เชื่อว่า New year’s resolution หรือเป้าประสงค์ปีใหม่น่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ และมักจะทำกันในช่วงวันหยุดปีใหม่ ก็อะไรกันเล่า จะดีไปกว่าการพูดถึงความฝัน จินตนาการถึงความเป็นไปได้ การเริ่มต้นใหม่น่าตื่นเต้นและเปี่ยมไปด้วยความหวังเสมอ การพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วนั้นฟังดูเหี่ยวเฉา อะไรไม่ดีก็ทิ้งๆ มันไปเสียกับปีเก่าก็ดูจะง่ายกว่า… มีคนพูดกันมากมาย หนังสือหลายเล่มที่กล่าวถึงวิธีการตั้งเป้าหมาย ตั้งอย่างไร...
“งานศพที่คุณปรารถนาเป็นอย่างไร” “คนที่คุณอยากกล่าวขอบคุณ และขอโทษมากที่สุดก่อนตายคือใคร… และทำไมคุณถึงยังไม่ได้ทำเช่นนั้น” “อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณต้องการบรรลุหรือทำให้สำเร็จก่อนตาย” บางส่วนของชุดคำถามจาก ‘เกมไพ่ ไขชีวิต’1...
Chris Baldwin1 อดีตนักปั่นจักรยานทีมชาติสหรัฐอเมริกา ที่ผันตัวมาเป็นโค้ชนักกีฬาในปัจจุบันบอกเคล็ดลับไว้ว่า หนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าตารางการซ้อมเข้มข้น ต่อเนื่องสม่ำเสมอ ก็คือช่วงเวลาการพัก ซึ่งเขามักจะจัดให้อยู่ตรงกลางหลังช่วง ‘พีก’ ของตารางการซ้อมในครึ่งแรกที่เพิ่งจบไป เพื่อให้นักกีฬาได้พักเครื่อง รีเซตร่างกาย จิตใจใหม่ก่อนจะเข้าสู่ช่วงการซ้อมถัดไปในครึ่งหลัง คริสไม่ได้บอกว่ามีสูตรสำเร็จว่าการพักที่ดีควรเป็นอย่างไร เขากล่าวติดตลกว่าถ้าคิดจะพักก็ไม่ควรหารูปแบบตายตัวด้วยซ้ำไป หลายครั้งเขาปล่อยให้นักกีฬาได้ตัดสินใจเองว่าอยากพักแบบไหน...
“ผมได้ยินว่าประมาณ 8 ปีที่แล้ว มีคนตายเพราะการประท้วงกว่า 90 คน ผมสงสัยว่าแล้วทำไมถึงไม่มีคดีอาญาเกิดขึ้นเลย”1 ‘ชองยุนซอก’ ผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความตรงไปตรงมาในเนื้อหาวิพากษ์สังคมตั้งคำถามซื่อๆ แต่แสบทรวงว่านั่นสินะ ทำไม เราถึงยังแน่นิ่งสงบได้ในสถานการณ์ที่ผ่านมา ...
Time will heal everything. กาลเวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง หากจะมีคำโกหกยอดนิยมใดที่ใช้ปลอบใจผู้คน คงหนีไม่พ้นวลีนี้ วลีว่ากาลเวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง ในที่สุดความจริงจะเปิดเผย… และหากจะมีคำโกหกใดที่ใช้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ที่แยบยล คงหนีไม่พ้นการปล่อยให้ผู้คนลืมเลือนมันไป ไม่ต้องถูกจดจำ...
(1) เขาหยิบไม้หนีบผ้ามาหนีบเธอทีละจุด เริ่มจากหัวไหล่นั่นคงไม่เจ็บเท่าไร หนีบผิวหนังชั้นบนของเธอไล่มาเรื่อยๆ ถึงเอวบางๆ นั่นน่าจะเจ็บพอใช้ ไล่ต่อลงมาถึงผิวหนังเหนือสะบ้า แล้วย้อนขึ้นกลับไปหนีบหนังหน้าเธอ แก้ม ริมฝีปาก จมูก เอาละ นั่นคงเจ็บน่าดู คนดูบางส่วนเริ่มขยับให้หยุด...
“Where are we now?” —เราอยู่ที่ไหนกัน เคต—ภรรยาชาวอังกฤษของอดัม แขกอาวุโสคนสำคัญที่ฉันมีหน้าที่คอยดูแลในการเดินทางไปทำงานในครั้งนี้ เคตหยุดกะทันหันระหว่างทางต่อแถวอยู่หน้าเกตรอขึ้นเครื่องบิน ฉันตอบไปอย่างอัตโนมัติถึงที่หมายที่เรากำลังจะไป และอดประหลาดใจไม่ได้กับคำถาม นี่ล้อกันเล่นหรืออย่างไรที่ไม่รู้ว่าเราอยู่ไหน จะไปไหนกันทั้งๆ ที่กำลังจะขึ้นเครื่องอยู่แล้ว ...
“แก้วสาเกในมือฉันลอยลิ่วไปใส่เขา เขาโกรธ คว้าแก้วที่ร่วงหล่นใส่ตัววิ่งเข้ามาหาฉัน แล้วทุบแก้วนั้นอย่างแรงลงไปบนผนังห้องด้านหน้าฉันสองครั้ง พร้อมน้ำเสียงด่าทอที่แสดงว่าโกรธสุดขีดแล้ว ต้องบอกว่าดีที่ทุบกำแพง เพราะถ้าเลื่อนมาอีกนิดเดียวก็หน้าฉัน ขนาดกำแพงยังเป็นรู ทะลุจนแก้วหลุดเข้าไปได้ทั้งใบ ถ้าเป็นหน้าคงไม่ต้องพูดถึง”1 นี่ไม่ใช่บทละคร นิยาย หรือเรื่องแต่ง หากคือเรื่องจริงของผู้หญิงคนหนึ่ง เรื่องจริงที่เธอเก็บไว้กับตัวมาเนิ่นนาน อาจกล่าว...
ในดินแดนแห่งความจริงทุกอย่างเปลี่ยนผัน และโชคชะตากับคนเรา ไม่เคยได้คุยกัน มันไม่ยอมบอกให้ใครรู้ก่อน ว่าจะเสียอะไรไปเมื่อไร อย่างวันนั้น ฉันไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เจอกัน เธอกับฉัน จะไม่ได้พบกันต่อไป ถ้าหากเพียงได้รู้ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย ฉันก็คงทำได้ดีกว่าแค่พูดทักทาย แต่เพราะฉันไม่รู้ ความรู้สึกที่ควรจะอยู่ในประโยคสุดท้าย เธอไม่เคยได้ยิน1 ...
“ตอนที่หนูเกิดมา พ่อพูดอะไรกับหนูเป็นประโยคแรกรู้ไหม พ่ออุ้มหนูไปยืนริมหน้าต่างห้องพักในโรงพยาบาล มันสูงพอที่เราจะมองเห็นภาพมุมกว้างของเมือง พ่อกระซิบกับหนูว่า… ยินดีต้อนรับสู่โลกของเรานะลูก มันไม่ค่อยน่าอยู่นักหรอก แต่เราจำเป็นต้องมีศรัทธาว่าเราสามารถทำบางสิ่งบางอย่างให้ดีขึ้นได้”1 ความปรารถนาถึงโลกที่ดีกว่าน่าจะเป็นความหวังที่พ่อแม่ทุกคนล้วนมี และคงน่ายินดีไม่น้อยหากลูกของตนไม่เพียงรอคอยความหวัง แต่พยายามเป็นพลังและมีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่ดีกว่า ทว่าปัญหามันอาจอยู่ตรงนั้น...
(1) ร่วงหล่น… สภาวะเคว้ง วาบหวิว เบา ว่างเปล่า ความไม่รู้ ไม่แน่ใจ...
“มนุษย์ไม่ได้กลัวความทุกข์ มนุษย์แค่กลัวความทุกข์ที่ไร้ความหมาย” วิกเตอร์ อี. แฟรงเคิล (Viktor E. Frankl) เขียนไว้ในหนังสือ Man’s Search for Meaning1 บันทึกความทรงจำว่าด้วยความหมายของชีวิตในวันเผชิญหน้ากับความตายในค่ายกักกันนาซี ...