‘รอยยิ้มของพระราชา’ ผลงานจากห้วงความรู้สึกทั้งหัวใจของ โอ ธีรวัฒน์

ย้อยไปเมื่อปีที่แล้วช่วงที่เราได้ติดต่อ ‘โอ’ – ธีรวัฒน์ เฑียรฆประสิทธิ์ นักวาดภาพประกอบผู้มีฝีมือเป็นเอกลักษณ์ ให้วาดภาพพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ เพื่อเป็นหนึ่งในซีรีส์ของศิลปินทั้งเก้าที่สร้างผลงานเกี่ยวกับในหลวง รัชกาลที่ 9 เป็นเวลาที่พวกเราได้รับข่าวสะเทือนใจจากสำนักพระราชวังเพียงไม่นาน ซึ่งเขาได้ตอบตกลงอย่างเต็มใจ แม้ว่าความรู้สึกในตอนนั้นจะสร้างความกดดันกับตัวเขาอย่างมาก จนขอสร้างผลงานชิ้นใหม่เพราะยังรู้สึกไม่พอใจกับผลงานชิ้นแรกของตัวเอง ผลงาน ‘รอยยิ้มของพระราชา’ ชิ้นนี้ จึงเป็นความคลี่คลายหลังจากช่วงเวลาที่เศร้าหมองนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว

01

“รอยยิ้มของพระราชาถูกวาดขึ้นมาในอีกความรู้สึกหนึ่งเมื่อเทียบกับรูปก่อนหน้า เพราะรูปแรกเราวาดตอนอยู่ในความรู้สึกของคนที่กำลังเสียใจ แต่เราอยากวาดรูปท่าน อยากสื่อสารถึงพระองค์ อารมณ์ของภาพจึงออกมาในโทนที่เคร่งขรึม แต่พอเป็นรูปรอยยิ้มของพระราชา เราได้ผ่านช่วงเวลาที่เสียใจมากๆ ไปแล้ว การวาดรูปพระองค์ท่านในครั้งนี้จึงมีความกดดันน้อยลงกว่าครั้งแรก”

 

02

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เป็นเรื่องยากที่จะทำใจให้ยอมรับ และสำหรับคนที่รักในตัวพระองค์อย่างเขาด้วยแล้ว การที่จะผ่านวันนั้นไปได้ก็ยากเย็นไม่ใช่น้อย

“วันนั้นผมมีธุระต้องเข้าไปในเมืองช่วงค่ำ ตอนที่ผมนั่งอยู่บนรถตู้ก็ได้รับข่าวจากสำนักพระราชวังพอดี พอได้ยินก็อึ้ง บรรยากาศภายในรถก็เงียบไปทันที มีแต่เสียงวิทยุสื่อสารของคนขับรถที่ดังทำลายความเงียบเป็นระยะ ผมลงรถตรงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ ตอนนั้นรู้สึกว่าอึ้งๆ ทำได้แค่เดินไปเรื่อยๆ ซึ่งจริงๆ เราทุกคนก็รู้ข่าวการประชวรของท่านและทำใจไว้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ยังรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เดินไปได้อีกหน่อยก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวแล้ว เราโทรศัพท์กลับไปหาคนที่บ้าน แล้วก็ยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น แฟนก็โทรมาหาเป็นระยะเพราะรู้ว่าตอนนั้นเรายังไม่โอเค จนกระทั่งเดินมาเจอกับแฟน และก็ตัดสินใจกลับบ้านเพราะคิดว่าวันนั้นไม่มีเรื่องไหนที่สำคัญอีกแล้ว”

 

03

ถ้านับจากภาพแรกที่ธีรวัฒน์วาดภาพพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ขึ้นเมื่อประมาณ 6 ปีก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่าครอบครัวเฑียรฆประสิทธิ์รักและเทิดทูนในหลวง รัชกาลที่ 9 อย่างเต็มหัวใจ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอยากขอแก้ตัวใหม่อีกครั้งกับการวาดรูปให้เราในครั้งนี้

“ตอนแรกเราค่อนข้างกดดันมาก เพราะเราต้องวาดรูปของในหลวงเพื่อเป็นการไว้อาลัย เรื่องราวมันเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนที่เราวาดเพราะอยากวาดท่าน ภาพแรกที่เราวาดเต็มไปด้วยความเครียด กลัวว่าวาดออกมาจะไม่เหมือนเพราะมีคนวาดรูปในหลวงเยอะ และเก่งๆ ทั้งนั้น แม่ของเราก็บอกในตอนแรกว่ายังไม่เหมือน เราก็ยิ่งเครียด พยายามวาดใหม่ ตอนนั้นรู้สึกไม่โอเคกับงานของตัวเองเลย เพราะเราตั้งใจมาก และช่วงนั้นในหัวก็มีแต่เรื่องของท่าน จนพี่ชายต้องเดินมาเตือนสติด้วยการบอกว่า วาดรูปในหลวงอย่าไปเครียด”

ธีรวัฒน์

ท่านเป็นพระราชาที่ทรงใส่ใจทุกข์สุขของประชาชน เมื่อเราเสียใจ รอยยิ้มของท่านก็จะมอบความอบอุ่น และเหมือนให้กำลังใจเพื่อให้เราสามารถก้าวต่อไป

04

“หลังจากผ่านมาสักระยะ จิตใจของเราก็ดีขึ้น สงบขึ้น การวาดรูปรอยยิ้มของพระราชาจึงไม่เกร็งแบบครั้งแรก เราได้ต้นแบบของรูปนี้มาจากรูปเซตเดียวกับภาพที่ท่านมีเหงื่อไหลหยดที่ปลายจมูกซึ่งพวกเราต่างก็คุ้นเคยกับภาพนี้ดี ผมเห็นรูปนี้แล้วอยากวาด เพราะช่วงหลังๆ เวลาเห็นรูปในหลวงตามสื่อต่างๆ จะเป็นภาพท่านที่ดูเคร่งขรึม ถ้าเป็นภาพวาดก็จะเป็นรูปที่ท่านทรงเครื่องทรงอย่างเป็นทางการ ผมอยากวาดรูปที่ท่านกำลังยิ้มแย้ม ผลงานชิ้นนี้จึงเป็นการใช้สีหมึกร่วมกับดินสอและปากกาโคปิก โดยเอาส่วนใบหน้ากับส่วนลำตัวที่เป็นชุดฉลองพระองค์แบบเต็มยศมาประกอบรวมกัน เพราะตอนนี้สิ่งที่เราคิดถึงท่านคือ ท่านเป็นพระราชาที่ทรงใส่ใจทุกข์สุขของประชาชน เมื่อเราเสียใจ รอยยิ้มของท่านก็จะมอบความอบอุ่น และเหมือนให้กำลังใจเพื่อให้เราสามารถก้าวต่อไป ดังนั้น โทนของรูปจึงดูอบอุ่นขึ้น ต่างจากรูปที่เราวาดขึ้นมาครั้งแรก”

 

05

การที่ภาพพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ของธีรวัฒน์มีคนนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาอนุญาตให้นำไปใช้ได้ฟรีๆ โดยไม่ใช่เพื่อการพาณิชย์ เพราะเชื่อว่าใครๆ ต่างก็มีความผูกพันกับพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้

“ผมเห็นท่านจากข่าวในพระราชสำนักมาตั้งแต่เด็ก พอเรียนศิลปะก็ยิ่งซึมซับความสวยงามของศิลปะไทยที่อยู่ในชุดแต่งกายของพระองค์ หรือศิลปะที่อยู่ในพระราชพิธี ยิ่งคนที่ชอบงานศิลปะไทยก็น่าจะยิ่งอินในความยิ่งใหญ่ สีทองที่เหลืองอร่าม เหมือนที่เรายกให้ท่านเป็นสมมติเทพ แต่พอโตขึ้นมา เราก็มองท่านในอีกมุม มองท่านเป็นเหมือนผู้ใหญ่ที่เคารพ ตอนที่ประชวรท่านก็ยังคงทรงงานอยู่ตลอดเวลา เราก็รู้สึกสงสาร อยากให้ท่านได้พัก ได้อยู่แบบสบายๆ แต่สิ่งที่ท่านทำอยู่ทำให้รู้ว่า นี่คงเป็นภาระที่หนักอึ้งของท่านจริงๆ ใจหนึ่งเราก็อยากให้ท่านอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับพวกเราไปตลอด แต่อีกใจก็อยากให้ท่านได้พักเสียที”

 

06

เมื่อความทุกข์ในใจค่อยๆ บรรเทาลง ความรู้สึกอบอุ่นก็เข้ามาแทนที่ทุกครั้งที่เขานึกถึงพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งนับต่อไปจากนี้ ธีรวัฒน์ก็ยืนยันอย่างหนักแน่นกับเราว่า จะยังคงวาดพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชต่อไป เพื่อให้พระองค์อยู่คู่กับคนไทยไปอีกนานแสนนาน

ธีรวัฒน์