มนุษย์จะมีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมแค่ไหนกัน? ทั้งที่เรารณรงค์กันมานานแล้ว แต่วันนี้เราก็ยังคงต้องพูดถึงสิ่งที่เคยพูดกันเมื่อสิบปีที่แล้วอยู่เลย
“ถ้าผมไม่เชื่อ ผมไม่ทำหรอก ผมคงไปนั่งเล่นละครหล่อๆ ของผมแล้ว ชีวิตสบายจะตาย แต่ว่าผมเชื่อว่ามันเป็นไปได้”
อเล็กซ์ เรนเดลล์ แสดงเจตนามุ่งมั่น พร้อมกับชี้ให้เห็นหัวใจสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมยัง จริงๆ แล้วมันคือการที่เรา ‘ไม่รัก’ มันต่างหาก
ยิ่งสำหรับคนเมืองที่มีชีวิตห่างไกลจากธรรมชาติ ก็ยิ่งทำให้ขาดความรู้สึกเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมจนกลายเป็นความไม่รู้จักและไม่สนใจ พอไม่รู้จัก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะไม่รักมัน การสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้ในวิธีของอเล็กซ์จึงไม่ใช่การออกไปป่าวประกาศเรียกร้อง ปลูกต้นไม้ หรือเก็บขยะในทะเล แต่เป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชน หรือในอีกแง่คือเขากำลังสร้าง ‘ความรู้’ ผ่าน ‘ความรัก’
ความรู้สึกรักธรรมชาติก็คงไม่แตกต่างจากความรักรูปแบบอื่นสักเท่าไหร่ เพราะกว่าจะรัก เราก็ต้องรู้จักมันดีพอ และเมื่อมีความรัก เราก็เริ่มอยากปกป้องมันเอง
ประเด็นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่คุณกำลังอินที่สุดในตอนนี้คือเรื่องอะไร
สำหรับเรา ถ้าเป็นเรื่องของสิ่งมีชีวิต สัตว์ ทะเล ปะการัง อะไรพวกนี้ เราอินของเราอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อินมากที่สุดคือเรื่องของคน คนที่ไม่ได้เกิดมาโชคดี และเรื่องของการตัดสินใจของคนในเมือง (Decision Making) ที่มันส่งผลกระทบกับชาวบ้านและคนที่อยู่ตามทะเล เขาไม่มีอำนาจ ทำให้โดนคนในเมืองมองข้ามหรือเหยียดหยามในบางสถานการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยชอบ
เวลาไปเจอพวกชาวมอแกน อูรักลาโว้ย หมู่บ้านมูเซอ เรารู้สึกว่าเขาไม่ได้ต่างอะไรจากเราเลย จิตใจของเขาดีกว่าพวกเราอีกด้วยซ้ำ เมื่อคุยกับเขา เขาไม่ได้มีความเกลียดความร้ายกับเราเลย เขามีแต่จะให้ ผมพาเด็กไปศึกษาที่บ้านของเขา เขาก็พร้อมที่จะทำของกินมาให้ เรือของเขาพร้อมที่จะให้เรายืมไปใช้โดยที่ไม่มีคำว่าธุรกิจ จิตใจพวกเขาดีสุดๆ แต่เขาดันต้องก็มานั่งรับผล decision making ที่ไม่ดีของคนเมือง ซึ่งส่งผลกับชีวิตของเขา ที่เราทำอยู่ทุกวันนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่อที่จะสร้าง decision maker หรือนักตัดสินใจที่ดีขึ้นในอนาคต
ฟังดูเป็นงานที่ยากและน่าจะทำให้คุณเหนื่อยมากเลยนะ
ผมเคยไปพักผ่อนที่บ้านเพื่อนที่อโศก แล้วก็มองออกไปเห็นตึกร้อยๆ ตึก เห็น BTS เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในเมือง แล้วก็ถามตัวเองว่าเราสามารถสร้างสิ่งที่แตกต่างได้จริงๆ ไหม เราทำงานหนักขนาดนี้มันจะส่งผลอะไร คนในเมืองตรงนี้จะได้รับอะไรจากเรา นั่งคิดแล้วก็นึกถึงเด็กๆ ที่อยู่ในค่ายของเรา ตั้งแต่ทำมามีนักเรียนไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันคน ซึ่งหนึ่งพันคนนี้มีอำนาจในการตัดสินใจทั้งหมด แล้วถ้าอีก 30 ปี เด็กๆ ได้เป็นเจ้าของตึกนี้หนึ่งพันตึก ทำให้หนึ่งพันตึกนี้สามารถที่จะมีการตัดสินใจอะไรที่ดีที่สุดที่นำไปสู่การพัฒนาประเทศของเรา พัฒนาสังคม ดูแลคนกันเองมากขึ้น
ผมก็ว่าถามตัวเองว่าถ้านี่ไม่ใช่ sustainability แล้วความยั่งยืนที่แท้จริงมันคืออะไร เราอาจจะไม่ได้ปลูกป่าปลูกต้นไม้ แต่ว่าเราสร้างจิตให้เด็ก และยกระดับจิตของเด็กขึ้นมา วันที่เขาลุกขึ้นมาตัดสินใจ เขาจะไม่มีทางนึกถึงเรื่องของกำไรอย่างเดียว แต่เขาต้องนึกถึงทุกคน ความคิดนี้เลยทำให้ผมมีพลังขึ้นมาอีกครั้ง มันอาจเป็นระยะยาวนิดหนึ่ง แต่ว่ามันเวิร์กแน่นอน
หมายความว่าการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในวันนี้ อาจจะไม่ใช่การออกไปปลูกต้นไม้อย่างเดียวใช่ไหม
ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น อันนี้คือแพลตฟอร์มของผม บางคนจะชอบมองว่าจะทำไปทำไมระยะสั้น แต่ผมคิดว่าระยะสั้นก็ต้องการ ระยะยาวก็ต้องการ เพียงแต่ของเรามันเป็นระยะยาว ซึ่งสุดท้ายแล้วถามว่าปลูกป่าได้ไหม ปลูกได้ แต่ว่าปลูกแล้วคุณต้องเอาองค์ความรู้เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ใช่ปลูกเสร็จแล้วก็เดี๋ยวมันก็ตายในสองสามวัน สุดท้ายแล้วมันก็ได้แต่ภาพที่สวยงาม แต่ว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะฉะนั้นเรื่องของแพลตฟอร์มและโปรเจ็กต์ต่างๆ ถ้าเกิดมันสามารถสร้างองค์ความรู้ให้กับคนในเมืองได้ เราเชื่อว่ามันเป็นแรงบันดาลใจในการให้คนลุกขึ้นมาปกป้องได้เยอะขึ้น
ถ้าเราไปดำน้ำแล้วเห็นปลาตัวหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามันคือปลาอะไร ความคิดของเราก็คือ เออ ปลามันสวยดีนะ แต่ถ้ารู้ว่าปลาชนิดนี้ใกล้สูญพันธุ์ ถิ่นที่อยู่อาศัยเป็นยังไง มีอยู่กี่ตัว กี่แบบ กี่ชนิดบ้าง มันจะมีคุณค่าให้เราอยากที่จะไปดูแลมัน นึกออกไหม เพราะฉะนั้น เราต้องมีองค์ความรู้ที่จะให้กับประชาชน เพื่อที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนลุกขึ้นมาเพื่อปกป้องสิ่งสิ่งนั้น
สายไปไหมจะมาเริ่มกันวันนี้
ถ้าถามคนทำ ผมก็ต้องบอกว่ามันไม่สาย แต่ก็มีคนที่บอกว่ามันสายไปแล้ว ผมคิดว่าสายไม่สายไม่รู้ ถึงยังไงก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เราต้องมีความหวัง เราต้องสู้ จะมานั่งอยู่เฉยๆ แล้วยอมแพ้ไม่ได้ ไม่มีทาง เราต้องไปให้ถึงที่สุด อย่าไปคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ถ้าผมไม่เชื่อ ผมไม่ทำหรอก ผมคงไปนั่งเล่นละครหล่อๆ ของผมแล้ว ชีวิตสบายจะตาย แต่ว่าผมเชื่อว่ามันเป็นไปได้ เลยคิดว่า เอาวะ เราต้องทำ เรามาขนาดนี้แล้วจะยอมแพ้ได้ยังไง
คุณเชื่อในอะไร
เชื่อว่าเราสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ หลังจากทำงานกับคนที่เขาเกิดมาและทำงานทั้งชีวิตเพื่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่เราคุยกันอยู่ มีคนที่พร้อมที่จะทำงานตรงนี้เพื่ออนาคตของพวกเรา และผมก็เชื่อว่าเขาจะไม่ยอมให้สิ่งแวดล้อมดีๆ มันหมดไป
แล้วคนในสังคมจะถูกไซโคจากผม (หัวเราะ) สิ่งที่ผมทำจะทำให้เขาเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แรงบันดาลใจเหล่านี้มันส่งต่อกันได้ คือมนุษย์นี่แหละที่เป็นคนทำพัง เราก็ต้องแก้ไขมันให้ได้ สัตว์ 99% ที่สูญพันธุ์ไปก็เพราะว่ามนุษย์ แต่ถ้าจะทำก็อย่าไปโลกสวย ไม่ใช่แค่คิดและฝัน แต่เราต้องมีความรู้ในทุกๆ อย่างที่เราทำ จะใช้ใจอย่างเดียวก็ไม่ได้ บางทีใช้ใจอย่างเดียวก็ไปสร้างภาระให้คนอื่นอีก เราต้องใช้ความรู้ด้วย
หัวใจของการอนุรักษ์ต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง
มีหลายปัจจัย ยกตัวอย่าง บางคนเห็นชาวประมงกำลังตกปลาอยู่ในที่ที่เขาไม่ควรตก แล้วเขามาทำมาหากิน คุณจะจับเขาเข้าคุกหรือเปล่า เขามีลูก มีภรรยา มีครอบครัว ผมว่าเราต้องการการจัดการที่ดีมากกว่าการใช้กฎหมายบังคับ ไม่ใช่ไปมองที่บุคคล เหมือนกับการใช้พลาสติก คนโลกสวยอาจบอกว่าฉันจะไม่ใช่พลาสติกเลย แต่ผมไม่ใช่คนโลกสวย
“
พลาสติกเป็น material ที่ไม่ควรไปโทษ มันคือตัวเราต่างหากที่ต้องโทษ
”
โอเค เราไม่ใช้พลาสติกมันดีอยู่แล้ว แต่ในทางการแพทย์ล่ะมันเป็นไปได้ไหม แล้วคนที่เขามีข้อจำกัดในชีวิตประจำวันจริงๆ แล้วจำเป็นต้องใช้มันล่ะ คือเป็นเรื่องการบริหารและเป็นเรื่องระบบมากกว่าที่เราควรแก้ไข ไม่ใช่เอะอะก็ไปโทษสิ่งของอย่างเดียว
การเปลี่ยนทัศนคติของคนที่ดีที่สุดทำอย่างไร
สิ่งที่ผมทำ ผมเริ่มจากเยาวชน เพราะผมมองว่าผู้ใหญ่ดัดยาก เหมือนกับเวลาสอนเด็กดำน้ำ เราให้ดำเขาก็ดำเลย แต่ผู้ใหญ่เขาจะกลัว หน้ากากตรงนี้ใช้ได้ไหม น้ำจะเข้าไหม ประสบการณ์ชีวิตของเขาสั่งสมมาว่าอะไรปลอดภัย อะไรไม่ปลอดภัย แล้วการไปเปลี่ยนความคิดผู้ใหญ่มันยาก แต่ว่าของเด็กเราสามารถให้เขาซึมซับและค่อยๆ เรียนรู้ได้ ใช้สัตว์ ต้นไม้ ทะเล เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการเรียนรู้และสร้างความเข้าใจ สิ่งที่ผมทำอยู่มันคือโมเดลสิ่งแวดล้อมศึกษา ซึ่งจริงๆ แล้วมันมี 5 ระดับที่ต้องทำวนไปและกลับมาให้มันยั่งยืน
เพราะฉะนั้น ผมมองว่าการสร้างแรงบันดาลใจให้คนในการอนุรักษ์ได้จะต้องมีกระบวนการ มีคนที่กล้าลุกขึ้นมาพูด มีคนที่สามารถใช้ตัวเองให้เป็นประโยชน์ เหมือนกับที่ผมพยายามทำอยู่ เรื่องคอนเทนต์ผมอาจจะรู้ไม่เท่ากับนักวิชาการ แต่ก็คิดว่าตัวเองสามารถเป็นแพลตฟอร์มในการนำความรู้ดีๆ ออกไปสู่สังคม มันคือกระบวนการอย่างหนึ่งที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนได้ ซึ่งถ้าเกิดว่านักแสดงและคนอื่นๆ มาช่วยกันตรงนี้ อาจไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องลงแรงมากมายก็ได้ แค่ใช้ตัวเองเป็นแพลตฟอร์มในการมอบความรู้ให้กับสังคม แค่นี้ผมก็รู้สึกแล้วว่ามันสร้างการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ได้
ในโครงการ TCP Spirit เราทุกคนจะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลธรรมชาติได้อย่างไร
กิจกรรมที่ทำทั้งหมดคือการให้ความรู้คน การที่เราจะพาอาสาสมัครเข้ามาในโครงการ เราจะไม่ได้ทำแค่เพราะรักสนุก คือคนที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมอาจจะมี 2 แบบ คือ คนที่รักสนุก กับคนที่มีใจจริงๆ คนที่รักสนุก พอมาถึงแล้วก็เฮ้ย เหนื่อย แป๊บเดียวก็หายไป แต่ถ้าเราสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนมาเป็นพวกที่มีใจจริงๆ ให้ได้มันก็จะดีกว่า
อย่างในกิจกรรมหมอต้นไม้ที่เราทำอยู่ทั้งกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ มันมีกิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนและอาสาสมัครที่เข้ามา ให้เขารู้ว่าวิธีการดูแลต้นไม้ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ไม่ใช่แค่อยากเข้ามาดูแล รดน้ำตรงนี้ หรือแม้กระทั่งการตัดกิ่งอาจจะดูง่าย แต่มันก็มีองค์ความรู้ของมันอยู่ นั่นแหละคือสิ่งที่เรากำลังจะสร้างให้เขาเข้ามาเรียนรู้และนำไปใช้ต่อได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ทำกิจกรรมแล้วกลับบ้านไป ความรู้ตรงนี้จะฝังและยกระดับจิตใจของเขาจนสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ และเราก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนมาดูแลต้นไม้ในเมืองได้มากขึ้น
ในฐานะคนเมืองคนหนึ่ง มองว่าต้นไม้ในเมืองวิกฤตแค่ไหน
ความจริงข้อหนึ่งของต้นไม้ในเมืองคือ เมืองที่มีต้นไม้ในเมืองเยอะ มีการทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์ออกมาว่าทำให้คนในเมืองใจเย็นขึ้น และมีอัตราอาชญากรรมน้อยลง มีการใช้ความรุนแรงน้อยลง สามารถช่วยลดความเป็นไปได้ที่จะเกิดมะเร็งผิวหนัง ทั้งยังช่วยด้านมลพิษทางเสียงได้ด้วย การดำเนินชีวิตของเรามันผูกกับต้นไม้พวกนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันมีผลกระทบต่อชีวิตเรา ไม่ใช่ทำมาเพื่อความสวยงามอย่างเดียว
ผมคิดว่ามีคนไม่มากหรอกที่รู้ว่าในเมืองเรามีคนที่มาดูแลต้นไม้อยู่จริงๆ อาจจะคิดว่าเป็นแค่รถสีเหลืองๆ ที่มาวิ่งรดน้ำต้นไม้แค่นั้น แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ มันมีเรื่องของวิทยาศาสตร์มาเกี่ยวข้อง และยังมีเรื่องการปีนขึ้นไปตัดต้นไม้ในวิธีที่สนุกและได้ความรู้ ผมว่านี่แหละคือการสร้างแพลตฟอร์มที่ถูกต้อง รวมทั้งการดูแลต้นไม้ในเมือง และให้เขารู้ว่าต้นไม้ในเมืองมันไม่ใช่แค่ความสวยงามอย่างเดียว มันมีมากกว่านั้น
คิดว่ามันเป็นเรื่องที่คนไม่สนใจและไม่ให้ความสำคัญมากกว่า คนไม่ได้อยากเรียนรู้เกี่ยวกับมัน ไม่ให้ความสำคัญมากเพียงพอ ในด้านจำนวน ผมคิดว่ามีหน่วยงานที่ดูแลอยู่แล้ว แต่ที่มันวิกฤตน่าจะเป็นเรื่องการรับรู้ของคน โปรเจ็กต์นี้ก็น่าจะสร้างให้คนเข้ามารู้จักและให้ความสนใจมากขึ้น
ต้นไม้บางต้นแม้จะอยู่มานานแล้วก็ยังถูกโค่นเพื่อความเจริญของเมือง คุณเคยรู้สึกสะเทือนใจหรือโกรธการกระทำเหล่านี้ไหม
ผมไม่ได้รู้สึกโกรธ ที่ทำงานตรงนี้ ผมก็อยากทำอย่างมีความสุข ผมเชื่อว่าทุกวงการมันมีความขัดแย้ง มีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่เราไม่ได้มานั่งโกรธใครหรือไม่เห็นด้วยกับใคร แต่เราสามารถเลือกวิธีการของเราได้ว่าเราอยากสื่อสารแบบไหนได้บ้าง แต่ผมเอง ตั้งแต่ทำเรื่องนี้มาผมไม่เคยออกความคิดเห็นเรื่องความขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งประเด็นใหญ่ๆ ในโซเชียลมีเดีย ลึกๆ ผมก็มีความคิดเห็นส่วนตัวของผม แต่ผมก็เลือกที่จะถ่ายทอดมันออกมาเวลาผมสอนเด็กๆ มากกว่า ถ้าให้มาโพสต์ด่าคนโน้นคนนี้มันไม่ใช่ทางของผมสักเท่าไหร่
หากสนใจเข้าร่วมโครงการนี้ อาสาสมัครต้องเตรียมตัวเตรียมใจอย่างไรบ้าง
ผมคิดว่ามันเป็นโครงการที่ดีมาก เพราะทำให้คนได้เห็นถึงความสำคัญของสิ่งที่เราอาจมองข้ามอย่างต้นไม้ในเมือง และสามารถนำไปปฏิบัติต่อได้จริงๆ ช่วงหลังๆ มานี้มีคนถามผมเยอะมากว่าถ้าอยากช่วยหรือมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อม เราจะต้องทำยังไง ผมก็มักจะแนะนำให้ไปองค์กรนั้น ให้เป็นอาสาสมัครตรงนี้
แต่สิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดคือเรื่องของวิธีคิดของเรา ผมสามารถมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะผมแฮปปี้กับครอบครัวผม ผมแฮปปี้กับความมั่นคงและสถานะในวงการบันเทิง ผมรู้สึกอิ่มกับทุกสิ่งทุกอย่าง พอเป็นแบบนี้มันจะเกิดความรู้สึกว่าเราพอแล้ว เราสามารถจะให้โดยที่เราไม่ต้องเอาอะไรก็ได้ ในขณะที่เราช่วยคน ก็ไม่มีความคิดอยากให้บุญกลับมาที่ตัวเรา ขอให้สิ่งที่เราทำสร้างความดีให้ชีวิตเรา ผมไม่คิดอย่างนั้นเลย เวลาให้ ผมให้ไปเลย แล้วถ้าคุณมองย้อนตัวเองว่าคุณพร้อมที่จะให้แล้ว คุณจะสามารถช่วยคนอื่นๆ ได้เยอะมาก
แต่การที่คุณมาช่วยแล้วอยากจะแข่งขัน อยากได้อะไรบางอย่างกลับไป มันอาจจะหมายถึงว่าคุณไม่พร้อมที่จะช่วยจริงๆ มากกว่า มีคนที่ทำกิจกรรมเสร็จแล้วมาบอกผมว่า วันนี้ไม่รู้สึกอิ่มเลย อ้าว แต่กิจกรรมนี้ไม่ได้จัดมาเพื่อคุณนะ มันเพื่ออะไรอย่างอื่น เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่สามารถทิ้งความเป็นตัวเองได้ คุณจะไม่สามารถช่วยคนข้างหน้าได้ ก็ต้องย้อนกลับมาที่ตัวเองก่อน
แสดงว่าเราต้องเติมตัวเองให้อิ่มก่อน
แน่นอน แต่ผมคิดว่าการเติมให้อิ่มของแต่ละคนไม่เท่ากัน คนหนึ่งอาจจะอยากได้แบบนี้ คนหนึ่งอาจจะมีเป้าหมายต่างออกไป แต่การทำกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ จะช่วยโลก ช่วยสัตว์ ช่วยต้นไม้ในเมือง มันเริ่มจากตัวเองและการบริหารความคิดของเราให้มันไปในทางที่ถูกต้องก่อน
การใช้ชีวิตอย่างเข้าใจธรรมชาติ ข้ามผ่านสิ่งต่างๆ ได้ ทำให้ชีวิตมีความสุขแค่ไหน
มันมีความสุข แต่ผมก็ต้องยอมรับว่าเราโชคดีด้วยที่เกิดมาในที่ที่มีทางเลือก และถ้าคุณสามารถเลือกการใช้ชีวิตของตัวเองได้แล้ว คุณต้อง appreciate มัน ทุกวันนี้ผม appreciate กับการใช้ชีวิตมาก แต่กว่าที่เราจะคิดแบบนี้ได้ เราก็ต้องสู้มาเยอะ
ผมอยู่ในวงการบันเทิง ซึ่งเป็นวงการของมาร์เกตติ้ง เราอยู่ในเมืองที่เราพร้อมจะเป็นเหยื่อของมาร์เกตติ้งอยู่เสมอ แต่พอได้ไปอยู่ในธรรมชาติ เรารู้สึกว่าทุกอย่างมันช้าลง ทุกอย่างที่เราไม่คิดว่ามันสวยมันก็สวย มันเลยกลายมาเป็นสิ่งที่สำคัญ พอเราข้ามตรงนั้นไปแล้วมันจะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทำอะไรก็ทำด้วยใจ ทำงานบางทีเหนื่อยนะ แต่ไหนๆ ทำแล้วก็ต้องทำให้มันสุด ซึ่งกว่าที่เราจะคิดแบบนี้ได้ก็ต้องผ่านประสบการณ์ชีวิตมาระดับหนึ่ง
ผมทำงานมาตั้งแต่ 7 ขวบ เสาร์-อาทิตย์ผมก็อยู่แต่กับกองถ่าย อยู่กับคนเยอะ จนผมคิดว่าตัวเองเก่งเรื่องคน ผมดูคนแป๊บเดียวก็รู้ว่าคนนี้น่าคบไหม (หัวเราะ) ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของประสบการณ์ชีวิต ความขยันและวินัยของเรา อย่าไปคิดว่าเราต้องประสบความสำเร็จเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ ไม่ใช่ เราต้องมีเป้ายาวๆ พอได้ไปถึงตรงนั้นแล้วเราจะรู้สึกอิ่ม และจะสามารถคืนกลับไปให้คนรอบข้างได้ง่ายๆ