ฝนแรกของฤดูกาลมาเยือน เป็นสัญญาณให้ชวนสามีและลูกชายออกเดินทางไปให้ร่างกายได้สัมผัสกับวิวภูเขาที่มีไอหมอกคลอเคลียยามเช้า ได้เอาเท้าจุ่มน้ำใสไหลเย็นจากแม่น้ำ สายตาทอดมองออกไปไกลโดยที่ไม่ต้องเจอกับตึกระฟ้าที่มาบดบัง ได้เห็นลูกวิ่งเล่นและยิ้มแฉ่งจนหน้าบาน ปอดได้สูดอากาศดีๆ สองมือได้ละจากแป้นคีย์บอร์ด ไปเติมพลังให้ชีวิตที่ลดลงจนขีดแดงให้กลับมาเต็มอีกครั้ง เราจึงเลือกมากันที่ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
สวนสัตว์เปิดซาฟารีปาร์ค
เราออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่หกโมงเช้า มุ่งหน้าสู่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี พิกัดแรกของมินิทริปครั้งนี้อยู่ที่สวนสัตว์เปิดซาฟารีปาร์ค หลังจากจอดรถเรียบร้อย ไปซื้อตั๋วเข้าชม ต่อคิวเพื่อขึ้นรถมินิบัสที่พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวร่วมเดินทางเข้าไปสู่บ้านจำลองของสัตว์ป่าด้านใน ระหว่างรอรถ อย่าลืมซื้ออาหาร ซึ่งเป็นแครอตหั่นแท่งในกะละมังเล็กๆ ราคา 100 บาท/4 ใบ เพื่อป้อนให้กับน้องแพะ กวาง ม้าลาย และยีราฟที่เดินเล่นอยู่ด้านใน
คำแนะนำ : อย่าลืมพกน้ำดื่ม ขนมหรือของว่าง รวมทั้งทิชชูเปียกและหมวกกันแดดสำหรับทุกคนรวมถึงเจ้าตัวเล็กไปด้วย เพราะหลังจากลงรถบัสทัวร์ซาฟารีแล้ว ยังมีโซนให้ชมสัตว์จุดอื่นๆ ต่ออีกเพียบ
รถมินิบัส
“เมื่อพร้อมกันแล้ว ลุงจะออกเดินทางแล้วนะ” ลุงคนขับรถบัสเอ่ยขึ้นเพื่อเรียกความสนใจจากเด็กๆ ที่อยู่ในรถ แล้วลุงก็บอกว่า ก่อนจะเข้าโซนสัตว์ดุร้ายอย่างสิงโต เสือ หมี จะต้องปิดหน้าต่างให้เรียบร้อยเพื่อความปลอดภัย แต่เอาเข้าจริงพวกมันดูเหมือนจะไม่แยแสรถราที่วิ่งผ่านเลยสักนิด แถมยังหลบไปนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้อย่างเบื่อหน่ายผู้คนเสียอีก
คำแนะนำ: หากเป็นไปได้ให้จับจองนั่งที่เบาะคู่ด้านหน้าหลังคนขับ เพื่อความตื่นตาตื่นใจ และเห็นวิวเบื้องหน้ากับด้านข้างได้อย่างเต็มตา
ยีราฟตัวใหญ่
ไฮไลต์ของที่นี่อยู่ที่เจ้ายีราฟตัวใหญ่ ทันทีที่รถมินิบัสมาจอดในพื้นที่ของยีราฟ พวกมันจะกรูกันเข้ามาหารถ ยื่นหัวโตๆ เข้ามาทางหน้าต่างหน้ารถอย่างรวดเร็ว แล้วงับ! กินแครอตในกะละมังอย่างตะกละตะกลามจนหายวับไปในเวลาไม่กี่วินาที และหลังจากนั้นเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นและสนุกสนานของเด็กๆ ที่นั่งอยู่หลังรถก็ดังขึ้น
จุดนี้รถจะจอดแช่อยู่สักพัก ให้เด็กๆ ได้เต็มอิ่มกับเจ้ายีราฟตัวใหญ่อย่างจุใจ ส่วนเจ้ายีราฟก็ผลัดกันผลุบๆ โผล่ๆ หน้าต่างบานนั้นทีบานนี้ที มองหาแครอตที่เหลืออย่างใจเย็น (ก่อนจะเข้าจู่โจม)
จุ๊บแก้มยีราฟ
ทันทีที่เจ้าตัวป่วนถูกยีราฟตัวใหญ่เข้าจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว มารู้ตัวอีกที แก้มตอบๆ ของยีราฟก็มาแนบกับจมูกน้อยๆ ของเขาอย่างไม่ตั้งใจ แต่ลูกชายเราก็ไม่มีทีท่าเกรงกลัว มีแค่ท่าทางที่ออกจะงุนงงและนึกสงสัย หลังจากเจ้ายีราฟได้แครอตในมือลูกชายไป มันก็หดหัวออกนอกหน้าต่าง แล้วเปลี่ยนเป้าหมาย จากไปอย่างไยไม่ดี ส่วนเราก็ได้แต่หยิบทิชชูเปียกมาเช็ดมือเช็ดหน้าให้ลูกพลางหัวเราะขำกับเหตุการณ์ก่อนหน้า
แม่น้ำแควน้อย
หลังจากตะลุยซาฟารีเรียบร้อย พวกเรามุ่งหน้าสู่แม่น้ำแควน้อยแถวอำเภอทองผาภูมิ กับที่พักที่ชื่อว่า เมฆคีรี ริเวอร์แคว รีสอร์ต เราเลือกที่นี่เพราะวิวดี โซนแพพักก็มีไม้ไผ่ล้อมกั้นรอบด้านปลอดภัยในกรณีที่มีเด็กวัยซนมาด้วย แต่ก็มีบริเวณที่เปิดช่องเล็กๆ ไว้ให้ขึ้นลง หากอยากกระโดดน้ำที่หน้าห้อง เบื้องหน้าคือแม่น้ำแควน้อย ใสแจ๋ว ปริมาณน้ำจะมากน้อยขึ้นอยู่กับการเปิดปิดของเขื่อนวชิราลงกรณ์ที่อยู่ถัดไปด้านบน
ช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ แม่น้ำเบื้องหน้าจะตื้นเขิน จนบางจุดเห็นหินกรวดที่อยู่เบื้องล่าง บางจุดน้ำตื้น จนกลายเป็นเกาะกลางน้ำ โดยมีฉากหลังคือภูเขาน้อยใหญ่สลับกันไป พร้อมสายฝนเม็ดเล็กๆ ที่เริ่มโปรยลงมา สดชื่นดีจริง
ล่องแพ
หลังจากเช็กอินเรียบร้อย ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะมีล่องแพตอนเวลา 15.30 น. ราคาคนละ 100 บาท เด็กเล็กสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร ไม่เสียค่าใช้จ่าย ลักษณะแพลากของที่นี่จะเป็นแผ่นไม้แข็งแรง ขนาดความกว้างประมาณ 4 เมตร ไม่มีที่กั้นใดๆ เปิดโล่ง ลากโดยเรือเล็กติดเครื่องยนต์เสียงดังกระหึ่ม เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ให้เราได้นั่งมองวิวสองข้างทางอย่างอ้อยอิ่ง ส่วนลูกชายจะนั่งตักแม่ ดูสายน้ำ สลับกับเดินเล่นบนแพบ้าง โดยทุกย่างก้าวก็อยู่ในการดูแลของพ่อแม่อย่างใกล้ชิด
คำแนะนำ: ล่องแพกับลูกตัวป่วนวัยขวบครึ่ง ก่อนที่แพจะเคลื่อนที่ คุณพ่อคุณแม่จะต้องสวมเสื้อชูชีพให้กับตัวเองและเด็กๆ เสมอ ควรล็อกสายใต้หว่างขาด้วย เพื่อไม่ให้เสื้อชูชีพหลุดออกจากตัวลูก ที่สำคัญคืออย่าลืมพกน้ำดื่ม ผ้าเช็ดตัว หมวกกันแดด ไปให้พร้อมด้วย
เล่นน้ำ เล่นหินกรวด
เมื่อเรือเล็กลากแพใหญ่มาจนถึงจุดที่น้ำตื้นที่สุด จนกลายเป็นเกาะกลางน้ำ เราสามารถพาเจ้าตัวน้อยลงมาเล่นน้ำเย็นๆ ได้ พาลูกเดินบนหินกรวดสักก้าวสองก้าว เพื่อให้เท้าของเขาได้สัมผัสกับธรรมชาติและสิ่งแปลกใหม่ที่ต่างออกไปจากพื้นปูน พาลูกนั่งเล่นในน้ำตื้นๆ แค่ตาตุ่ม เปิดโอกาสให้เขาได้ทอดมองสิ่งรอบข้าง ให้ได้อยู่กับตัวเองบ้าง โดยปราศจากเสียงของผู้ใหญ่คอยเรียกหรือห้ามปราม แต่ที่ตรงนั้น พ่อแม่ตายายจะอยู่ข้างหลัง และข้างๆ เสมอ เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกหันมา ก็จะรู้สึกถึงความมั่นใจและความปลอดภัยที่ส่งมาให้จากทุกคน
คำแนะนำ : เวลาพาลูกลงน้ำ ค่อยๆ ประคองตัวเขา ห้ามปล่อยเด็ดขาด เพราะหน้าจะทิ่มไปข้างหน้า ใบหน้าของลูกจะจุ่มน้ำ อาจสำลักได้ เนื่องจากเด็กเล็กยังทรงตัวกับเสื้อชูชีพไม่เป็น แต่เมื่อเขาเริ่มชินและรู้สึกปลอดภัย ความสนุกก็จะตามมา
ตักบาตรยามเช้า
เช้าวันรุ่งขึ้น ในเวลา 7.30 น. เจ้าหน้าที่จะขับเรือเล็กไปรับหลวงตาจากวัดข้างๆ รีสอร์ตมาให้ผู้เข้าพักได้ตักบาตร ถวายสังฆทาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ครอบครัวของเราทำเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว โชคดีที่เวลามาท่องเที่ยวแล้วได้มาตักบาตร ทำให้กิจวัตรประจำวันของลูกชายหมุนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ วิวรอบตัวที่เปลี่ยนไป และไม่ใช่หลวงตาองค์เดิม จากนั้นก็รับพรและกรวดน้ำ เป็นการเช็กต์เอาต์ที่สบายใจกันทั้งครอบครัว
คำแนะนำ: ก่อนกลับกรุงเทพฯ อย่าลืมแวะไปเดินเล่นที่ ‘เขาแหลมสกายวอร์ก’ เล่น ‘สไลเดอร์เนินหญ้า’ และชมวิวบนสันเขื่อนวชิราลงกรณ์ ทั้งหมดเข้าฟรี ไม่เสียค่าทำกิจกรรมใดๆ เพิ่มเติม