‘A Disneyland without roller coasters’ หรือ ‘ดิสนีย์แลนด์ที่ไม่มีรถไฟเหาะ’ คือคำกล่าวยกย่องของสื่อนานาชาติที่มีให้แก่งานเทศกาลโคมไฟไต้หวัน (Taiwan Lantern Festival) งานเทศกาลที่ผู้มาเยือนจะได้พบโคมไฟน้อยใหญ่จำนวนนับพันที่ถูกออกแบบอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ประดับประดางดงามท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบายของราตรีช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ และดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้มาเยือนนับสิบล้านคนในแต่ละปี
สำหรับปีนี้เทศกาลโคมไฟไต้หวันจัดขึ้นเป็นปีที่ 31 แล้ว และมีเมืองเจ้าภาพคือไถจง เมืองทางตอนกลางที่สำคัญของไต้หวัน ซึ่งในปี 2020 นี้นับเป็นครั้งที่สองของไถจงในการเป็นเจ้าภาพจัดงานโคมไฟไต้หวันในรอบห้าปีที่ผ่านมา (แต่เป็นครั้งที่สามที่เคยจัด คือปี 2003, 2015 และ 2020) ปัจจุบัน เทศกาลโคมไฟไต้หวันได้กลายเป็นเครื่องหมายการค้าของการท่องเที่ยวในไต้หวันไปแล้ว ในขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไต้หวันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนไต้หวันมากที่สุดในโลก รวมถึงทำให้ผู้คนจากทั่วโลกได้รู้จักกับเทศกาลแห่งแสงสว่างนี้
สื่อนานาชาติบางสำนักถึงกับมอบตำแหน่ง ‘เทศกาลที่ดีที่สุดในโลก’ และยกย่องว่าเทศกาลโคมไฟไต้หวันคือ ‘ดิสนีย์แลนด์ที่ไม่มีรถไฟเหาะ’ เลยทีเดียว
สำหรับปีนี้ โคมไฟหลักจะมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่เคยปฏิบัติมาในอดีต ที่จะใช้สัญลักษณ์เป็นสัตว์ในจักรราศีจีนในปีนั้นๆ เป็นตัวชูโรง แต่จะเป็นการออกแบบด้วยธีมที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของพื้นที่ท้องถิ่นที่จัดงานขึ้น (เช่นเดียวกับปีก่อนที่ใช้ปลาทูน่าเป็นโคมไฟหลักของเทศกาล เพราะพื้นที่หลักที่ใช้ในการจัดงานอย่าง ‘ตงกัง’ เป็นเมืองที่มีผลผลิตทางการประมงเยอะ และมีปลาทูน่าเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีชื่อเสียง) เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมือง และมณฑลที่เป็นเจ้าภาพจัดเทศกาลให้ทันกับยุคสมัย ผ่านการสร้างสรรค์ เชื่อมงานคราฟต์กับสุนทรียภาพในการออกแบบ ผสานประเพณีดั้งเดิมและนวัตกรรมเข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับงานเทศกาลโคมไฟไต้หวันสู่ความเป็นสากลมากขึ้น
ดังนั้น ทั้งรัฐบาลและเทศบาลเมืองผู้จัดงานจึงประกาศว่าเทศกาลโคมไฟไต้หวันจะยกระดับเป็นเทศกาลโคมไฟ 2.0 ซึ่งมีวิสัยทัศน์และมีชีวิตชีวามากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการแบ่งปันและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างชาวเมืองและผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมชมจากทั่วโลกมากขึ้นเช่นกัน
ปี 2020 นี้ เทศกาลโคมไฟเน้นการออกแบบในธีม ‘Splendid Taichung under rays of the rising sun’ หรือ ‘ไถจงที่เรืองรองภายใต้แสงอาทิตย์อันแผดจ้า’ ในความเป็นจริง คำว่า ‘แสงอาทิตย์อันแผดจ้า’ ออกเสียงว่า ‘Shu Guang’ หรือ ‘ชู่ กวง’ ในภาษาจีนกลาง ซึ่งสัตว์อันเป็นสัญลักษณ์ของปีนี้อย่างหนูก็ออกเสียงว่า ‘ชู่’ เช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการต้อนรับปีแห่งหนูบนปฏิทินจักรราศีจีน
แสงอาทิตย์อันแผดจ้าก็ดี หรือหนูก็ดี ล้วนสะท้อนถึงความหวังของชาวเมืองสำหรับอนาคตที่ดียิ่งขึ้น โดยเทศกาลโคมไฟที่ไถจงครั้งนี้ จะแสดงนโยบายห้าประการที่มุ่งเน้นของไถจง ได้แก่ การอนุรักษ์ระบบนิเวศ (ecological conservation), วิถีชีวิตที่สร้างสรรค์ (creative lifestyle), ทรัพย์สินทางวัฒนธรรม (cultural assets), เศรษฐกิจและอุตสาหกรรม (economy and industry) และความหลากหลายและการรวมกัน (diversity and inclusion)
ยามต้นฤดูใบไม้ผลิที่อากาศเย็นสบาย ช่วงกลางวัน ไถจงเต็มไปด้วยความน่าสนใจมากมายให้ได้สำรวจ แต่เมื่อยามอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงนวลจากเทศกาลโคมไฟอันน่าตื่นตาตื่นใจที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรม และเสน่ห์อันงดงามของเมืองตอนกลางแห่งไต้หวันนี้ก็ส่องสว่างขึ้นมา เป็นสัญญาณว่าความสุขและการเฉลิมฉลอง กำลังเริ่มต้นพร้อมกับทุกคนที่มาเยือน
Guardian of the Forest – Tree of Light
ศิลปินผู้ออกแบบ: Lin Shuen Long
โคมไฟยักษ์ตระหง่านรูปต้นไม้นี้ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ผู้พิทักษ์แห่งป่าไม้’ และเป็นโคมไฟหลักของเทศกาล ประกอบไปด้วยรายละเอียดสิ่งละอันพันละน้อยอย่างผีเสื้อกระพือปีก นกร้องเจื้อยแจ้ว ดอกไม้มีกลิ่นหอม อันเป็นตัวแทนของงานศิลปะที่สะท้อนให้เห็นถึงเมล็ดพันธุ์อันเล็กจ้อยที่สามารถเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ยักษ์ได้ วงไฟที่เรืองแสง 22 วงตามลำต้นของต้นไม้ยักษ์ เป็นตัวแทนเขตเทศบาลและมณฑล 22 แห่งของไต้หวัน ในขณะที่ดอกตูม 368 ดอก เป็นตัวแทนของอำเภอและเมืองในไต้หวัน และใบรูปหัวใจ 2,359 ใบ เป็นตัวแทนของประชาชน 23.59 ล้านคนในไต้หวัน และสุดท้าย ตรงยอดของต้นไม้จะเป็นกลุ่มผีเสื้อ White-eared sibia ที่กำลังโบยบินเต้นรำร่วมกัน
The Sound of Flowers Blooming – Heart of Everlasting Light
ศิลปินผู้ออกแบบ: Lin Shuen Long
The Heart of Everlasting Light เป็นสัญลักษณ์แทนการเคลื่อนไหลของชีวิตด้วยแสงและเงาที่เปลี่ยนไปตามจังหวะ เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่สวยงามยามค่ำคืนใจกลางพลาซ่าขนาดใหญ่ที่ไม่ควรพลาด งาน installation ที่ถูกออกแบบให้มีโครงสร้างคล้ายลูกกอล์ฟขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยแสงสีขาวนวล ราวกับฝูงนกหรือท้องฟ้าที่วิบวับไปด้วยดวงดาวพร่างพราว ผู้ที่มาชมสามารถเดินผ่านสวนดอกไม้เรืองแสงราวความฝันเข้าไปชื่นชมความงดงามใกล้ๆ ก็ได้ หรือจะหามุมนั่งสบายๆ เพื่อเพลิดเพลินกับกลไกที่ขยับเปลี่ยนผ้าให้ดูเหมือนกลีบดอกไม้กำลังเบ่งบาน และเทคโนโลยีแห่งสีสันที่สลับสับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาท่ามกลางความมืดยามค่ำคืนก็ได้เช่นกัน
Blessings to the World – Creative Side Lantern
ศิลปินผู้ออกแบบ: Lin Chi-yu
อย่างที่กล่าวไปว่าในปีนี้งานเทศกาลโคมไฟมีโซนที่เป็นงาน interactive ที่ช่วยยกระดับงานเทศกาลโคมไฟไต้หวันสู่ความเป็นสากลมากขึ้น เช่นกันกับโครงสร้างทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่เต็มไปด้วยแสงสีชิ้นนี้ หากสังเกตดีๆ จะมีส่วนประกอบเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสหลายชิ้นที่มารวมกัน และมีทางเข้าเป็นทรงกลม ซึ่งในวัฒนธรรมไต้หวันดั้งเดิม ‘วิธีการรวมจัตุรัสและวงกลมในคราวเดียวกัน’ หมายถึงการสร้างความแตกต่างด้วยใจที่เปิดกว้าง
สี่เหลี่ยมจัตุรัสแต่ละชิ้นแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์ทุกประเภทที่มนุษย์เคยผ่านมา และมันหลอมรวมให้เป็นเรา ส่วนวงกลมหมายถึงการเติมเต็มความสามัคคีและความเมตตาให้แก่กัน ทั้งสองสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึง ‘การอยู่ร่วมกัน’ และ ‘การถนอมและปกป้องซึ่งกันและกัน’ อันเปรียบเสมือนการใช้ทรัพยากรของโลกอย่างหวงแหนและยั่งยืน
Jazz and a Mice Wedding – Traditional Side Lantern
ศิลปินผู้ออกแบบ: Lan Yung-chi
พื้นที่สำหรับโคมไฟแสนสนุกที่ได้แรงบันดาลใจจากนิทานเด็กสำหรับช่วงปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติที่ชื่อ The Mouse Gets Married หรือ เจ้าหนูกำลังจะแต่งงาน โดยศิลปินผู้สร้างสรรค์อย่าง Lan Yung-chi ได้สร้างสรรค์งานแต่งงานให้ออกมาครึกครื้นจากขบวนพาเหรดหนูและดนตรีแจ๊ซ ที่ถือเป็นการผสานความสนุกสนานจากสไตล์ของฝั่งตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะหนูยักษ์อารมณ์ดีที่ยิ้มแป้นถือแซ็กโซโฟน กลายเป็นจุดไฮไลต์ที่ครอบครัวมักจูงมือกันมาหามุมถ่ายภาพอย่างสนุกสนานท่ามกลางลมหนาว
A Hundred Singing Birds – Traditional Side Lantern
ศิลปินผู้ออกแบบ: Wang Yao-jui
อีกหนึ่งความสวยงามที่ส่องสว่างสะท้อนผืนน้ำยามราตรี โคมไฟยักษ์ไก่ฟ้า Mikado ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็น ‘ราชาแห่งสายหมอก’ ที่สะท้อนถึงความสวยงามของชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหลราวมวลเมฆอยู่เสมอ เรื่องราวชีวิตของไก่ฟ้าถูกเล่าขานเพื่อให้กำลังใจผู้คนในการแสวงหาตัวตนที่แท้จริงของตนเองมากกว่าบรรทัดฐานที่สังคมวาดไว้ พร้อมกับความเชื่อที่ว่า เสรีภาพและความกระจ่างชัดเจนคือแก่นแท้ของธรรมชาติ เมื่อพบกับความสุข ชีวิตของเราก็เป็นเหมือนภาพของไก่ฟ้า Mikado ที่บินทะยานสู่ฟากฟ้าพร้อมกับเหล่าสหายที่รายล้อมในทุกทิศทาง
Artistic & Creative Lanterns – Kingdom of Fantasies
พื้นที่สำหรับงาน installation ที่ประกอบไปด้วยงานที่มีคาแรกเตอร์หลักๆ สามแบบ ได้แก่ ป่า, ภูต และมนุษย์ จากศิลปิน 15 คน ที่เชี่ยวชาญด้านศิลปะการจัดวาง การแกะสลัก สิ่งทอ การสร้างสรรค์จากพืช การออกแบบเครื่องแต่งกาย และเทคโนโลยี interactive
Island of Everlasting Light – High-tech Lanterns
หนึ่งในโซนไฮไลต์สุดเซอร์เรียล ผลิตผลของการร่วมมือกันระหว่างทีมไต้หวันและทีมฝรั่งเศส ก่อกำเนิดเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่สามารถพบได้ที่ใดในโลกนอกจากไต้หวัน ที่ดึงดูดผู้คนให้มาเยี่ยมชมและดื่มด่ำประสบการณ์ผ่านงาน interactive และเทคโนโลยีการติดตั้งที่หรูหราราวหลุดออกมาจากฉากในโลกภาพยนตร์
International Lanterns
พื้นที่สำหรับจัดแสดงโคมไฟจากนานาชาติ ซึ่งเราสังเกตว่าส่วนใหญ่จะมาจากญี่ปุ่น หากแต่ก็สร้างความแปลกตาเวลาได้เยี่ยมชม
เทศกาลโคมไฟไต้หวันที่ไถจง
จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8–23 กุมภาพันธ์ 2020 และมีพื้นที่จัดแสดงหลักสามแห่ง ได้แก่ Houli Flora Expo Site: Forest Park Area, Houli Flora Expo Site: Horse Ranch Park Area และ Wenxin Forest Park
ขอขอบคุณการท่องเที่ยวไต้หวัน สำหรับประสบการณ์ที่แสนประทับใจตลอดการเดินทาง หากต้องการสอบถามหรือติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวไต้หวันเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ Taiwan Tourism Bureau TH หรือแอด LINE ทาง http://bit.ly/322Ts9x