Punch Whale ที่วางเอาไว้ตั้งแต่สิ้นปีที่ก่อน เป็นอันต้องพับเก็บไว้ก่อนชั่วคราวเมื่อพบกับสถานการณ์โควิด -19 จนต้องเลื่อนเวลาเปิดร้านออกไปอีกหลายเดือน
“ตอนนั้นเราเองก็ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ว่าควรเปิดร้านต่อ หรือเลื่อนออกไปก่อน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเปิดเพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศเศร้า เหงา นอยด์ ให้เป็นการรีเฟรชตัวเอง ตัวแบรนด์ Punch Whale และคนรอบข้าง” น้องยังเผยว่าการตัดสินใจเปิดร้านยังสร้างแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครโดยที่เธอไม่รู้ตัวด้วย
แต่ทุกอย่างก็มาพร้อมการวางแผนและทำการบ้านในทุกๆ วัน ว่าจะทำอย่างไรให้คนอยากแวะมาหาที่ร้าน รวมถึงขยันโพสต์ลงสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นเพื่อเสริมการตลาดในช่วงนี้ เพราะทั้งคู่ยังเชื่อว่า ในการทำธุรกิจ ต่อให้มีอุปสรรคมากแค่ไหน ทุกวิกฤตก็ยังสามารถพลิกให้เป็นโอกาส แม้จะมีความลังเลและกังวลใจ แต่ถ้าเราเลือกที่จะคิด ลงมือทำ และแก้ไขปัญหาเหล่านั้น เรื่องยากๆ ก็อาจกลายเป็นเรื่องง่าย เพราะอย่างน้อยเราไม่ได้ปล่อยให้โอกาสแห่งความใฝ่ฝันนั้นสูญเปล่า
ปั้นและน้องพูดถึง Punch Whale ด้วยสายตาและรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข จนเราสัมผัสได้จากหัวใจ และจากบรรยากาศที่รายล้อมโอบกอดทุกคนไว้ภายในร้าน Punch Whale แห่งนี้