Viewfinder | ออกเดินทางสำรวจโลกกว้างกับคุณปู่ม้าเหล็กของไทย ผู้อาวุโสไม่แพ้ใครในโลก

เมื่อได้รับโจทย์ให้ออกเดินทางด้วยรถไฟ ในเส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ปลายทางจังหวัดเพชรบุรี เราจึงเริ่มวางแผนอย่างหลวมๆ ทั้งตารางเวลารถไฟ สถานที่ที่ห้ามพลาด ร้านอร่อยที่ต้องลอง และที่พักที่ชิลพอจะทำให้การเดินทางครั้งนี้แตกต่างจากที่เคย จะมีก็แต่เพียงระยะเวลาของทริปนี้เท่านั้นที่เราตั้งค่าไว้ชัดเจนว่า จะใช้เวลา 2 วัน 1 คืนให้รื่นเริง เผื่อว่าใครกำลังมองหาเส้นทางระยะสั้นๆ แต่ใช้เวลานานพอที่จะอยู่กับตัวเองและคนข้างๆ และขณะที่เท้าก้าวเข้าสู่ชานชาลาที่ 7 สถานีรถไฟหัวลำโพง อยู่ๆ เนื้อเพลงคุ้นหูก็ผุดขึ้นมาให้พออุ่นใจ

 

ถ้าจะไปก็ไปด้วยกันนะ ไปคนเดียวไม่เอาหรอก

 

 

THE STARTING POINT

     เรานัดเจอช่างภาพสาวเพื่อนร่วมทางของเราที่สถานีรถไฟกรุงเทพ แบบเผื่อเวลาให้พอได้เดินสำรวจบรรยากาศหัวลำโพงในช่วงเช้า ก่อนที่จะเดินเข้าไปตีตั๋วรถไฟขบวน 261 เส้นทางกรุงเทพ-หัวหิน ซึ่งจะออกเดินทางเวลา 9.20 น. และถึงสถานีรถไฟเพชรบุรีเวลา 12.34 น. แต่เมื่อเหลือบมองหมุดหมายของรถไฟสีฟ้าขบวนนี้ พวกเราก็แอบลังเลระหว่างเมืองขนมหม้อแกงหวานอร่อย กับหนุ่มนักเดินทางผมทองตรงหน้า เอ้ย! กับชายหาดทะเลหัวหินถิ่นพักตากอากาศดังในอดีต และแน่นอน เราไม่ขอเลือกพี่ให้เสียดายน้อง ตัดสินใจลงเอยที่สถานีรถไฟหัวหิน สำหรับการเดินทางวันแรกก่อนต่อรถเข้าเมืองเพชรบุรีในช่วงเย็น เพื่อเที่ยวชมตัวเมืองในวันถัดมา

 

 

JUST TAKE IT SLOW

     ขณะที่รถไฟเคลื่อนตัวออกจากกรุงเทพฯ และแวะรับผู้โดยสารรายทางไปตลอดจนถึงจุดหมาย เราเปิดบทสนทนาวงเล็กๆ กับเพื่อนร่วมทางที่มาด้วยกัน แทนที่จะชวนเพื่อนร่วมทางแปลกหน้าสนทนา เพราะใจหนึ่งก็เกรงใจผู้โดยสารท่านอื่นๆ ที่บ้างก็จับกลุ่มร้องเพลง บ้างก็กำลังทอดอารมณ์กับเพลย์ลิสต์ส่วนตัวผ่านภาพประกอบที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วราว 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกใจเราก็อยากเก็บแรงไว้ลุยหาดทราย สายลม และอาหารทะเลสดๆ กับน้ำจิ้มรสแซ่บตลอดระยะเวลา 4 ชั่วโมงกว่าๆ

     เราสงสัยว่านอกจากความน่ารักของชื่อสถานีรถไฟ ชื่อตำบล ชื่ออำเภอที่ผ่านสองข้างทาง ความสนุกที่ได้เคลียร์หนังสือที่ซื้ออ่านค้างไว้ตั้งแต่งานสัปดาห์หนังสือครั้งก่อน ความดีงามที่ได้ฟังเพลย์ลิสต์เพลงเหงาที่เตรียมไว้เมื่อหลายเดือนก่อนแบบเต็มๆ

     ความเพลิดเพลินที่ได้หลับใหลในจังหวะฉึกฉักผสมกับพัดลมธรรมชาติเบอร์แรงสุดแสนเย็นสบาย จะยังมีเหตุผลอื่นใดอีกบ้างที่ทำให้คนเราเลือกเดินทางด้วยรถไฟแทนระบบขนส่งประเภทอื่น

 

 

DAY ONE : BANGKOK-HUA HIN

     จากกรุงเทพฯ พวกเราเดินทางถึงสถานีรถไฟหัวหินเวลา 14.00 น. ก่อนโบกมือเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งที่ตลาดเมืองหัวหิน เพื่อแวะเติมพลังกันด้วยห่อหมกทะเล หอยลายผัดฉ่า ปลาหมึกผัดไข่เค็ม และข้าวผัดปูจานโต ที่ร้าน-อาหารหัวหินโกทิ ซึ่งตั้งอยู่ปากซอย 57 ถนนเพชรเกษม ก่อนเดินกลับมาที่ตลาดเพื่อขึ้นรถสองแถวมุ่งหน้าสู่เขาตะเกียบ ชมวิวทะเลหัวหิน เลือกลิ้มลองอาหารทะเลสดๆ ก่อนเดินทางเข้าเมืองเพชรด้วยรถตู้ประจำทาง แล้วต่อวินมอเตอร์ไซค์ไปที่ White Monkey Guesthouse ที่พักใจกลางเมือง

 

 

DAY TWO : PETCHBURI-BANGKOK

     เช้าวันถัดมา พวกเราปั่นจักรยานไปอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) แวะสักการะพระนอน วัดพระพุทธไสยาสน์ ก่อนจะไปถึงจุดขึ้นรถรางไฟฟ้า ซึ่งแม้อากาศร้อนจัดด้านบนเขาวังจะทำให้พวกเรายืนชมวิวเมืองด้วยหน้าตาที่ยู่ยี่ไปบ้าง แต่ภาพมุมนี้นี่แหละที่คอยบอกว่าความจริงตัวของเรานั้นเล็กมากแค่ไหน จากนั้นออกแรงปั่นจักรยานกลับเข้าตลาดพื้นเมืองเพชรบุรี เติมความสดชื่นกันด้วยข้าวแช่แม่เอื้อน หน้าสถานีอนามัย

     แล้วไปเลือกซื้อขนมหม้อแกงเจ้าอร่อยที่ร้านสงวนโพธิ์พระ ที่เราติดใจรสชาติที่ไม่หวานจนเกินไป แถมอยู่ในขนาดที่น่ารักพอดีอิ่มสำหรับ 1 ท่าน แล้วไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดพลับพลาไชย ตื่นตากับมหรสพเก่าแก่ที่หาดูได้ยาก ก่อนจะปั่นจักรยานกลับไปคืนที่พักแล้วเดินทางด้วยรถตุ๊กตุ๊กไปสถานีรถไฟเพชรบุรี เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเวลา 15.09 น. ด้วยรถไฟขบวน 262 เส้นทางหัวหิน-กรุงเทพฯ

 

 

เรื่อง: นภษร ศรีวิลาศ
ภาพ: มณีนุช บุญเรือง