เยรูซาเล็ม

เยรูซาเล็ม เมืองที่ไม่ได้มีแต่ความขัดแย้ง

เยรูซาเล็มคือดินแดนเก่าแก่ดินแดนหนึ่งของโลก เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญต่อสามศาสนาหลัก นั่นคือศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ในแต่ละปีจะมีผู้ศรัทธาเดินทางมายังดินแดนแห่งนี้มากมาย และถึงแม้ประเทศจะมีสงครามความขัดแย้งกับดินแดนข้างเคียงอยู่โดยตลอด แต่เยรูซาเล็มก็ยังคงความเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ทั้งทางด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรม โบราณสถานแห่งศรัทธาของที่นี่ก็ยังคงสวยงามและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี หากอยากสัมผัสดินแดนแห่งศรัทธาสามพันปี เยรูซาเล็มคือจุดหมายแรกที่ควรนึกถึง

“I don’t think the area of Jerusalem should be part of a Jewish state; it belongs to all people, to Christians and Muslims and the Jewish people.” – Patti Smith, an American artist

เยรูซาเล็มตั้งอยู่บนที่ราบสูงทางตอนใต้ของเทือกเขาจูเดียน ทางด้านตะวันออกมีอาณาเขตติดกับทะเลเดดซี ด้านตะวันตกติดกับที่ราบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตั้งแต่อดีตกาลเมืองนี้เป็นที่กล่าวขานว่าเป็นเมืองที่พระเจ้าเลือกสรรไว้ และยังเป็นเมืองที่เกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ต่อศาสนาคริสต์ อิสลาม และยิว โดยพระเยซูคริสต์และพระนบีมูฮัมหมัดเสด็จขึ้นสู่สรวงสวรรค์ที่นี่ และยังเป็นเมืองหลวงเก่าของชาวยิวมาตั้งแต่ยุคอียิปต์และบาบิโลน หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1949 เยรูซาเล็มได้กลายเป็นเมืองหลวงสำคัญของประเทศอิสราเอล สิ่งหนึ่งที่จะพบและสัมผัสได้หากมาเยือนเมืองนี้คือการอยู่ร่วมกันของแต่ละศาสนาในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ไม่เหมือนเมืองใดในโลก

โบราณสถานสำคัญที่เราจะพบเห็นและจ้องมองเมื่อไปเยือนคือ โดมทองแห่งเยรูซาเล็ม สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิวและอิสลาม โดมแห่งนี้สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 7 โดยครอบหินที่เชื่อกันว่าเป็นหินที่อับบราฮัมเตรียมการบูชายัญบุตรชาย และเป็นสถานที่ที่นบีมูฮัมหมัดเสด็จขึ้นสวรรค์ และถึงแม้ว่าที่นี่จะมีประวัติศาสตร์ทางศาสนาที่ซ้อนทับและยังหาข้อสรุปบางประการไม่ได้ แต่สิ่งที่ผู้เยือนพบเห็นได้ดีตลอดกว่าสองพันปีที่ผ่านมาคือความยิ่งใหญ่และสวยงาม เหมาะสมกับเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาอันยิ่งใหญ่ของโลก

เยรูซาเล็ม

บริเวณใกล้กับโดมทองแห่งเยรูซาเล็ม เป็นที่ตั้งของกำแพงร้องไห้ หนึ่งในสถานที่สำคัญของชาวยิว เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารแห่งใหม่ที่กษัตริย์เฮโรดสร้างขึ้น แต่ถูกทำลายลงโดยจักรวรรดิติตุสใน ค.ศ. 70 จึงทำให้คงเหลือไว้แต่กำแพงล้อมรอบวิหาร และต่อมาบริเวณแห่งนี้ก็อยู่ในเขตแดนของประเทศจอร์แดน หลังสงครามอิสราเอลและอาหรับสิ้นสุดลง ที่นี่จึงกลับมาเป็นของชาวยิวอีกครั้ง ปัจจุบันเป็นสถานที่ที่ชาวยิวทุกคนจะมาสักการะขอพร และร่วมรำลึกถึงความเป็นมาชนชาติของตัวเอง

สำหรับชาวคริสต์แล้ว วัดพระคูหาศักดิ์สิทธิ์คือหนึ่งในสถานที่สำคัญยิ่ง เพราะที่นี่คือสถานที่ที่เชื่อว่าพระเยชูคริสต์ถูกตรึงกางเขน หลังจากทรงแบกไม้กางเขนขึ้นมายังเนินแห่งนี้ แม้ในช่วงแรกสถานที่นี้จะถูกปกปิดโดยกษัตริย์เอเดรียน แต่ภายหลังกษัตริย์คอนสแตนตินที่ 1 ก็ทรงสร้างมหาวิหารแห่งนี้ขึ้นมาในปี ค.ศ. 324  และถึงแม้ในเวลาต่อมาจะถูกทำลายลงถึงสองครั้ง แต่ก็มีการบูรณะซ่อมแซมขึ้นมาใหม่จนกลายเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาคริสต์แห่งหนึ่งของโลก หากมาเยรูซาเล็ม ที่นี่คือหนึ่งในเป้าหมายที่นักเดินทางที่รักในประวัติศาสตร์ควรให้ความสำคัญ

เยรูซาเล็ม

แม้เยรูซาเล็มจะเป็นเมืองขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็ถือว่าเป็นเมืองที่พิพิธภัณฑ์เยอะที่สุดแห่งหนึ่ง พิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจได้แก่ พิพิธภัณฑ์อิสราเอล ซึ่งจัดแสดงเรื่องราวของประเทศอิสราเอล ประวัติศาสตร์ และบุคคลสำคัญของชาติ พิพิธภัณฑ์ไบเบิล พิพิธภัณฑ์หอคอยเดวิด นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้วยังมีสถานที่ราชการสำคัญๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาคารรัฐสภา มหาวิทยาลัย โดยสถานที่เหล่านี้จะอยู่ใกล้ๆ กันทั้งหมด หากคุณยังไม่รู้จะเริ่มต้นการท่องเที่ยว ณ จุดใด ให้มาบริเวณนี้ก่อนเป็นที่แรก แล้วจะเข้าใจประวัติศาสตร์อิสราเอลมากขึ้น

เยรูซาเล็ม

นอกจากสถานที่สำคัญต่างๆ แล้ว เยรูซาเล็มยังมีธรรมชาติที่สวยงามน่าค้นหา ไม่ว่าจะเป็นสวนเกทเสมนี ภูเขามะกอก และสวนสาธารณะอีกหลายแห่งในเมือง และที่พลาดไม่ได้คือการลองชิมอาหารท้องถิ่น และจำไว้ว่าวันเสาร์ของที่นี่ ผู้คนจะไม่ทำงาน แม้แต่ร้านอาหารก็ไม่เปิดขาย ควรเตรียมของกินติดตัวไว้ตั้งแต่เช้าๆ วันศุกร์ แม้ว่าการอยู่ในเยรูซาเล็มจะทำให้คุณต้องปรับตัวบ้าง แต่เมื่ออยู่จนชินแล้วคุณจะพบความน่าทึ่งของเมืองเก่าแก่แห่งนี้ ยามเย็นของเยรูซาเล็มสวยงามน่าจดจำ ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ตรงหน้าคือสิ่งที่มีมนต์ตรึงใจไม่รู้ลืม

ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย

ชั้น 25 อาคารโอเชียน ทาวเวอร์ II เลขที่ 75 ถนนสุขุมวิท ซอย 19 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร. 0-2204-9200