วิเวียน เวสต์วูดคือใคร
คำตอบคือดีไซน์เนอร์สายพังก์จอมขบถ ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ ซึ่งแม้แต่คนที่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องแฟชั่น ก็อาจยังพอนึกภาพป้าหน้าตาก๋ากั่นอารมณ์ดีผมสีส้มแต่งตัวแปลกๆ แบบไม่สนใจโลก เสื้อผ้าสายพังก์ที่นางออกแบบโด่งดัง จนเป็นสินค้าส่งออกทำรายได้ให้ประเทศอังกฤษ ทำให้ได้รับพระราชทานฐานันดร Dame หลังจากที่เคยได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จักรวรรดิบริติชหรือ OBE เมื่อราวสิบปีก่อนหน้านั้น วันที่เข้าวังเพื่อรับพระราชทานเครื่องราชฯ จากพระหัตถ์ นางหมุนตัวให้ช่างภาพหน้าทางเข้าพระราชวังบัคกิงแฮม จึงเห็นว่านางไม่ได้สวมกางเกงในเข้าเฝ้า
สมกับเป็นขบถตัวแม่
ชื่อ: วิเวียน เวสต์วูด
เกิด: ค.ศ. 1941 อายุ 81 ปี (เสียชีวิต 29 ธันวาคม 2022)
อาชีพ: นักออกแบบเสื้อผ้าสายพังก์, นักรณรงค์ต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมและการเมือง
Silver Lining ที่เราอยากพูดถึง: ที่เราอยากพูดถึง: จิตวิญญาณขบถเข้มข้นซึ่งเป็นตัวตน มีความเป็นมนุษย์ที่ไม่เคยแปรเปลี่ยน หรือจืดจาง และยังมีความสำเร็จด้านธุรกิจอีกด้วย
คนที่สนใจเรื่องแฟชั่นและวัฒนธรรมร่วมสมัย คงรู้ว่า วิเวียน เวสต์วูด ออกแบบเสื้อผ้าให้วงพังก์ร็อกอย่าง The Sex Pistol ในยุค 70s ซึ่งแฟนของนางในตอนนั้นคือ มัลคอล์ม แม็คลาเรน เจ้าพ่อของขบวนการพังก์ร็อกซึ่งเป็นผู้จัดการวง นางบอกว่า “ไม่เคยอยากเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ ก็แค่ออกแบบเสื้อผ้าให้นักดนตรีช่วยแฟนในตอนนั้น จริงๆ แล้วเพิ่งจะมาสนุกกับการออกแบบเสื้อผ้าเมื่อสิบห้ายี่สิบปีมานี่เอง” คือบทสัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เมื่อราวสิบปีที่แล้ว
สำหรับวิเวียน พังก์ร็อกไม่ใช่แค่การไว้ผมโมฮอว์ก สวมชุดหนัง – โซ่ – เข็มกลัดซ่อนปลาย – เมคอัพสีดำ หรือบทเพลงซึ่งสำรอกเนื้อร้องชนิดฟังไม่รู้เรื่อง เธอมองว่า “พังก์คือปฏิกิริยาที่คนมี เมื่อรู้ว่าไอ้พวกที่ก่อสงครามเวียดนาม (ทำลายประเทศและชีวิตผู้คนนับล้าน) ตอนนี้ยังเป็นผู้นำโลก” ส่วนในแง่ของวัฒนธรรมนั้น “ช่วง 70s นี่คนเบื่อรสนิยมแบบฮิปปี้แล้ว คนกำลังมองหาอะไรใหม่ๆ”
วิเวียนสนใจวัฒนธรรมร่วมสมัยและประวัติศาสตร์ ฉันเห็นภาพโป๊ (ชนิดซอฟต์พอร์น) ที่เรียกว่าพินอัพติดเต็มผนัง ภาพมาจากยุค 50s สาวๆ ทรงสะบึมสวมเสื้อผ้าฉีกขาดเหมือนติดเกาะหรือไปโดนใครเขาปล้ำมา เลยคิดว่าเราเอาเสื้อผ้ามาฉีกแล้วทำเป็นแฟชั่นกันไหม น่าจะออกมาสวยดี”
เธอยังสนใจการแต่งตัวของแก๊งมอเตอร์ไซค์ (ก่อนที่จะมีใครรู้จัก) จึงเป็นที่มาของการใช้หนังสีดำมาทำเสื้อผ้า และยังเอาสโลแกนของชาวร็อก “Too fast to live, too young to die.” “เร็วเกินกว่าจะอยู่ เยาว์เกินกว่าจะตาย” มาตั้งชื่อร้านเสื้อของตนอยู่พักหนึ่งด้วย
“แต่ตอนหลังฉันเลิกสนใจแฟชั่นพังก์แล้ว แม้มันจะยังดูดีอยู่ เพราะคนก็แค่หยิบๆ มาใส่ แต่เลิกใช้ความคิด (อันเป็นที่มาของเสื้อผ้าขบถนี้) แล้ว
“การโจมตีสถาบันต่างๆ ของพังก์คือการถีบพังประตูเพื่อหวังผล” ซึ่งก็คือวัฒนธรรมคนหนุ่มสาวมาแต่ไหนแต่ไร “คนหนุ่มสาวใช้แฟชั่นเป็นข้ออ้างและเครื่องมือมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองและวัฒนธรรม การเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์กับการเป็นนักต่อสู้รณรงค์ของฉันมันส่งเสริมกัน พอเราดูดี มันช่วยให้มีคนฟังและเข้าใจสิ่งที่เราพูด”
และสำหรับคนหนุ่มสาว “เราต้องเดินหน้าให้เร็วกว่าระบบ”
พังก์ผู้มีวัฒนธรรม
ในรายการวิทยุของบีบีซีชื่อ Desert Island ซึ่งสัมภาษณ์คนดังเกี่ยวกับชีวิตและงานพร้อมถามว่าถ้าติดเกาะจะเอาเพลงอะไรไปฟัง เพลงที่นางเลือกมีแต่เพลงคลาสสิกจากงานบัลเลต์อย่างผลงานของไชคอฟสกี (คนโปรดของวิเวียน) สตราวินสกี เดอบุสซี ราเวล แรงบันดาลใจในการออกแบบเสื้อผ้าของนางก็มาจากประวัติศาสตร์ (โปรดปรานการแต่งกายของฝรั่งเศสในช่วงปฏิวัติมาก โค้ตตัวยาว คอร์เซต ผมทรงฟูฟ่อง) และโลกที่สาม
นางรักการอ่าน เคยบอกไว้ในหนังสือที่นางเขียนชื่อ ‘Get A Life’ ว่า “ฉันเชื่อว่าสถานะคือหนังสือนะ ‘จะเป็นผู้รับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น’ (The Catcher in the Rye) เป็นหนังสือที่อ่านไม่ยาก การไปไหนมาไหนโดยมีหนังสือเล่มนี้ติดมือไปด้วย นั่นแหละคือสถานะ” และยังบอกอีกด้วยว่า “คนหนุ่มสาวต้องมีวินัยและหนังสือเต็มชั้น”
“ความทุกข์อย่างนึงของฉันคือมีหนังสือดีๆ ไม่พออ่าน”
แต่สำหรับนิตยสารแฟชั่นนั้นนางมองว่าไม่จำเป็น “ฉันไม่เคยเปิดดูนิตยสารแฟชั่นเลย น่าเบื่อจะตาย ถ้าเลือกได้ การอ่านหนังสือแฟชั่นคงเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่จะทำ คนควรอ่านหนังสือให้มาก หนังสือคือประสบการณ์ซึ่งกลั่นกรองมาให้อย่างเข้มข้นที่สุดที่คุณจะหาได้เลยนะ ผู้เขียนซึ่งฉลาดระดับอัจฉริยะกลั่นประสบการณ์ชีวิตมาไว้ให้ในหนังสือ ดีกว่าเสียเวลานั่งฝอยกับคนที่ไม่เคยอ่านหนังสือ และไม่รู้เรื่องราวอะไรทั้งสิ้น”
เธอย้ำว่าคนหนุ่มสาวควรมีความจัดเจนด้านวัฒนธรรม ไม่ใช่ทำตัวเปรี้ยวจี๊ดแต่ปัญญาเท่าหางอึ่ง “มีเนื้อเพลงท่อนนึงซึ่งฉันว่าปัญญาอ่อนมากๆ เพลงของพิงค์ฟลอยด์ร้องว่า ‘We don’t need no education.’ นางมองว่าเป็นปรัชญาที่คิดสั้นไปหน่อย”
ตัวตนคนขบถ
วิเวียนเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่เกิด “วันแรกที่เข้าโรงเรียนเมื่อตอนห้าขวบฉันโดนครูตบหน้าเพราะไปเข้าห้องน้ำนักเรียนชาย ก็ห้องน้ำหญิงมันแถวยาวเหยียดนี่นา”
สมัยสาวๆ และยังคบอยู่กับมัลคอล์ม แม็คลาเรน “มัลคอล์มชอบปั่นหัวชวนฉันทำโน่นทำนี่บ้าบอๆ ซึ่งส่วนใหญ่ฉันก็ทำนะ มีเรื่องเดียวที่ไม่ได้ทำคือ มัลคอล์มบอกว่าให้เข้าไปในมิวเซียมหุ่นขี้ผึ้งของมาดามทุสโซ แล้วจุดไฟเผาหุ่นของเดอะบีเทิลส์ ซึ่งพอเอาเข้าจริงฉันก็ไม่ได้ทำ ไม่ใช่เพราะชอบเดอะบีเทิลส์ เพลงของวงนี้ยิ่งฟังยิ่งแหวะ แต่เพราะกลัวไฟไหม้แล้วลามไปทั้งมิวเซียม มันจะไปกันใหญ่ เลยไม่ทำ”
เธอเป็นผู้หญิงแบบนี้ “เวลาเราทำอะไรอย่างที่เราอยากทำ คนจะหัวเราะเยาะนะ บางครั้งก็ขำๆ บางครั้งก็รู้สึกแย่ ฉันชอบพูดเสมอว่า ‘The best fashion accessory is confidence.’ หรือ ความมั่นใจคือเครื่องประดับสำหรับแฟชั่นที่ดีเลิศที่สุดแล้ว”
เธอมองว่ายุคสมัยของเราคือ “ยุคของน้ำครำทางความคิด” ปัญญาชนมีปัญญาชนิดต่างคนต่างอยู่ “ไม่เหมือนในฝรั่งเศสช่วงต้นศตวรรษที่ยี่สิบที่มีวัฒนธรรมซาลอน เป็นพื้นที่ให้คนที่สร้างสรรค์และมีความรู้มาพบเจอ ปะทะ แล้วตกตะกอน”
ป้านักประท้วง
นางเป็นคนแบบนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะใช้ชื่อเสียงของตัวเองลงมือประท้วงหรือรณรงค์ต่อต้านสิ่งที่ไม่เห็นด้วย หรือผลักดันสิ่งที่ควรเกิดแต่ไม่เห็นคืบหน้าสักที เวลามีเดินขบวนวิเวียนคือขาประจำ มีครั้งหนึ่งนางจัดแจงขึ้นรถเกราะสีขาวดุจก้อนเมฆไปหานายกอังกฤษในสมัยนั้นเพื่อประท้วงสงคราม แม้จะอยู่ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า นางก็ย้ำเสมอ “ซื้อของให้น้อยลง เลือกของที่เหมาะกับเราจริงๆ เน้นคุณภาพไม่ใช่ปริมาณ คือหนทางซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดแล้ว”
ปัญหาโลกร้อน เรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องที่นางเป็นห่วงมาก ตอกย้ำสามคำของการพิทักษ์โลก reduce reuse recycle ติดปาก
เธอเคยพูดว่า “ถ้าฉันตายโดยที่มีคนจำได้แต่ว่าเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ ก็นับว่าเสียชาติเกิด คือไม่ประสบความสำเร็จใด”
แต่วิเวียนจ๋า เราเชื่อว่าคนอย่างเธอเป็นมากกว่าคนออกแบบเสื้อผ้ามากมายนัก
เรื่อง: ภาณุ บุรุษรัตนพันธุ์