คำถวายพระพรชัยมงคล

สรุปคำถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

วันที่ 4 พฤษภาคม เวลา ๑๕.๐๐ น. หลังจากพิธีสรงมุรธาภิเษก ทรงรับน้ำอภิเษก และทรงรับเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสงราชศัสตราวุธ รวมถึงมีพระปฐมบรมราชโองการไปในช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลา ๑๕.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จออกมหาสมาคม รับการถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

 

คำถวายพระพรชัยมงคล

     หลังจากเจ้าพนักงานประโคมกระทั่งแตร มโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จออกยังหน้าพระวิสูตร กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลในนามพระบรมวงศานุวงศ์ ความว่า

     “ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์มีความปีติปราโมทย์เป็นพ้นประมาณที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติพระบรมราชสันตติวงศ์ฉลองพระองค์สมเด็จพระบรมชนกนาถและได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้มาประชุมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคลและแสดงความจงรักสวามิภักดิ์ในใต้เบื้องพระยุคลบาท

     “ในวาระแห่งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในอุดมศุภสมัยอันพิเศษนี้ ข้าพระพุทธเจ้าเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์จึงขอพระราชทานยกสัจธรรมขึ้นเป็นที่ตั้งร่วมจิตถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงจะตั้งตนตั้งใจไว้ให้มั่นคงในความซื่อสัตย์สุจริตและในความจงรักภักดี จะมุ่งมั่นประพฤติตนปฏิบัติงานตามภาระ ฐานะ และหน้าที่ของตน โดยเต็มกำลังสติปัญญา ความสามารถเพื่อธำรงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ กับขอพระราชทานตั้งสัตยาธิษฐานถวายพระพรชัยมงคลขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและเทวดาเทพน้อยใหญ่ซึ่งรักษาสยามรัฐสีมาราชัยสวรรค์กับทั้งพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์จงพร้อมกันอำนวยศรีสวัสดิมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ทรงสถิตสถาพรในมไหยสุริยสมบัติเป็นร่มรัตนฉัตรปกประเทศให้เป็นบุญญเขตอันร่มเย็นเป็นสุขแก่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายและประชาชนถ้วนหน้า ตลอดไป ชั่วกาลนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”

 

คำถวายพระพรชัยมงคล

     ลำดับถัดมาคือการกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของไทย ตัวแทนจากฝ่ายบริหาร ดังความว่า

     “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม เนื่องในโอกาสมหามงคที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงรับบรมราชาภิเษก เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๑๐ แห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ เพียบพร้อมด้วยพระบรมราชอิสริยยศ สมบูรณ์ตามขัตติยราชประเพณี

     “ข้าพระพุทธเจ้า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณา ในนามคณะรัฐมนตรี ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการพลเรือน และพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ด้วยความปีติเกษมโสมนัส และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ นับแต่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ สืบพระบรมราชสันตติวงศ์ ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันสถิตเสถียรพระเกียรติคุณให้ขจรไกล ประจักษ์ชัดในน้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมด้วยพระเมตตากรุณาแก่ปวงประชา นำมาซึ่งความผาสุกร่มเย็นในราชอาณาจักรทั่วทุกทิศานุทิศ พระราชกิจนานาประการสฤษดิ์สัมฤทธิ์ผล บันดาลประโยชน์สุขยิ่งล้นแก่อาณาประชาราษฎร์และแผ่นดินเสมอมา

     “วันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นวันมหามงคลของชาติและปวงประชาชนชาวไทย ปวงข้าพระพุทธเจ้าจักจดจำจารึกไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ขอคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพิภพสถานสากล อันมีพระสยามเทวาธิราชเป็นอาทิ ทั้งเดชะพระบารมีแห่งองค์สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช จงดลบันดาลอภิบาลรักษาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้ทรงพระเกษมสวัสดิ์ในสิริราชสมบัติไอศูรย์ สมบูรณ์พระเกียรติคุณขจรไกลไปทั่วทุกทิศานุทิศ พระราชกรณียกิจทรงประสาทประสิทธิ์เพื่อสุขแห่งปวงประชา จงสฤษดิ์ดังพระราชประสงค์ทั่วขอบเขตพัทธสีมา พระมหากรุณาธิคุณเกื้อหนุนไทยให้ไพบูลย์วัฒนา ทรงพระเจริญจำรูญพระบุญญา พระชนมายุยิ่งยืนนานผ่านเผ้า พระบารมีปกเกล้าเหล่าราษฎร์ชาติไทยให้มั่นคงสถาพรเรืองวิไล ตราบกาลนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ”

 

คำถวายพระพรชัยมงคล

     พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตัวแทนจากฝ่ายนิติบัญญัติ คือบุคคลที่ได้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลในลำดับต่อมา โดยมีใจความดังต่อไปนี้

     “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม เนื่องในโอกาสมหามงคที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงรับบรมราชาภิเษก เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๑๐ แห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ เพียบพร้อมด้วยพระบรมราชอิสริยยศ สมบูรณ์ตามขัตติยราชประเพณี

     “ข้าพระพุทธเจ้า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา ขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณา ในนามของฝ่ายนิติบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยความปีติโสมนัส และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

     “นับแต่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ สืบพระบรมราชสันตติวงศ์ ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการสืบสานต่อยอด และพัฒนาเพื่ออภิบาลพสกนิกรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความร่มเย็นเป็นสุข ทุกข์ภัยอันตรายใดๆ ทรงขจัดปัดเป่าให้ผ่านพ้นด้วยพระปรีชาสามารถ พระราชวิริยอุตสาหะและพระราชหฤทัยใส่ใจทุกข์สุขของอาณาประชาราษฎร์เสมอมามิได้ขาด พระเมตตากรุณายังความปลื้มปีติแก่ปวงประชาทุกหมู่เหล่า

     “วันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ นี้ เป็นวันมหามงคลของชาติและปวงประชาชนชาวไทยทั่วทุกทิศานุทิศ ซึ่งจะจารึกไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย อานุภาพแห่งเทพอันศักดิ์สิทธิ์ เรืองฤทธิ์ในจักรวาล พระสยามเทวาธิราช ดลบันดาลประสิทธิ์พรอันโอภาส ทั้งเดชะพระบารมีแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า โปรดอภิบาลประทานพร ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ให้ทรงพระเจริญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน พร้อมด้วยพิพิธพรพูนสวัสดิ์ ทรงบำเพ็ญปฏิบัติพระราชกรณียกิจสฤษดิ์ดังพระราชประสงค์โดยทศพิธ พระราชกิจจานุกิจยังความผาสุกร่มเย็น พระเกียรติคุณยังปรากฏเห็นขจรไกลในสากลทั่วรัฐสีมามณฑล เฉลิมพระเกียรติกำจร พระบารมีปกพสกนิกรทั่วหล้า ตราบจิรัฐติกาลเทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ”

 

คำถวายพระพรชัยมงคล

     สำหรับผู้ที่ได้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลเป็นลำดับสุดท้ายคือ ชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา ตัวแทนจากฝ่ายตุลาการ โดยมีใจความว่า

     “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม เนื่องในโอกาสมหามงคที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงรับบรมราชาภิเษก เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระมากษัตริย์พระองค์ที่ ๑๐ แห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ เพียบพร้อมด้วยพระบรมราชอิสริยยศ สมบูรณ์ตามขัตติยราชประเพณี

     “ข้าพระพุทธเจ้า นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา ขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณาในนามข้าราชการตุลาการทั้งมวลด้วยความปีติโสมนัสและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

     “นับแต่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ สืบพระบรมราชสันตติวงศ์ พระราชกรณียกิจที่ทรงบำเพ็ญปฏิบัติ ประจักษ์ชัดยิ่งในพระเมตตากรุณาที่ทรงมีต่ออาณาประชาราษฎร์เสมอมา ที่ทุกข์ร้อนโพยภัยทรงห่วงใย พระราชทานความช่วยเหลือแก้ไขให้ผ่านพ้น พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม ยังความผาสุกร่มเย็นแก่ปวงประชา ประเทศชาติวิวัฒน์พัฒนาด้วยพระบุญญาบารมีและพระปรีชาสามารถ

     “วันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นวันมหามงคลที่ปวงข้าพระพุทธเจ้าและประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศจักจารึกไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคลแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ขออานุภาพแห่งพระศรีรัตนตรัยและทวยเทพเทวฤทธิ์ทุกสถานอันมีพระสยามเทวาธิราชเป็นอาทิ จงอภิบาลรักษาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้ทรงพระสิริสวัสดิ์ เกษมสำราญ เจริญพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเจริญพร้อมพิพิธพรชัยอันไพศาล พระบุญญาบารมีปกผสานบ้านเมืองเรืองรุ่งมั่นคง ถ้าราชประสงค์จำนงใด ในอันจะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้งปวงให้ลุล่วงจงสัมฤทธิ์สฤษดิ์สมดังพระราชหฤทัยมุ่งหมายทุกประการเทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม”

 

     จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสต่อผู้มาเฝ้าฯ ว่า

     “ข้าพเจ้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางมหาสมาคมพรั่งพร้อมด้วยทุกท่าน จากทุกสถาบันสำคัญของชาติ และได้รับคำอวยพรอันเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต ขอขอบพระทัย และขอบใจในคำอำนวยพรและน้ำใจไมตรีของทุกท่านเป็นอย่างมาก

     “ในโอกาสนี้ ข้าพเจ้าขอเชิญชวนทุกท่านทุกฝ่ายในมหาสมาคมนี้ และประชาชนชาวไทยทุกคน ได้ตั้งความปรารถนาร่วมกันกับข้าพเจ้า ในอันที่จะร่วมกันปฏิบัติงานตามฐานะและหน้าที่ของตน โดยยึดเอาประโยชน์คือความเจริญมั่นคงของประเทศชาติ และความสงบร่มเย็นของประชาชนเป็นเป้าหมายสูงสุด ขอคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองรักษาทุกท่านให้ประสบความสุขความเจริญพร้อมด้วยพรอันเป็นมงคลทุกประการ”