คงเป็นธรรมชาติของพื้นที่ทำเลทองที่จะเต็มไปด้วยผู้คน โดยเฉพาะช่วงเช้าก่อนเริ่มงานและช่วงเย็นหลังเลิกงาน
แต่สิ่งที่ทำให้ ‘อารีย์’ ไม่เหมือนกับย่านธุรกิจทั่วไป ในความหลากหลายของคนที่ผ่านไปมา เราอาจแยกพวกเขาโดยใช้การสังเกตจากรูปลักษณ์ภายนอก เช่น เสื้อผ้าที่สวมใส่ และจังหวะการก้าวเดิน สำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่อารีย์มาอย่างยาวนาน เขาจะมองเห็นพื้นที่ตรงนี้เป็นหมู่บ้านหรือชุมชนย่อมๆ ที่ทุกคนต่างคุ้นเคยกันดี เขาจะสวมเสื้อผ้าลำลองแสนสบาย เดินออกมาจากบ้านโดยไม่รีบร้อน เพราะอาจเพียงต้องการมาจ่ายตลาด หรือซื้อหาอาหารเช้าเพื่อกลับไปกินในช่วงสายๆ ของวัน อีกกลุ่มคือคนหนุ่มสาวล่วงไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ที่ปรากฏตัวในชุดคัตติ้งสุดเนี้ยบ หรือหากเป็นลุกส์แคชชวลก็จะเป็นแคชชวลที่เกิดจากความตั้งใจ ในมือของเขาหรือเธอจะต้องหอบหิ้วโน้ตบุ๊กหรือการงานมหาศาลที่จะต้องสะสางให้หมดภายในวันก่อนจะโดยสารรถไฟฟ้ากลับไปยังที่พักอาศัย
สำหรับหนุ่มสาวเจ้าของร้าน ‘GLOC’ มัลติแบรนด์สโตร์ พวกเขามองตัวเองเป็นเหมือนเพื่อนบ้านผู้ย้ายเข้ามาใหม่ ที่หลงรักในบรรยากาศกึ่งบ้านกึ่งเมืองของอารีย์ สอดคล้องกับสมดุลชีวิตที่หนุ่มสาวสมัยนี้ต่างโหยหา ร้านค้าของพวกเขาเป็นห้องกระจกขนาดกระทัดรัด ฉาบผนังด้วยสีขาว เพื่อต้อนรับสินค้าทุกชิ้นที่ผลัดเปลี่ยนกันมาจัดวาง หากเราข้ามถนนมาอีกฟากและเดินมาจนสุดซอย จะพบกับร้านอาหารเก่าแก่ ‘บ้านพึงชม’ ในบรรยากาศคลาสสิกของบ้านไม้กลางสวน ที่ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์และคุณค่าแบบเดิม
ความผูกพันต่ออารีย์
‘หมี’ – ชัยภาส เตียตระกูล ทายาทรุ่นที่สองของ ‘บ้านพึงชม’ ร้านอาหารไทยในดวงใจคนย่านอารีย์ ข้างๆ ร้านอาหารคือบ้านที่เขาและครอบครัวใช้อยู่อาศัย ในฐานะของผู้เกิดและเติบโตที่นี่เขามองเห็นความเปลี่ยนแปลงของอารีย์จากซอยร้างไร้ผู้คนมาสู่พื้นที่แฮงเอาต์สุดฮิป แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผู้คนหน้าใหม่สลับเปลี่ยนแวะเวียนมาที่อารีย์มากมาย แต่สำหรับหมี อารีย์ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของความคลาสสิก
“ถ้าเปรียบอารีย์เป็นคน (นิ่งคิด) เขาคือพระเอกเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ถ้าพูดตอนนี้ก็คือคนวัยเก๋าแล้วล่ะ เมื่อก่อนเขาจะจับกลุ่มกันมากินมาดื่มที่นี่ แล้วก็ชอบที่จะนั่งคุยกับคุณแม่ของผม เพราะท่านจะออกมาเสิร์ฟอาหารแล้วคอยถามไถ่ถึงรสชาติด้วยตัวเอง และเราจะยังเสิร์ฟอาหารรสชาติดั้งเดิมที่พวกเขาคุ้นเคยตั้งแต่วัยหนุ่ม”
01 จากบ้านสู่ร้านอาหาร
“หลังร้านอาหารเป็นบ้านที่เราอยู่อาศัยกันจริงๆ ถ้าเทียบอายุก็ประมาณ 70 ปีแล้ว อยู่มาตั้งแต่รุ่นคุณทวดเลย คุณทวดของผมมีชื่อว่า ‘พึงชม’ ท่านเคยเป็นหัวหน้าแม่ครัวอยู่ในวังของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลย พอยุคหลังออกจากวังก็มีเพื่อนๆ แวะมากินข้าวที่บ้านเรา และติดใจในรสมือคุณทวด จนมาถึงรุ่นคุณแม่ที่เป็นรุ่นหลานซึ่งเคยได้ชิมรสมือของคุณยายพึงชมมาตั้งแต่เกิด ได้รับสืบทอดสูตรอาหารต่างๆ มาโดยตลอด จึงออกไอเดียเปิดร้านอาหารในที่สุด”
02 อารีย์ในวันวาน
“ผมเป็นคนรุ่นที่สี่ เกิดและเติบโตที่บ้านหลังนี้ ไม่มีรถพลุกพล่านอย่างทุกวันนี้ วันหยุดเลยชอบไปขี่จักรยานเล่นกับพี่น้อง อารีย์เป็นซอยเงียบๆ นะ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยวที่มีรั้วรอบขอบชิด ปิดประตูต่างคนต่างอยู่ อาจจะมีคนผ่านไปมาบ้าง ก็แค่คนทำงานในกรมประชาสัมพันธ์กับกรมสรรพากร ตอนจะเปิดร้านคุณแม่ยังกังวลว่า ร้านเราเป็นซอยตัน จะมีคนมากินมั้ย แต่พอมีคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาติดใจแล้วก็ไปชักชวนให้คนอื่นๆ ตามกันมาในที่สุด”
03 ความเปลี่ยนแปลงที่อยากเห็น
“อารีย์เริ่มเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัดในช่วงที่มีโครงการที่อยู่อาศัยเข้ามา ทัศนียภาพเปลี่ยนจากป่ามาสู่ความเป็นเมือง ร้านค้าก็เริ่มมากขึ้น ทำให้พื้นที่มีสีสันมากขึ้นด้วย เมื่อก่อนต้องขับรถออกไปหาอะไรกิน แต่เดี๋ยวนี้แค่เดินไปหน้าปากซอยก็มีคาเฟ่ มีร้านอาหารนานาชาติให้เลือกกินมากมาย ในสายตาของคนที่อยู่มาก่อน ผมมองว่ามันเป็นความน่ายินดีนะที่มีเพื่อนบ้านมากขึ้น แต่อยากให้เพื่อนบ้านรักและทะนุถนอมอารีย์ อยากรักษาสมดุลระหว่างความเป็นบ้านกับความเป็นเมืองเอาไว้ ถ้ารถติดมาก คุณก็อาจจะหันมาใช้บริการสาธารณะบ้าง อย่างน้อยคุณอาจจะได้เพื่อนใหม่ที่ใช้ชีวิตอยู่ในย่านเดียวกัน”
…
เพื่อนบ้านคนใหม่ที่ตกหลุมรักอารีย์
ย้อนกลับไปสักสี่ห้าปีก่อน แม้อารีย์จะเริ่มขึ้นชื่อในเรื่องคาเฟ่และร้านอาหารสำหรับการแฮงเอาต์ยามค่ำคืนแล้ว แต่สิ่งที่ยังขาดคือไลฟ์สไตล์ในช่วงกลางวัน หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งผู้ที่ชอบมาใช้ชีวิตในย่านนี้จึงตั้งใจว่าอยากเปิดมัลติแบรนด์สโตร์ที่รองรับชีวิตของผู้คนที่ผ่านไปมา รวมทั้งเติมเต็มความฝันของพวกเขา
GLOC มัลติแบรนด์สโตร์สุดฮิปที่เต็มไปด้วยสปิริตของคนหนุ่มสาว ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน ‘จูนจูน’ – พัชชา พูนพิริยะ, ปรีดี เฮงษฎีกุล, ‘เค้ก’ – อภิพรรณ มงคลพาณิชยกิจ และ ‘ปั๊ม’ – นิธิศ วงศ์สวัสดิ์
“อารีย์ไม่ใช่คนๆ เดียว แต่อารีย์คือครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วยพ่อแม่ลูก ภาพในหัวของเราคือบ้านที่มีพื้นที่ของสวนสีเขียว เลี้ยงหมาในบ้านไว้สักตัวหนึ่ง ดูอบอุ่นๆ หน่อย แล้วครอบครัวนี้เขาจะมีความรักในที่อยู่อาศัยของตัวเอง ติดบ้าน ถ้าเราเข้าไปในบ้านของเขาก็จะเห็นการตกแต่งและข้าวของเครื่องใช้ที่มีรสนิยมอย่างแน่นอน”
01 เพื่อนบ้านคนใหม่
“พวกเราไม่ได้ชอบใช้ชีวิตในเมืองที่มันแออัดมากๆ เราเกิดมาพร้อมกับความแออัดเหล่านั้น เราจึงโหยหาเมืองที่มันกึ่ง Neighborhood กึ่ง City อารีย์มีความเฟรนด์ลีที่เรามองหา เรารู้สึกว่าเขาเปิดต้อนรับการเข้ามาเป็นเพื่อนบ้านของเรา และเราอยากทำให้คนที่มาบ้านนี้รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังได้เดินผ่านบ้านคน สลับกับร้านอาหาร แล้วก็มาเจอร้านขายเสื้อผ้าของพวกเรา ความหลากหลายสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันบนพื้นที่แห่งนี้”
02 พื้นที่ที่สอดคล้องกับจังหวะชีวิต
“ตอนตัดสินใจย้ายเข้ามามันดูเป็นปรากฏการณ์ที่หลายๆ ร้านค้าพร้อมใจเข้ามาเหมือนกัน เป็นช่วงที่คนกำลังรู้สึกอิ่มตัวกับพื้นที่ที่มันเป็นศูนย์การค้ามากๆ อยากหาพื้นที่ที่สอดคล้องกับจังหวะชีวิตของเขา วันที่เราเปิดจึงไม่เงียบเหงา เพราะมีเพื่อนบ้านเป็นคาเฟ่ ร้านขายจักรยาน และร้านอาหารต่างๆ ที่มีคาแร็กเตอร์ใกล้เคียงกับพวกเราด้วย”
03 พื้นที่ที่เติมเต็มความฝันหนุ่มสาว
“มันน่าจะเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นกับเด็กจบใหม่ทั่วโลกเลยนะ เรามักจะรู้สึกว่า พอเรียนจบแล้วอยากหาพื้นที่ที่เป็นของฉัน การไปทำงานประจำในองค์กรที่เราอาจจะเป็นแค่ส่วนเสี้ยวเล็กๆ นั้นคงไม่ใช่ ดังนั้น การได้มาเปิดธุรกิจของตัวเองบนพื้นที่ที่เป็นเราจึงเป็นสิ่งที่เติมเต็มความฝันและทำให้สปิริตของคนหนุ่มสาวมันเปล่งประกายออกมาได้มากกว่า”
ไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน มุมมองและการใช้สอย ‘อารีย์’ ของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งซึ่งมีร่วมกันคือ ทุกคนต่างหลงรักในเสน่ห์ ในความเฟรนด์ลีที่แสดงออกผ่านถนนหนทางที่เอื้อต่อการเดินเท้า สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แออัดเกินไป รวมไปถึงรอยยิ้มอันเป็นมิตรของผู้คนในพื้นที่
อารีย์คือพื้นที่แห่งความผูกพันสำหรับคนที่อยู่มาก่อน อีกทั้งยังพร้อมเปิดรับเพื่อนบ้านคนใหม่ที่ต้องการใช้ชีวิตในความสมดุลระหว่าง ‘ความเป็นบ้าน’ และ ‘ความเป็นเมือง’ เสน่ห์เช่นนี้เองที่ทำให้คนทุกเพศทุกวัยสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันบนพื้นที่แห่งนี้ได้อย่างมีความสุข
สู่สมดุลของการใช้ชีวิตของการอยู่อาศัยกับโครงการ SAVVI ARI4 บนพื้นที่ใกล้รถไฟฟ้า สุนทรียภาพของการใช้ชีวิตที่ประณีตและมีสไตล์ในทำเลใหม่ย่าน ‘อารีย์’ ที่รังสรรค์มาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่จะเติมเต็มความฝัน และมอบมุมสงบสำหรับพักผ่อนแก่ผู้อยู่อาศัย
โครงการตั้งอยู่ในซอยอารีย์ 4 รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการทั้งร้านค้า ร้านอาหาร อาคารสำนักงาน พิเศษสุดเพียง 39 ยูนิต ห้องใหญ่เหมือนอยู่บ้าน
สนใจลงทะเบียนได้ที่ www.savvicondo.com