Rain Room Exhibition
London, United Kingdom
นับ – พิมพ์อร นทกุล
Rain Room
“ของที่ระลึกจากลอนดอนที่ประทับใจมากที่สุดคือ Rain Room นิทรรศการที่จัดขึ้นในกรุงลอนดอนเมื่อปี 2013 เราเห็นรูปจากอินสตาแกรมแล้วรู้สึกว่ามันเจ๋งมากๆ มันเป็นงานของ Random International ที่ก่อตั้งขึ้นโดยศิษย์เก่าของ Royal College of Art
“คอนเซ็ปต์ของ Rain Room เริ่มมาจากโลกในอุดมคติที่คนสามารถควบคุมฝนได้ เขาจะมีเซ็นเซอร์คอยจับว่าคนยืนอยู่ตรงไหน แล้วตรงนั้นฝนก็จะไม่ตก สามารถเดินตากฝนได้สบายโดยไม่ต้องกางร่ม ซึ่งฝนมันเป็น pain ของคนอังกฤษอยู่แล้ว เราเคยดูบทสัมภาษณ์ของศิลปินเขาบอกว่า สิ่งที่ยากที่สุดของการทำงานชิ้นนี้ไม่ใช่การทำให้คนเดินตากฝนโดยไม่เปียก แต่จะทำยังไงให้ฝนที่ตกลงมาเหมือนจริงที่สุด เพราะต้องอย่าลืมว่าฝนตกไม่เหมือนการเปิดก๊อกน้ำ มันต้องมีจังหวะ มีกลิ่น มีเสียงที่เป็นแบบเฉพาะของมัน”
12 ชั่วโมง
“จำได้ว่าครั้งแรกที่ไปคือวันธรรมดา ไปถึงประมาณบ่ายแก่ๆ เห็นคนรอคิวอยู่จำนวนหนึ่ง พอถามเจ้าหน้าที่เขาบอกว่าคิวน่าจะต้องรอประมาณ 5 ชั่วโมงได้ เราหันไปบอกเพื่อนเลยว่า ‘บ้าหรอ ห้าชั่วโมงใครจะรอ’ วันนั้นเลยกลับบ้านแล้วนัดแนะกันอีกทีว่าจะมาใหม่วันเสาร์
“ปรากฏวันเสาร์มาถึงตอนเที่ยงๆ แถวที่วันก่อนว่าเยอะแล้ว วันนี้ยาวออกนอกประตูไปอีก คือตกใจมากเพราะเป็นครั้งแรกที่มาดูนิทรรศการศิลปะที่ต่างประเทศอย่างจริงจัง ไม่คิดว่าคนจะให้ความสำคัญกับศิลปะขนาดนี้ แต่ไหนๆ มาแล้วก็ต้องรอ อากาศวันนั้นก็หนาวแบบแข็งๆ ฝนก็ตกตามสไตล์ประเทศอังกฤษ ทุกคนในแถวก็เตรียมพร้อมมาก พกหนังสือมาอ่าน หยิบแทบเล็ตมาดูหนัง บางกลุ่มมากันเป็นแก๊งก็มีเอาไพ่มาเล่น ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ มีพนักงานมาส่งพิซซ่าให้คนในแถว แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ของ Barbican Centre มาเต้นให้ดู เอนเตอร์เทนคนรอไปเรื่อยๆ
“คนที่ต่อแถวข้างหน้าเราเล่าว่าเขาเพิ่งลงเครื่องจากนิวยอร์ก มาถึงก็ตรงมานี่เลยเพราะนิทรรศการจะหมดพรุ่งนี้ รออย่างนั้นอยู่ประมาณ 6 ชั่วโมงได้มั้งถึงได้เข้าไปในตึก แล้วก็นั่งรอในตึกอีก 6 ชั่วโมง รวมเป็น 12 ชั่วโมงพอดี ทุกวันนี้นึกย้อนกลับไปยังภูมิใจในตัวเองอยู่เลย รออยู่ครึ่งวันได้เข้าไปแค่ 15 นาที แต่มันก็คุ้มจริงๆ แหละ มันเจ๋งสมคำร่ำลือ และสวยเหมือนรูปที่เห็นในอินสตาแกรมจริงๆ”
คนอังกฤษกับฝน
“ประเทศอังกฤษขึ้นชื่อเรื่องอากาศมาก ไม่ใช่ว่าดีนะ แย่ เพราะมันขมุกขมัว ฝนตกตลอด ถ้าแดดออกเมื่อไหร่เราจะเห็นคนมานอนถอดเสื้ออาบแดดตามสวนสาธารณะทันที แล้วคนอังกฤษชอบคุยเรื่องอากาศมาก มันเหมือนเป็น small talk ของคนชาตินี้ บางทีไม่รู้จะเริ่มคุยเรื่องอะไรก็พูดว่า ‘Cold, isn’t it?’ หรือ ‘Raining again?’ แล้วก็ปล่อยให้บทสนทนามันไหลต่อไปเอง น่าจะคล้ายบ้านเราที่ชอบถามว่า ‘กินอะไรมายัง?’
“เราเคยหาข้อมูลเหมือนกันว่าทำไมคนอังกฤษถึงใช้อากาศเป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนา มันมีนักภาษาศาสตร์วิเคราะห์ไว้ว่า หน้าหรือภาพลักษณ์มี 2 แบบคือ หน้าเชิงลบกับหน้าเชิงบวก หน้าเชิงลบคือความปรารถนาที่จะไม่ถูกขัดขวาง หน้าเชิงบวกคือความปรารถนาที่จะได้รับการยอมรับ
“ซึ่งเขาบอกว่าวัฒนธรรมทางตะวันออกกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือสหรัฐอเมริกา จะนิยมหน้าเชิงบวก เรื่องที่คุยก็จะเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างอายุ น้ำหนัก การงานอาชีพ ส่วนอังกฤษจะเป็นหน้าเชิงลบ ถ้าเราไปคุยเรื่องส่วนตัวมากๆ เขาอาจจะมองว่าไม่สุภาพ เพราะเขาคุยเรื่องทั่วๆ ไปอย่างอากาศกัน”
โคตรลอนดอนเลย
“ถ้าเคยไปอเมริกามาด้วยจะรู้สึกได้ว่าคนอังกฤษสงวนตัวมากกว่า จะไม่มีอารมณ์เดินสวนกันแล้วทักว่า ‘How are you doing?’ แน่ๆ แต่ส่วนตัวเราไม่รู้สึกว่าเขาหยิ่งนะ เราว่าเขาเหมือนคนไทยด้วยซ้ำ อีกอย่างคือเขาจะมีอารมณ์ขันแบบร้ายๆ แบบอังกฤษๆ มันจะไม่เหมือนของอเมริกา มันจะเหน็บแนมหน่อยๆ คือถ้าเป็นคนคิดเยอะก็อาจจะเกลียดกันไปเลยเวลาเขามาเล่นมุขด้วย
“อีกสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของลอนดอนเนอร์ และอาจจะทุกเมืองในอังกฤษคือวัฒนธรรมการดื่ม ที่นี่การกินอาหารกลางวันที่ผับเป็นเรื่องปกติมาก เวลานัดกับเพื่อน หากไม่รู้จะไปที่ไหนก็ไปผับ ดูบอลก็ไปผับ เดตก็ไปผับ จัดงานแต่งก็ที่ผับ แล้วเขาดื่มกันทั้งวันจริงๆ พักกลางวันกินข้าวที่ผับก็สั่งเบียร์มาดื่มไปด้วย
“ครั้งหนึ่งเคยเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ London Bridge และ Borough Market มีคนทวีตรูปผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุโดยถือแก้วเบียร์มาด้วย แล้วใส่แคปชันว่า ‘People flee a terrorist attack LIKE LONDONERS.’ คนก็มาตอบว่า ‘ราคาเบียร์ในลอนดอนแพงขนาดนี้ เขาไม่ควรทำมันหกด้วยซ้ำ’ มันพิสูจน์ให้เห็นว่านอกจากลอนดอนเนอร์จะรักเบียร์มากแล้ว ยังตลกร้ายอีกด้วย”
ABOUT HER
‘นับ’ – พิมพ์อร นทกุล
บรรณาธิการบทความนิตยสาร a day BULLETIN อดีตผู้ช่วยผู้สอบบัญชี ผู้สนใจวัฒนธรรมป๊อปทั่วโลก ชื่นชอบการท่องเที่ยว การค้นหาความทรงจำและความสัมพันธ์ใหม่ๆ ในชีวิตอยู่เสมอ