แจ้งเกิดจากรายการเฟ้นหานางแบบที่โหดหินอย่าง The Face Thailand season 2 วันนี้ ‘ติช่า – กันติชา ชุมมะ’ ก็แสดงให้เห็นว่านอกจากจะเดินแบบได้เผ็ดร้อนจนต้องยกนิ้วให้แล้ว บทบาทการเป็นพิธีกรในรายการ Make Up My Way เธอก็ทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือทัศนคติและความเชื่อมั่นในตัวเอง ที่ทำให้เราหลงรักผู้หญิงคนนี้จนหมดหัวใจ
“คนที่มีความเป็นแบดบอย เอาเราไม่อยู่หรอก”
สเป็กของคนที่เราชอบมีหลายข้อ ต้องหล่อ ตัวสูง ฉลาด เข้าอกเข้าใจเรา นิสัยดี พูดคุยกันในเรื่องที่ลึกซึ้งได้ มองไปข้างหน้า และไม่กลัวที่จะก้าวต่อไป แต่สุดท้ายแล้วคนที่จะเอาเราอยู่จริงๆ ต้องเป็นคนดี โอเค ให้คบกับคนที่มีความเป็นแบดบอย เราไม่เถียงว่าสนุก แต่คนแบบนี้เอาเราไม่อยู่หรอก คุณเล่นแบบนี้ เราก็จะเล่นกลับให้หนักกว่า แต่ถ้าคุณเป็นคนดีจะกลายเป็น ฉันจะไม่กล้าทำอะไรที่แย่
“เราชอบการบอกเล่าเชิงคำถาม ซึ่งคำถามแบบนี้เราอยากตอบ“
เราชอบการบอกเล่าเชิงคำถามที่มีแฟนๆ ถามเข้ามาใน ask.fm ซึ่งคำถามแบบนี้เราอยากตอบ อย่างมีคนถามว่าคิดอย่างไรกับการไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วเขาไม่กล้าคุยกับใคร หรือที่มีคนเล่ามาให้ฟังว่า เขาได้เข้าไปสัมภาษณ์เพื่อชิงทุนการศึกษาแล้วรู้สึกตื่นเต้นมากไม่รู้จะตอบคำถามกรรมการอย่างไร เขาก็นึกถึงเรา เขาคิดว่าถ้าเป็นติช่า แล้วต้องมาอยู่ในสถานการณ์ตรงนี้ ติช่าจะตอบกรรมการอย่างไร และเขาก็ตอบไปตามความรู้สึกของตัวเอง พูดให้กรรมการมั่นใจว่าเขาทำได้ และพวกคุณต้องเลือกเขา สุดท้ายเขาก็ได้รับทุนให้ไปศึกษาต่อ
“ถ้ามีปัญหาก็จะเอาเหตุผลมาผสมเข้ากับความรู้สึก“
เราเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความลังเล ถ้ามีปัญหาก็จะเอาเหตุผลมาผสมเข้ากับความรู้สึกของตัวเอง เราจะเอาที่ตัวเองสบายใจ จึงไม่ค่อยไปถามหาคำตอบจากใคร เพราะเรามีคำตอบของตัวเองอยู่แล้ว แต่ที่ถามคนอื่นเพื่อจะดูว่าเขาคิดยังไง แต่ความเห็นของเขาก็ไม่สามารถมาเปลี่ยนใจเราได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
“เรามีความกลัว ตื่นเต้น แต่เราก็ใช้ความมั่นใจมากลบความรู้สึกนั้น“
ตอนเดินแบบครั้งแรกๆ เรามีความกลัว ตื่นเต้น แต่เราก็ใช้ความมั่นใจมากลบความรู้สึกนั้น เอามาสร้างเป็นเกราะให้ตัวเอง ซึ่งก็มีคนมองออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่ตอนนี้เราสามารถเดินแบบได้โดยไม่ต้องใช้อะไรมากลบแล้ว สามารถทำงานออกมาด้วยความรู้สึกสนุกจริงๆ และก็พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งเป็นข้อดีที่ตัวเองไม่ได้รู้ทุกอย่าง จึงรู้สึกชอบที่มีอะไรเข้ามาแล้วช่วยปรับปรุงตัวเราให้ดีขึ้น
“เพศหญิงต้องอ่อนโยน อ่อนหวาน มีความเป็นแม่ คำนี้ไม่เคยอยู่ในหัวของเรา“
ที่ว่าเพศหญิงต้องอ่อนโยน อ่อนหวาน มีความเป็นแม่ ต้องได้รับการปกป้อง คำนี้ไม่เคยอยู่ในหัวของเราเลย ต้นแบบของเราคือคุณแม่ ซึ่งท่านไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้เราเห็นเลย เราจึงไม่เคยมองว่าตัวเองอ่อนแอ เปราะบาง ต้องการให้ใครมาปกป้อง ซึ่งคนอื่นอาจจะเป็นอย่างนั้น แต่เราไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาแบบนั้น ยายของเราก็เป็นคนที่เข้มแข็ง มุ่งมั้น เป็นผู้หญิงที่สตรองจริงๆ เราจึงชื่นชมผู้หญิงที่ดูแลตัวเองได้ และกล้าคิดกล้าทำ
“ทุกวันนี้กระเป๋าของชาแนลเรายังไม่มีเลย”
ถ้าวันไหนที่ตื่นขึ้นมาแล้วถ้าอารมณ์ดีมากๆ ก็จะเปิดเพลงแล้วดูตัวเองเต้นในกระจก มีเวลาว่างก็ออกไปหาของกิน ออกไปนวดผ่อนคลาย ไม่แต่งหน้า ส่วนใหญ่เงินเราจะหมดไปกับเรื่องการพักผ่อน เราไม่เคยเอาเงินที่หามาได้ไปซื้อของแบรนด์เนม ทุกวันนี้กระเป๋าของชาแนลเรายังไม่มีเลย (หัวเราะ) แต่ถ้าเป็นเรื่องความรัก ครอบครัว หรือคนใกล้ตัว เราจะอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้มาก พอๆ กับการปิดกั้นความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งเราปิดได้สนิทระดับที่ว่า ถ้าฉันไม่แคร์เธอแล้ว เธอก็ไม่ต้องมาแคร์ฉัน ความอ่อนแอเพียงอย่างเดียวของเราคือเรื่องครอบครัว
“เด็กผู้หญิงนั่งขอทานอยู่ข้างถนน เราว่ามันไม่แฟร์“
เราเคยมีชีวิตที่ลำบากมาก่อน และรู้ว่าชีวิตของคนเราไม่มีทางที่จะเท่าเทียมกันได้หรอก แต่เรายังอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมได้บ้าง โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาของเด็ก ซึ่งประเทศไทยมีความแตกต่างตรงนี้อยู่สูงมาก เราเห็นเด็กผู้หญิงซึ่งวัยของเธอต้องไปอยู่ในโรงเรียน แต่กลับต้องมานั่งขอทานอยู่ข้างถนน เราว่ามันไม่แฟร์ ทุกคนควรจะได้ในสิ่งที่เป็นพื้นฐานของชีวิตเหมือนกัน แล้วหลังจากนั้นเขาจะเลือกทางเดินของตัวเองยังไงก็แล้วแต่ แต่นี่คือเธอยังไม่มีโอกาสเรียนหนังสือเลย ซึ่งในอนาคตอีกสิบปีข้างหน้าของเธอก็คงไม่ต่างจากตอนนี้