ปันปัน

ปันปัน นาคประเสริฐ | เมื่อความพยายามและการไม่กดตัวเองคือเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ของทุกๆ คน ไม่ใช่เฉพาะชาว LGBT

เรารู้จัก ‘ปันปัน’ – แพนแพน นาคประเสริฐ ครั้งแรกในฐานะ Pangina Heals สาวผมบลอนด์ผู้มีความมั่นใจในตัวเอง ขี้โวยวายจนไปถึงระดับปากหมา คาแร็กเตอร์หลักในการแต่งหญิงตามรายการโชว์ต่างๆ เธอเป็นทั้งพิธีกรร่วมของรายการ Drag Race Thailand ครูสอนเต้น waacking และ drag queen ตัวแม่ของไทย ทั้งหมดนี้บ่งบอกถึงรสชาติชีวิตของเธอที่เต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนาน แต่ชีวิตและตัวตนจริงๆ ของเธอล่ะเป็นอย่างไร การพูดคุยกับเธอจึงทำให้เราพบว่า ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ใช้ชีวิตอย่างไร สุดท้ายแล้วเราก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่พยายามมุ่งมั่นมีชีวิต ไม่ใช่เพียงเพื่อตัวเอง แต่เพื่อทุกๆ คน

ปันปัน

ไม่ต้องมาบอกว่าสังคมมีสิทธิ์ที่จะบอกว่าเราเป็นอะไรได้ อะไรควรไม่ควร เราสามารถทำได้ทุกอย่าง ถ้ามันไม่ได้ไปทำร้ายคนอื่น

คุณเริ่มต้นสนใจกิจกรรมแบบ drag queen ได้ยังไง

     ก็เริ่มจากการเข้าร่วมการแข่งขันแต่งตัวให้เหมือนเลดี้ กาก้า มากที่สุด แล้วก็ชนะได้ไปนิวยอร์ก เลยเริ่มแต่งหญิงตั้งแต่วันนั้น คือปันสนใจเรื่องศิลปะมาตั้งแต่เด็ก ก่อนหน้านี้ปันทำงานศิลปะ และก็ชอบเลดี้ กาก้า มาก (ลากเสียงยาว) ไปนิวยอร์กครั้งนั้นก็สนุก มันปลดปล่อย รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรผิด

     ไม่ต้องมาบอกว่าสังคมมีสิทธิ์ที่จะบอกว่าเราเป็นอะไรได้ อะไรควรไม่ควร เราสามารถทำได้ทุกอย่าง ถ้ามันไม่ได้ไปทำร้ายคนอื่น มันสอนให้เรากล้าขึ้น รักตัวเองมากขึ้น และสามารถแสดงออกถึงความเป็นศิลปะที่อยู่ในตัวเราได้ มันมันตรงนี้ ได้ค้นพบหลายๆ ด้านของตัวเอง

 

ความรู้สึกตอนแต่งหญิงครั้งแรกมันมหัศจรรย์เหมือนกับที่เราเห็นในภาพยนตร์เรื่อง The Danish Girl ไหม

     สนุก เพราะเราไม่รู้ว่าคนจะชมหรือจะกระทืบ มันคือการเฉลิมฉลองความเป็นผู้หญิง แล้วก็สอนให้ตัวเราเองและสังคมรู้ว่าเพศคือสิ่งที่ไม่มีจริง ทุกๆ อย่างที่เราเห็นอยู่นี้ไม่มีจริง อะไรที่เรียกว่าผู้หญิง ผมเหยียดตรงเหรอ? อายไลเนอร์เหรอ? ส้นสูงเหรอ? ทุกอย่างคือจุดจุดที่เราเอามารวมกัน แล้วคิดว่านี่คือผู้หญิง สังคมใส่เราไว้ในกล่อง อย่างที่ปันชอบพูดอยู่ตลอด คือมันไม่จริง เลยรู้สึกว่ามันสนุกตรงนี้แหละ เหมือนเอาค้อนมาทุบความคิดความเชื่อเดิมว่าทุกอย่างนี้เรามโนกันไปเอง แล้วทำไมผู้ชายจะใส่กระโปรงไม่ได้ล่ะ แล้วทำไมผู้หญิงจะใส่กางเกงไม่ได้ล่ะ อะไรทำนองนี้ มันไร้สาระ

 

ถ้าเพศไม่มีจริง แสดงว่าคุณเองก็ไม่ได้นิยามว่าตัวเองเป็นอะไร

     ปันไม่ได้บ้าค่ะ ปันรู้ว่าปันเป็นเกย์ เป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายค่ะ คือไม่ได้มโนว่าเป็นยูนิคอร์น เรารู้ตัวเราเองว่าเราเป็นอะไร ความหมายคืออย่าให้คนอื่นมาบอกว่าเราเป็นอะไร หรือบางคนจะมาบอกว่าคุณไม่ใช่ drag queen คุณเป็นนางโชว์ ปันว่า สังคมไม่มีสิทธิ์มาบอกว่าฉันเป็นอะไร เพราะฉันนี่แหละที่จะบอกโลกว่าฉันคือใครได้ดีกว่า ถ้าแบบนี้สนุกกว่าหรือเปล่าล่ะ เนอะ

 

เทียบกับคำว่า drag queen ดูเหมือนบางคนมีความคิดแง่ลบต่อคำว่านางโชว์

     ไม่ลบ ทำไมพูดอย่างนี้ นางโชว์คือสายอาชีพหนึ่ง นางโชว์ก็คือนางโชว์ drag queen ก็คือ drag queen ทำไมเราต้องคิดว่าแบบไหนจะต้องดีกว่ากัน มันก็แค่แตกต่าง ปันแค่รู้สึกว่าทำไมคนชอบบอกว่า drag queen ไม่ใช่นางโชว์ แล้วนางโชว์จะต้องแย่กว่า คือมันไม่ใช่เลย ปันเองก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนางโชว์ เพื่อนปันเป็นสาวสองเยอะมาก การที่เราเป็น drag queen ก็ได้เรียนรู้การเป็นผู้หญิงมาจากพวกเขาเหมือนกัน

     เรื่องจริงคือเราอยู่ใต้ร่มเดียวกันนี่แหละ ปันจึงไม่อยากให้คนคิดว่าการเป็น drag queen แล้วต้องไปดูหมิ่นนางโชว์ บ้าเหรอ ปันนับถือนางโชว์มาก เพราะปันทำในสิ่งที่เขาทำไม่ได้ ในอีกมุมหนึ่งพวกเขาบางคนก็ไม่สามารถทำอย่างที่ drag queen ทำได้เหมือนกัน มันคนละสายกัน แต่ก็มีเส้นตรงกลางที่คาบเกี่ยวกันอยู่ มันก็คือศิลปะการแสดงไงล่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้อธิบาย นางโชว์ส่วนมากเป็นสาวประเภทสอง กลางวันก็เป็นผู้หญิง ส่วน drag queen คือผู้ชายที่กลางวันแต่งตัวเป็นผู้ชายปกติ แต่แต่งกายเป็นผู้หญิงในการแสดง

 

ปันปัน

 

สงสัยว่านอกจาก ปันปันแล้ว ภายในตัวคุณยังมีตัวตนอื่นๆ อีกใช่ไหม

     (หัวเราะ) มีเยอะมาก โดยมีผู้หญิงชื่อ Pangina Heals เป็นตัวคุม มีบางคนบอกว่าปันเป็นไบโพลาร์ แต่ไบโพลาร์ยังน้อยไปค่ะ ปันมีเยอะมากกว่านั้นในหัว มีบุคลิกอีก 10 ล้านตัวตน Pangina Heals คือคาแร็กเตอร์หลักที่ปันแต่งขึ้นมา โดยมาจากคำว่า Pan Pan ผสมกับ Vagina แล้ว Heals ก็พ้องเสียงกับส้นสูงเพราะปันชอบใส่ และยังหมายถึงการเยียวยาด้วย

     เหมือนกับการแต่งหญิงการเต้นสามารถเยียวยาเราและคนอื่นได้ ลักษณะของ Pangina Heals คือชะนีผมบลอนด์ ปากหมา เป็นคาแร็กเตอร์ที่แรงและแร่ด แต่เวลาแต่งเป็นกาก้า มารายห์ แชร์ หรือใครก็ตาม ก็ยังเป็น Pangina Heals อยู่ แต่จะอิงคาแร็กเตอร์นั้นมากกว่า

 

คุณอินกับ drag queen มากจนรู้สึกว่าไม่อยากออกมาจากตรงนั้นไหม

     ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ ไม่เคยเลย ปันว่ามันคือการ escape ของปันมากกว่า ซึ่งก็ต้องกลับมาสู่ความเป็นจริง มันเป็นการเยียวยาตัวเองเมื่อเรามีปัญหา สมมติวันนี้เลิกกับแฟน ก็จะแต่งเป็นผู้หญิงแข็งแรง ปันรู้สึกว่าในโมเมนต์นั้นเราให้เวลาผ่านไปอย่างน้อยสักคืนหนึ่งก็ดีขึ้น เพราะเราให้เวลากับตัวเอง เราได้เอาอารมณ์โกรธออกไป

     การแต่งหญิง การทาลิปสติก การใส่ส้นสูง การด่าคนโน่นนี่ มันก็ได้ระบายออกไปแล้ว เหมือนการใช้ศิลปะเพื่อจะเยียวยาตัวเอง ใช้เวลากับตัวเอง เพื่อทำให้ปัญหาของเราไม่สำคัญเท่าไหร่แล้ว เหมือนกับหม้อที่กำลังเดือด แล้วเราก็เปิดฝาให้ความร้อนมันออกมา

 

การแต่ง drag queen เป็นการปลดปล่อยตัวเอง จุดประสงค์มันแค่นั้นหรือ

     ค่ะ แหม ก็เธอเคยมีอารมณ์ทะมัดมะแมง อยากใส่สูทเป็นผู้ชายหรือเปล่าล่ะ หรือวันนี้อยากเป็นผู้หญิงที่แข็งแรงมากกว่าเดิม หรือบางวันอยากหวาน เรามีหลายๆ ด้านในตัวตนของเรา ซึ่ง drag ก็ไม่ได้แตกต่างกัน เพียงแต่เราเอามันออกมาให้คนอื่นเห็นได้ด้วยไง มันใหญ่กว่ามาก มันแยงเข้าไปในตาคนมากกว่า

     หรืออย่างจุดที่เล็กที่สุด ผู้หญิงชอบไปทำเล็บเพราะอยากสวย อยากละมุน มีความซอฟต์ มันเป็นการแสดงออกเล็กๆ น้อยๆ เราว่านั่นก็เป็น drag อย่างหนึ่ง เพราะเรากำลังเพิ่มสิ่งที่เราไม่มี มันทำให้เรารู้สึกเต็มและอิ่มกับชีวิตมากขึ้น ปันว่า Everything is drag. อย่างตัวเองบางวันอยากใส่สูททั้งๆ ที่ร้อนมาก สวมเสื้อผ้าที่ทำให้มั่นใจมากขึ้น ก็คือ drag อย่างหนึ่ง มันคือการแสดง หรือง่ายสุดเลยคือผู้หญิงใส่ส้นสูง ใส่ทำไมล่ะ เจ็บตีนจะตายห่า เราใส่เพราะเราอยากมั่นใจมากขึ้น ก็ไม่แตกต่างจาก drag

 

ในการแสดงเหล่านี้ คุณได้รับอิทธิพลหรือแรงบันดาลใจมาจากไหนบ้าง

     หมดเลย เพลง หนัง ผู้หญิงแข็งแรง หมายถึงผู้หญิงที่สู้ชีวิต มารายห์ แครี, วิตนีย์ ฮิวสตัน, บาร์บรา สไตรแซนด์, จูดี้ การ์แลนด์ ผู้หญิงที่มีปัญหาในชีวิตมีเยอะมาก อาจเป็นได้ทั้งปัญหาเหล้า ยา สามี แต่พวกเขามีพรสวรรค์ และเขาสามารถทำให้โลกรู้ได้ว่าไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร เขาก็สามารถฝ่าฟันมาได้ ปันรู้สึกว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากผู้หญิงเหล่านี้มากๆ

     คนที่เพอร์เฟ็กต์ไปทุกอย่างมันน่าเบื่อ ปันชอบคนประเภทที่รู้ตัวว่าตัวเองมีข้อเสีย แต่เวลาจะทำอะไรสักอย่าง คนทั้งโลกจะต้องหยุดและดู ปันชอบ เลดี้ กาก้า สุดๆ ชอบคนที่มีขึ้นและลง เพราะรู้สึกว่าปันเชื่อมโยงกับเขาได้

 

แล้วชีวิตคุณล่ะ ขึ้นและลงอย่างไร

     ตลอดครับ (หัวเราะ) การที่เราเอนเตอร์เทนคน แล้วดูเหมือนว่าเรามีความสุขตลอดเวลา มันก็ไม่ใช่ชีวิตส่วนตัวเราจะดีตลอดหรอก มีคำพูดประมาณว่า Clowns have the saddest face. เหมือนตอนที่เราแสดงเป็นตัวตลก ก็ยังมีอีกหลายมุมที่คนอื่นไม่รู้ เราอาจจะกำลังเศร้าอยู่ เครียด หรือกดดันมากๆ อยู่ก็ได้ แต่ถึงยังไงหน้าที่ของเราก็เป็นการสร้างความบันเทิง เมื่ออยู่บนเวทีเราต้องทำหน้าที่ในฐานะนักแสดง ไม่มีใครแคร์ว่าชีวิตเธอจะเป็นอย่างไร

     ถ้ามีคนดูมาถามว่า ปันเป็นไงบ้าง แน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะได้ยินว่า เฮ้ย มึง กูโคตรเศร้าเลยว่ะ เราทำงานบนเวที เราจะมาเศร้าไม่ได้ เราควรทำให้เขามีความสุข ต้องแฮปปี้และเอนเตอร์เทนทุกคน แต่ถ้าเป็นเพื่อนสนิทเราเมื่อไม่ได้อยู่บนเวที นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเพื่อนถามเราก็ควรตอบ เออ กูไม่โอเคว่ะ

 

ปันปัน

 

ถ้าพูดถึงคำว่า ‘ต้นทุนชีวิต’ บางคนอาจรู้สึกว่าทำอย่างคุณไม่ได้ เช่น ครอบครัวเขาไม่ยอมรับจริงๆ

     ตอนที่เริ่มแต่ง drag ปันก็ไปเต้นตั้งแต่ตีสองจนถึงหกโมงเช้านะคะ ได้คืนละ 800 บาท เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดกับปันเรื่องว่าปันมาจากไหน อะไร ยังไง มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งสำหรับบางคน บางคนเป็นกะเทยมาจากครอบครัวที่ไม่ได้มีเงินเยอะ มันก็ต้องยากกว่าสำหรับเขาอยู่แล้ว แต่ปันเชื่อว่าทุกคนสามารถสู้ได้ ดูอย่างหลายๆ คน เขามาจากไหนก็ไม่รู้

การจะประสบความสำเร็จอยู่ที่ความพยายาม และการที่ไม่กดตัวเอง

     อย่าง RuPaul ก็ไม่ได้มาจากครอบครัวที่มีเงินเยอะแยะนะ หลายๆ คนอาจมาจากจุดที่ชีวิตมีปัญหามาก่อน แต่เขาไม่ได้ทำให้มันเป็นปัญหา นั้นแหละ กะเทยยังไงก็ไม่ตาย กะเทยเก่งกว่าแมลงสาบอีกค่ะ เพราะฉะนั้น บอกได้เลยว่ายังไงกะเทยก็อยู่รอดได้ ถ้ากะเทยไม่ยอมแพ้ตัวเอง

 

จากการสังเกตเพื่อนๆ LGBT ของเรา เมื่อเขาไม่ได้อยากเป็นในสิ่งที่เกิดมา เขาจึงกดดันตัวเองให้พยายามมากขึ้นไป เพื่อให้คนอื่นยอมรับ

     เท่าที่เราสังเกต เพศที่สามนี่กตัญญูมากนะ เพราะเขารู้สึกขอบคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงเขามา เขารู้สึกว่าเขาผิดต่อพ่อแม่ที่เป็นแบบนี้ ซึ่งเราไม่อยากให้เขารู้สึกผิดแบบนั้น แต่เราพบว่ามีหลายๆ คนเลยที่รู้สึกแบบนั้น และขอบคุณพ่อแม่ที่ยังโอเคกับเขาอยู่ ทั้งๆ ที่เขาจะไล่ออกจากบ้านก็ได้ มันมีหลายสิ่งเลยที่เขาต้องแบกรับและผลักดันเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าไม่ใช่ว่าเขาดีกว่าสังคม แต่เขา ‘เท่าเทียม’ กับสังคม

 

เรื่องการทำงานด้วยหรือเปล่า เหมือนต้องพยายามมากกว่าคนอื่นเพื่อให้คนอื่นยอมรับ

     แม่เราก็เคยพูดกับเราแบบนี้ ตอนที่เรายังไม่เป็นกะเทย แม่บอกว่าเป็นเกย์ งั้นเรียนให้เก่ง พิสูจน์ว่าเราสามารถทำได้ดีเท่าๆ กับคนอื่นทุกคน แต่ในความเป็นจริง มันก็มีตุ๊ดขี้เกียจด้วยเยอะแยะไป เพียงแต่สำหรับตัวเรา เราพยายาม

 

ทำไมถึงยังมีประเด็นว่าในกลุ่ม LGBT เองก็ยังมีเรื่องโดนกดอยู่ สรุปแล้วโลกเปิดกว้างจริงหรือเปล่า

     ทุกๆ สังคม ทุกๆ กลุ่ม กดกันเองอยู่แล้ว มันอยู่ที่ตัวเราเองว่าจะยอมให้เขากดหรือเปล่า ถ้าทุกๆ วันเรารู้สึกว่าเราโดนกด ก็หนักเอง แต่ถ้าเรารู้สึกว่าช่างแม่ง กูจะทำแบบนี้ ตอนปันจะแต่งหญิงครั้งแรก ปันขอให้เขาสอน เขาก็ไม่สอน เขาบอกว่าอย่าเลยชีวิตยาก จนมี พี่ไจ๋ ซีร่า มาสอนปัน เพราะฉะนั้น ปันรู้สึกว่าคุณต้องไม่หยุดพยายาม ไม่งั้นคุณก็จะไม่มีวันนี้ ปันเชื่ออย่างนี้

วันที่คุณล้มเลิกหรือหยุดทำ วันต่อไปมันมักจะเป็นวันที่คุณจะประสบความสำเร็จ

     ‘The day you going to quit is the day before you become successful.’ สมมติเธอเลิกแต่งหญิงวันนี้ จริงๆ วันที่เธอจะประสบความสำเร็จคือวันพรุ่งนี้ ความหมายคือเธอต้องห้ามเลิกทำสิ่งที่เธอจะทำ เหมือนเด็กหลายๆ คนที่มาเต้นกับปัน แล้วบ่นว่า waacking ยาก เหนื่อย ไม่เต้นแล้ว ปันก็บอกว่าพรุ่งนี้เธอจะประสบความสำเร็จ แต่เธอเลิกวันนี้แล้วไง

 

ซึ่งสิ่งนี้เกี่ยวกับรอยสักบนอกของคุณที่เขียนว่า Strive ใช่ไหม

     ใช่ค่ะ คนส่วนมากอ่านเป็น Steve คือเหี้ยมาก (หัวเราะ) เคยเมาแล้วมีคนถามว่านี่สักชื่อแฟนเหรอ Steve จริงๆ มันคือคำว่า ‘Strive’ ที่แปลว่าพยายาม สักไว้ในตำแหน่งที่ใกล้หัวใจ เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่ควรจะอยู่ที่เดียว และไม่ควรจะหยุด พยายามหาสิ่งที่ดีๆ เข้ามามากกว่านี้ตลอด

 

ปันปัน

 

ตั้งแต่แต่ง drag มา คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างที่นำมาปรับในชีวิตจริง

     ปันว่าสมัยนี้คนเซนซิทีฟเกินไป ปันเคยโชว์อยู่แล้วมีคนเอามือปืนมารอข้างนอกด้วย เพราะว่าปันเล่นมุกแรง ถามเขาว่ามาจากประเทศอะไร ไม่เห็นรู้จัก ประเทศเหี้ยอะไร แค่นี้เอง ปันรู้ว่าตัวเองเป็นคนปากหมา แต่คนต้องเข้าใจว่า เฮ้ย มึง ที่นี่ไนต์คลับ ปันคือ drag queen หน้าที่คือการเอนเตอร์เทน

     ปันจะรู้สึกก้ำกึ่งตลอดว่าแรงไปหรือเปล่า คนรับได้ไหม ปันแสดงเป็นพิธีกร ภาษาอังกฤษเรียกว่า Insult Comics หน้าที่คือด่าคน ด่าเสื้อผ้าหน้าผม ด่าการตัดสินใจในชีวิตของคนคนนั้น เพื่อทำให้คนอื่นสนุกกัน หัวเราะกัน เพราะจริงๆ แล้วคนที่ปันกำลังล้อเล่นอยู่มากที่สุดคือตัวปันเอง

     เวลามีแขกขึ้นมาด่า ปันชอบมาก (ลากเสียงยาว) มีความสุขมาก บางคนเมาแล้วขึ้นมาด่า อีเหี้ย อีสัส ปันก็จะบอกมาเลยค่ะ ถึงเวลาแล้วค่ะ ขอบคุณพระเยชู เลดี้ กาก้า และทุกๆ คน มีความสุขมากๆ ที่ให้โมเมนต์คนด่าปัน เพราะปันจะได้ด่ากลับ สนุกมาก ชอบมาก เพราะจะได้บริหารสมอง ปันก็ไม่อยากให้คนคิดซีเรียสเกินไป

 

คนไทยน่าจะตึงๆ กว่าชาวต่างชาติ

     ก็ไม่เสมอไปนะ แล้วแต่คน มุกบางมุกคนเดินออกเลยก็มี แต่คนไทยส่วนมากน่ารัก ไม่ค่อยมีอะไรหรอก

     เคยมีคนเอาเมนูเครื่องดื่มโยนใส่หน้าปันด้วย ปันก็โกรธ ถือขวดเบียร์เดินไปหาเลย แล้วเจ้าของร้านก็มาห้ามไว้ กอดปันไว้ไม่ให้ขยับ เพราะถ้าเขาตีปัน ปันก็จะตีกลับเหมือนกัน กูเต้นของกูดีๆ เอาเมนูโยนใส่หน้า วันนั้นเดือดมาก โกรธมาก (เน้นเสียง) แต่ปันก็โชคดีที่มีแขกที่เข้าใจอารมณ์ขันของปัน แล้วนางมาทุกอาทิตย์ เขารู้สึกว่าที่ที่เราแสดงเหมือนบ้านเขา เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ที่มีคนทำตัวไม่โอเค แขกของปันจะช่วยกันเหมือนกับกองทัพ เป็นทหารของปัน ปันไม่ต้องทำอะไรเลย เขาจะเข้าไปเตือนเอง

     เขาเล่าให้ปันฟังว่า อย่ามาเหยียบบ้านกู มึงมาเที่ยว มึงเป็นทัวริสต์ กูมาที่นี่ทุกอาทิตย์ มึงระวังให้ดี ปันสนุก ปันโอเค เพราะเรารู้สึกปลอดภัย เราสร้างบ้านนี้ให้กับทุกๆ คน สร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยขึ้น ทุกคนควรจะสนุก แล้วก็จิกผู้ชายเอากลับบ้านไป ให้มาดูโชว์ drag queen แต่จะแดกผู้ชายหรือจะ drag queen ก็แล้วแต่เลย

 

เรามีเพื่อนเหมือนที่คุณบอกว่าคุณชอบเวลาได้ด่าคน ชอบโวยวาย ทำให้คนมองว่าเพศที่สามเป็นคนแบบนี้ รู้สึกว่ามันยิ่งตอกย้ำตรงจุดนี้ไหม

     มันคือ stereotype ไง สมมติเราคิดถึงคำว่าเกย์ เกย์ต้องการเกงขาสั้น เสื้อกล้าม ทั้งๆ ที่มันไม่จริงเสมอไป แต่มันมีความเป็นไปได้ว่าเป็นแบบนั้นเยอะ การโวยวายกับเพศที่สามก็เป็น stereotype ที่เป็นจริงบางส่วน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนนะ เราไม่ควรคิดเหมารวมแบบนั้น

 

มองว่าควรแก้ไขยังไงให้คนเลิกมองแบบนั้น

     มองว่าคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน และแต่ละคนไม่ได้ represent ภาพรวม คนนี้เป็นผู้หญิง ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงทุกคนเหมือนผู้หญิงคนนี้ อีกะเทยคนนี้มันเหี้ยใช่ไหม ก็อีเนี่ยเหี้ย ไม่ใช่กะเทยทุกคนเหี้ยค่ะ คนเหี้ยมีในทุกเพศค่ะ ทุกวัย ทุกชาติ

 

ถ้าคุณจะตั้งสเตตัสถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา คุณจะตั้งว่าอะไร

     Oh my fucking gosh! (ถอนหายใจ) กูเจอมาเยอะมาก หลายอย่างมาก ชีวิตเยอะมาก แต่เดี๋ยวๆ เอาเป็นคำว่า Oh my Gaga! ดีกว่า แทน oh my gosh ไม่รู้เพราะอะไร ถ้าเป็นภาษาไทยก็ ‘แม่งโคตรมันเลย’

 


Model: Pan Pan Nakprasert Photographer: Tom Potisit Stylist: Vorapol Suporn [BrasBas] Make Up Effect: Pompam Papang Headpiece: Vin Laa Photographer Assistants: Nanew Thanapong, JITJER, Jukkapan Piaraksa Lighting Powered by Profoto by Focus to One