ด้วยวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่สอดคล้องกันในการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้แก่สังคม รวมถึงการสรรหาองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ๆ จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่าง HUBBA Thailand และ Bangkok Bank InnoHub ธนาคารกรุงเทพ ในการขับเคลื่อนโลกสตาร์ทอัพของไทย
ร่วมพูดคุยกับ ดร. เปาว์ ศรีประเสริฐสุข เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ผู้จัดการฝ่ายนวัตกรรม ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และหนึ่งในกำลังสำคัญของ Bangkok Bank InnoHub พูดถึงที่มาที่ไปของ InnoHub และเหตุผลในการร่วมสนับสนุนโครงการดีๆ Kidpreneur ของ HUBBA Thailand ซึ่งได้จัดขึ้นไปเมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม นับเป็นก้าวเล็กๆ ก้าวแรกร่วมกันที่อาจจะทำให้เกิด Unicorn ตัวแรกในโลกสตาร์ทอัพของไทยก็เป็นได้
เพราะโลกที่เราต่างคิดว่าหมุนเร็วนั้นได้หมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวัน ในฐานะองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารกรุงเทพได้สร้างสรรค์โครงการ Bangkok Bank InnoHub เพื่อช่วยขับเคลื่อนองค์กรรวมถึงลูกค้าของธนาคารให้ก้าวทันทุกนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น
“ผมเชื่อว่าทุกคนรู้อยู่แล้วว่าทุกวันนี้ Disruptive Technology ได้เข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากในหลายๆ อุตสาหกรรม ทุกองค์กรเองก็พยายามปรับตัว แต่บางครั้งเราไม่สามารถทำทุกอย่างให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ บางอย่างเราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่คือคำตอบที่ใช่หรือเปล่า เรียกว่าต้องลองผิดลองถูกกัน ธนาคารเองซึ่งถือว่าเป็นองค์กรที่ใหญ่ มีทั้งความสมบูรณ์พร้อมในตัว แต่ขณะเดียวกันก็อาจจะมีความท้าท้ายในเรื่องของความรวดเร็วและความคล่องตัวในการทำงาน จึงเป็นที่มาของการนำนวัตกรรมจากภายนอกมาช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมภายในองค์กรให้เกิดขึ้นได้”
ในขณะที่ InnoHub เกิดขึ้นเพื่อเปิดรับความคิดสร้างสรรค์จากสตาร์ทอัพภายนอกเข้ามาพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคาร รวมถึงเป็นการเปิดโลกทัศน์และมองหาแนวคิดทางธุรกิจที่แตกต่างและสดใหม่
“โครงการ InnoHub ของเราเป็น Accelerator Programme โดยมีเป้าหมายแรกคือ เพื่อเร่งให้เกิดนวัตกรรมภายในองค์กรของธนาคารเอง และเพื่อเป็นการผลักดันที่ช่วยยกระดับทางการแข่งขันด้านนวัตกรรมใน Banking Model โดยการผนึกกำลังร่วมกับกลุ่มสตาร์ทอัพในการคิดค้น ต่อยอด และพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันเรายังได้ให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพอย่างเต็มที่ด้วยทรัพยากรและเครือข่ายที่ทางธนาคารมี เพื่อช่วยติดอาวุธทางโลกธุรกิจให้แก่พวกเขา รวมถึงช่วยในการเพิ่มโอกาสในการหาลูกค้าทั้งแบบ B2B และ B2B2C เรียกได้ว่า Win-Win ทั้งคู่”
“ตลอดระยะเวลา 12 สัปดาห์ที่เข้าร่วมโครงการ สตาร์ทอัพจะได้ทำงานร่วมกันกับ Mentor ผู้บริหาร และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการเงิน โดยหลังจากจบโครงการสตาร์ทอัพ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้มีโอกาสนำเสนอนวัตกรรมของตนให้กับนักลงทุนอีกด้วย ถือเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการต่อยอดธุรกิจและการทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งตัวโครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2017 ในซีซันแรกมีผู้สมัคร 119 ทีม จาก 32 ประเทศทั่วโลก ส่วนซีซันที่สองมีผู้สมัครทั้งหมด 128 ทีม จาก 28 ประเทศทั่วโลก เป็นที่น่าสนใจว่าในแต่ละซีซันเรามีจำนวนผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในแต่ละซีซันนั้นเราจะคัดเหลือเพียง 8 ทีมสุดท้ายที่จะได้เข้าร่วมโครงการและนั่งทำงานร่วมกันกับทีม InnoHub และหน่วยธุรกิจของธนาคาร โดยในการคัดเลือกนั้น เราได้ดึงหน่วยธุรกิจต่างๆ ของธนาคารมาร่วมทำเวิร์กช็อป Design Thinking เพื่อที่จะหา Business Pain Point และใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาความเป็นไปได้ในโซลูชันของสตาร์ทอัพตั้งแต่แรก ทำให้เราได้ทีมสตาร์ทอัพที่ตรงความต้องการ และเกิดการนำไปใช้ต่อได้จริงมากที่สุด”
“มันคือเรื่องของมายด์เซต โดยเฉพาะความกล้าและไม่กลัวที่จะล้มเหลว เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดความกลัวเราจะไม่กล้าลอง ซึ่งจริงๆ เราไม่สามารถรู้หรอกว่า End goal จะไปทางไหน จะสำเร็จหรือเปล่า แต่เราต้องลองเริ่มลงมือทำก่อน ผมว่าสมัยนี้ต้อง Get hands dirty ทุกอย่างเกิดขึ้นจากการลงมือทำ”
เมื่อ HUBBA Thailand ได้นำโครงการ Kidpreneur จากประเทศออสเตรเลียซึ่งเป็นโครงการนวัตกรรมสนับสนุนและส่งเสริมให้เด็กกล้าคิดและกล้าทำในโลกธุรกิจ จึงไม่น่าแปลกใจที่ชื่อของ InnoHub จะปรากฏในฐานะพันธมิตรและผู้สนับสนุนหลัก
“คนชอบถามว่าทำไมประเทศไทยถึงไม่มียูนิคอร์น (ธุรกิจสตาร์ทอัพที่มูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) วันนี้สิ่งที่ InnoHub มอง เราอยากเปลี่ยนมุมคิดจากคำถามที่ว่า “ทำไมถึงไม่มี” เป็นว่า “แล้วจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยเกิดยูนิคอร์นขึ้นมาได้” คำตอบคือ ทุกอย่างต้องใช้เวลา การวางรากฐานให้มั่นคงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ใช่ว่าคุณอยากสร้างแล้วจะสร้างได้ในทันที”
“ต้องยอมรับว่าในประเทศไทยผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงของ Early Stage และแนวโน้มอายุของผู้เริ่มต้นทำธุรกิจก็เด็กลงเรื่อยๆ จากก่อนหน้านั้นคนรุ่นใหม่ที่จะเริ่มทำธุรกิจจะอยู่ในช่วงวัยเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ในปัจจุบันเริ่มเห็นเด็กอายุเพียงแค่ 14-15 ปี ก็เริ่มต้นทำธุรกิจกันแล้ว แต่ขณะเดียวกันยิ่งอายุของคนที่เริ่มต้นทำธุรกิจน้อยลง แน่นอนว่าก็ต้องเผชิญกับความท้าทายที่สูงมากขึ้นไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของตลาด การออกแบบโมเดลธุรกิจ หรือความสามารถในการบริหารจัดด้านธุรกิจและด้านการเงิน ดังนั้น การปูพื้นฐานและสนับสนุนองค์ความรู้จึงน่าจะเป็นรากฐานที่สำคัญในการเพิ่มโอกาสความสำเร็จในธุรกิจได้ เราเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะช่วยเข้าไปสร้างรากฐานที่มั่นคงที่สุดให้สังคม นั่นคือการสนับสนุนในเยาวชนที่จะเติบโตไปเป็นเสาหลักที่สำคัญของชาติในอนาคต ซึ่งไม่ใช่แค่การสนับสนุนด้านทุนทรัพย์ แต่รวมถึงการเตรียมความพร้อมทั้งในเรื่ององค์ความรู้และการสร้าง Passion ให้เด็กๆ เพื่อให้พวกเขาได้มีศักยภาพพอเพื่อจะต่อยอดไปสู่การทำธุรกิจต่อไปได้อย่างประสบความสำเร็จ เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและจริงจัง และมองถึงการเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนทั้งภาพรวมของทั้ง Ecosystem ที่ต้องเติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน”
ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ทอัพหรือองค์กรใหญ่ขนาดใดก็ตาม ยังคงต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง และอาวุธสำคัญที่สุดเพื่อไว้ต่อสู้ในยุคดิสรัปชันนั้นอยู่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิด
“มันคือเรื่องของมายด์เซต โดยเฉพาะความกล้าและไม่กลัวที่จะล้มเหลว เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดความกลัวเราจะไม่กล้าลอง ซึ่งจริงๆ เราไม่สามารถรู้หรอกว่า End goal จะไปทางไหน แต่เราต้องลองเริ่มลงมือทำก่อน ผมว่าสมัยนี้ต้อง Get hands dirty ทุกอย่างเกิดขึ้นจากการลงมือทำ ซึ่งต่อให้ลงมือทำเต็มที่ไปแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือเปล่า แต่อย่างน้อยการได้ลงมือทำอะไรบางอย่างก็ทำให้โอกาสไม่เป็นศูนย์หรือติดลบ และยังสามารถเติบโตไปข้างหน้าได้อีก”
Kidpreneur Ninjas Training Day
โปรแกรม 1 วันที่จะให้เด็กเรียนรู้การเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ (Entrepreneur) ผ่านการอบรมและกิจกรรมเวิร์กช็อปทั้งหมด 12 กิจกรรม ฝึกฝนการคิดและออกแบบธุรกิจของตัวเองโดยมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งฝึกทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะเป็นทำให้เด็กสามารถรู้จักคิดสร้างสรรค์ รู้จักการแก้ไขปัญหา และมองปัญหาอย่างตรงจุด การคิดอย่างเป็นระบบ รู้จักการวางแผน การทำงานร่วมกันกับผู้อื่น และทำให้รู้จักการต่อยอดนำไอเดียเหล่านั้น ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
หลังจากโครงการ Kidpreneur Ninjas Training Day ได้จัดกิจกรรมในวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากทางผู้ปกครองและนักเรียนเป็นอย่างดี ทางโครงการจึงมีแผนการที่จะเปิดรับสมัครรุ่นที่ 2 ขึ้น โดยสามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลได้ที่ Facebook: Kidpreneur Thailand หรือ Line: kidpreneurthailand