บ่ายแก่ๆ วันหนึ่งในเดือนเมษายน แสงแดดยังคงเจิดจ้าร้อนผ่าว บนท้องฟ้ามีกลุ่มเมฆบางเบาเคลื่อนผ่าน ใบของต้นไม้ใหญ่ไหวรับแรงลมที่พัดด้วยกำลังอันอ่อนแอ นกส่งเสียงร้องเคล้าคลอไม่เป็นจังหวะ แต่กลับชวนให้ผ่อนคลายเมื่อได้ยิน เขาและเธอนั่งหลบแดดอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้นั้น เป็นระยะเวลานานพอจนรับรู้และสัมผัสได้ถึงรายละเอียดของธรรมชาติในฤดูร้อน หลังจากเหน็ดเหนื่อยเพราะปั่นจักรยานเล่นด้วยกันมาตลอดทั้งวัน “นานเท่าไหร่ที่เราไม่ได้มาปั่นจักรยานกันแบบนี้” เธอพูดพลางตามองไปยังพื้นหญ้าที่ถูกแดดแผดเผาจนแห้งซีดต่างกับต้นหญ้าสีเขียวใต้ร่มไม้ที่เธอนั่งอยู่ ...
ความเป็นมนุษย์ปุถุชนนี่นะ จริงยิ่งกว่าสัจธรรมที่จำต้องประสบ ก็คือเราต่างต้องประคองชีวิตในแต่ละช่วงกันไป ซึ่งมีทั้งจังหวะผ่อนคลายและยุ่งยากสลับสับเปลี่ยน หากตั้งรับทันก็ดีไป แต่ถ้าสติกระเจิงก็มีหืดขึ้นคอกันบ้างกว่าจะผ่านพ้นไปได้ เป็นแบบนี้แหละ ทำไงได้ ในเมื่อไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะบรรลุอรหันต์โสดาบัน ก็ต้องพยายามหาเคล็ดลับจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ เพื่อที่จะได้ไม่ ‘เหลิง’ เมื่อเจอเรื่องดีๆ และจะได้ไม่ ‘หลุด’ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่เป็นดังหวัง ...
คืนนั้น ฉันตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วร้องไห้ เป็นคืนเงียบสงัด ต่างจากกลางวันที่ความสงบถูกกลบด้วยเสียงปึงปังดังจากไซต์ก่อสร้างด้านหลังที่อยู่อาศัย ห้องสว่างสลัวด้วยแสงจากเสาไฟฟ้าต้นใกล้ระเบียง ฉันมองตามทิศทางการมาของแสงนั้น แสงเหลืองส้มค่อยๆ พร่า ห้องเงียบเกินไป ความหวาดหวั่นต่ออนาคตในหัวของฉันจึงดังโหวกเหวกเกินทน ทีแรก เพียงสะอึกสะอื้น...
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผ่านพ้นความเจ็บปวด ไม่ใช่การวิ่งหนี วิ่งหลบ หรือกำจัด ตรงกันข้าม มันคือการพินิจควานหาว่าความเจ็บปวดที่ว่าอยู่ตรงไหน เจ็บกายหายง่าย เจ็บปวดใจมันมักหาตัวยาก แต่ยังไงก็ต้องหามันจนพบ การเผชิญหน้า สบตากับความเจ็บแล้วเรียกชื่อมัน สร้างผลลัพธ์มหัศจรรย์ ‘ฉันเจ็บ’ ‘โคตรเจ็บ’ ยังไงก็ได้ที่ยอมรับว่าเจ็บ ทันทีที่ปักหมุด ใส่ชื่อให้มัน มันจะนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น แล้วเรามีเวลาเหลือเฟือที่จะเดินเข้าไปใกล้เพื่อส่องดูว่าในนั้นมีอะไร และถ้าเกิดมันรวดร้าวเกินทนที่จะมองมันไหว...
ผมจะเขียนนิยายรัก 1. ผมไม่นึกขอบคุณชีวิต ริมฝีปากของผมบวมเหมือนลูกองุ่นใกล้เน่า ใบหน้าของผมผิดรูป ฟันหน้าหนึ่งซี่หลุดหายไปกลางถนน คางแตก เลือดเปรอะแจ็กเกตและผ้าพันคอ กรอบแว่นพลาสติกที่สวมอยู่ถลอกและผิดทรง แต่ผมไม่รู้สึกเจ็บปวด ความทรงจำระยะสั้นสาบสูญ ด้านชา และโกรธ โมโหที่ยังมีลมหายใจ ผมคิดถึงแมวที่ทิ้งไว้ที่บ้านเกิด แน่ใจว่าตัวเองนั่งอยู่บนเก้าอี้เน่าๆ...
คลื่นๆ คลื่นๆ… เสียงคลื่นกับลมทะเลกระทบชายฝั่ง ชายหาดในตอนกลางคืนแม้จะมืดมิด แต่ก็มีแสงจากไฟทางเดินที่สว่างพอจนทำให้ยังมองเห็นผู้คนตัวเล็กๆ เดินไปมาในเวลาค่ำคืนเช่นนี้ ฉันเขียนบทความนี้ขณะอยู่ในห้องพักแห่งหนึ่งของโรงแรมที่ปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ดึกแล้วแต่ฉันยังไม่รู้สึกถึงอาการง่วงเหงาหาวนอน จึงใช้เวลาในค่ำคืนนี้ลองมานั่งคิดทบทวนหัวข้อที่ฉันได้รับมอบหมายมาให้ลองเขียนบทความ ...
“เห็นบางคนบอกว่าอยากอิสระเหมือนนก เพราะเห็นนกโบยบินอยู่บนท้องฟ้ากว้าง แล้วคิดว่านั่นคือความอิสระ ผมเพียงแต่จะบอกว่า… ที่คุณเห็นนกกำลังบินอยู่นั่น พวกมันไม่ได้บินเล่นๆ หรอกนะ พวกมันต่างก็กำลังทำมาหากินอยู่ พอหาอาหารมาได้ ก็ต้องเอากลับไปให้ลูกที่รัง ไม่มีหรอกความอิสระอย่างเต็มที่ ทุกชีวิตล้วนต้องอยู่กับความรับผิดชอบ” คำสอนจากครูคนสำคัญที่สุดในชีวิต ทำให้ผมได้รู้จักความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในชีวิตการทำงาน ความรับผิดชอบทำให้เราเผชิญหน้ากับความท้าทายมากมาย...
ตลอดระยะเวลายี่สิบปีในวงการบันเทิง ชื่อ ‘น้าเน็ก’ – เกตุเสพสวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา คือแบรนด์พิธีกรระดับแนวหน้าของสยามประเทศที่ผู้ชมทุกรุ่นคุ้นเคย นอกจากไหวพริบคม ฝีปากกล้า ผู้ชายคนนี้พัฒนาขึ้นสู่การเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นปัจจุบันและแตกต่างอยู่เสมอ โดยเฉพาะผลงานล่าสุดในตำแหน่งไลฟ์โค้ชแห่งทีวีออนไลน์ชื่อดัง ‘อย่าหาว่าน้าสอน’ คาแรกเตอร์หนุ่มใหญ่ใส่แว่นกับเสื้อฮาวายผู้คอยเยียวยา ให้คำปรึกษา สร้างแรงบันดาลใจ ...
ขอบคุณที่เอ่ยอ้างถึงพวกเรา ระหว่างที่พวกเขาผลัดกันกลัดกระดุมเสื้อสูท พวกเราก็ไม่ควรคาดหวังอะไรมาก เปลื้องเปลือยเสื้อผ้าของเราออก (อ๋อใช่ เราไม่มีเสื้อใส่นานแล้ว) ฉวยจอบพร้าออกถางผืนไร่นา (อ๋อใช่สิ เราไม่มีไร่นามาตั้งนานแล้วเช่นกัน) ระหว่างเขาเล็งแล้วกลัดกระดุมเสื้อให้ถูก เราหรือ ขีดเขียนสาแหรกตระกูลลงบนพื้นดินตรงนั้นเลย ใช้พื้นที่ไม่เกินตารางวาก็พอ ตระกูลของเราทั้งหมดพอยัดใส่ได้ในหลุมศพเดียวกัน อ๋อ จริงๆ เถ้ากระดูกพวกเขาสุมกองอยู่ในวัดทั้งหมดโน่น บางส่วนลอยไปกับน้ำ บางส่วนฟุ้งปลิวเป็นธุลีฝุ่น ลบสาแหรกตระกูลบนพื้นเสีย...
ถ้าคุณเป็นนักเขียนประเภทใช้ประสบการณ์ส่วนตัวมาสร้างเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่า เมื่อถึงจุดหนึ่งคุณอาจพบว่างันชะงัก รู้สึกว่าตัวประสบการณ์ไม่อนุญาตให้คุณใช้มัน อาจเพราะมีบุคคลในฐานะตัวละครในเรื่องราวของคุณไม่อนุญาตก็ได้ ตัวละครที่คุณสร้างขึ้นมาในเรื่องเล่า อาจกระทบใจบุคคลต้นแบบ และนี่คือสิ่งที่นักเขียนควรระมัดระวังและใส่ใจ แน่นอนว่าคุณเขียนด้วยความระมัดระวังและใส่ใจอยู่แล้ว เพราะนั่นคือวิธีที่คุณแสดงความรัก ความสามารถทั้งหมดที่มี และรวมถึงความสัตย์ซื่อจริงใจต่อการเขียน การงานอันเป็นลมหายใจของนักเขียน ทว่า บุคคลต้นแบบที่นักเขียนอาจฉวยใช้บุคลิกลักษณะและประสบการณ์ที่เคยมีร่วมกัน บทสนทนาที่นักเขียนเคยได้ยินและโต้ตอบกัน แรงกระตุ้น...
ฉันอยู่ตรงนี้ ขณะนี้ เพียงแค่เท่านี้ที่บอกกับเธอ รักฉันได้ไหมเธอ วินาทีนี้เท่านั้น เหมือนดั่งที่มารดารักถนอมบุตรด้วยชีวิตเยี่ยงไร หากเราฝึกให้มีใจต่อคนทั้งปวงได้อย่างนั้น เริ่มจากการรักคนที่เรารัก ไปจนถึงรักแม้คนที่ชัง จนกล้าที่จะรักแม้คนที่มุ่งหวังทำร้ายตัวเราได้อย่างนี้ ผู้ที่มีรักคือผู้เข้มแข็ง ผู้เข้มแข็งคือไม่มีความกลัว ผู้ที่ยังมีความกลัวไม่อาจมีความรักและให้อภัย แม้ว่ารักมันจะยากเย็น – เกลียดชังมันจะง่ายดาย แต่ในลมหายใจสุดท้ายเธอจะตาย พร้อมสิ่งใด ...